อยู่ในวงการมากว่า 20 ปี เวย์น ฟอลโคเนอร์นักแสดงมากฝีมือลูกครึ่งไทย-อเมริกันชาวจังหวัดนครราชสีมา ผ่านบทบาทและงานแสดงมาอย่างโชกโชน แต่ที่โดดเด่นและแจ้งเกิดให้เวย์นได้จนถึงทุกวันนี้คือบทผู้ร้าย จนได้ฉายาในสมัยหนึ่งว่าเป็น “ดาวร้ายหน้าหล่อ” สตาร์เรโทรสัปดาห์นี้จึงพาย้อนตามดูเส้นทางความสำเร็จของเขากัน
เส้นทางการเข้ามาในวงการบันเทิง
มีคนชวนเข้ามาประกวดนายแบบโดมอนแมนปี 1987 ตอนนั้นที่เข้ามาเพราะเราอยากได้เงินรางวัลอายุผมประมาณ 21 ปี ผลออกมาคือติด 1 ใน 5พอประกวดเสร็จได้ถ้วยรางวัล ได้เงิน ก็กลับบ้านไปอยู่ที่โคราช เอาเงินรางวัลที่ได้มาไปลงทุนค้าขาย ซึ่งสมัยนั้นโทรศัพท์ก็ไม่มี มีแต่ที่อยู่ เลขที่บ้าน ผ่านไปประมาณสองอาทิตย์มีโทรเลขมาที่บ้าน ผมก็ตกใจใครเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะถ้ามีโทรเลขมาที ต้องมีเรื่องใหญ่แน่ๆ ผมก็ไปรับโทรเลข เขาก็บอกว่าให้ผมโทรศัพท์กลับไปที่บริษัทโดมอนตามเบอร์นี้นะ ผมก็โทรไป แล้วเขาก็บอกว่าสนใจเดินแฟชั่นไหม ผมก็งง อะไรคือแฟชั่น เดินยังไง ถ่ายยังไง ไม่รู้เรื่องเลย เขาก็เลยบอกว่าถ่ายแบบแล้วได้ตังค์ด้วยสนใจไหม ผมก็เลยตอบรับทันที เพราะได้ตังค์ด้วย (หัวเราะ) ก็นัดวันเวลาสถานที่ให้เราไปถ่าย คือตอนวันที่ประกวดเสร็จ 4 คนเขาไปถ่ายหนังสือกันมาแล้วเล่มหนึ่ง ส่วนผมเขาไม่รู้จะตามยังไง พอเล่มนี้ก็ให้ผมถ่ายคนเดียวไปเลย กลายเป็นเกิดเลย ฟลุกไปเป็นดวงมากๆ (หัวเราะ) หลังจากนั้นก็เดินแบบถ่ายแบบเกือบทุกอาทิตย์ ผมก็ขึ้นมากรุงเทพฯ ถ่ายแอดโฆษณาบ้าง ถ่ายแบบ เทสต์งานโฆษณาไปเรื่อย
ผลงานการแสดงเรื่องแรก
ตอนนั้นถ่ายโฆษณาเสื้อผ้ากับมอเตอร์ไซค์อยู่ พี่ปัญญา นิ่มเจริญพงษ์ โทรมาชวนเล่นหนังถามว่าขี่มอเตอร์ไซค์ได้ไหม ผมก็บอกว่าขี่ได้ผมอยู่ต่างจังหวัด เขาบอกว่าคันใหญ่นะ ผมก็บอกว่าได้ รถถังผมก็ขี่ได้ก็เลยชวนไปเล่นหนังเรื่อง “ห้าวเล็กๆ” เรื่องแรกเล่นกับ อ้อม-สุนิสา สุขบุญสังข์, เอ-อนันต์ บุนนาคผมเล่นเป็นผู้ร้ายขี่ช็อปเปอร์ มีพี่หนึ่ง วรเชษฐ์ นิ่มสุวรรณเล่นเป็นน้องชายผม เราเล่นเป็นพี่โหด ซ้อมน้อง แกล้งนางเอก จับโน่นจับนี่แล้วตอนนั้นก็ได้พี่หนึ่งนี่แหละเป็นครูคนแรกที่สอนเรื่องการแสดงให้ ไม่รู้ไม่เข้าใจอะไรก็ถามแกได้เลย ผมจำได้เลยว่าถ่ายซีนแรกวันแรกตรงสะพานดำบางซื่อ เดี๋ยวเทสต์รถไฟ เดี๋ยวเทสต์ทรงผมหลายอย่างมาก จนเกือบเทคสุดท้ายฟิล์มหลุดเลยพอสั่งคัท พี่ปัญญาบอกว่า วันแรก ซีนแรกมึงเล่นกูม้วนหนึ่งเลยนะ (หัวเราะร่วน) ม้วนหนึ่งเต็มๆ เลยครับ พอสั่งคัทเทคสุดท้าย ก็เป็นเรื่องแรกสนุกสนานเฮฮามากก็รู้จักแก๊งพี่ซูโม่กิ๊ก พี่ติ๊ก พอหนังฉายปรากฏว่า ดังมากอ้อม-สุนิสา ดังเปรี้ยง เกิดเลย ออกเทปเลย ส่วนผมคนจำได้จากเรื่องนั้นเยอะเหมือนกัน ทุกวันนี้ก็มีนะที่แฟนๆ จำเราได้จากเรื่องนี้ที่เป็นเรื่องแรก หลังจากนั้นก็มาร่วมงานบริษัทพรพจน์ เล่นอยู่ 2-3 เรื่อง หนุ่มสาวนำแสดงโดย หมิว-ลลิตา ปัญโญภาส และ วิลลี่แมคอินทอช แล้วก็เรื่อง แม่มดยอดยุ่ง เล่นเป็นตัวร้ายตลอดเลย
เล่นร้ายจนได้รับฉายา
มีคนบอกว่าผมเล่นได้ดี แฟนละครชอบดูตอนนั้นจะได้ฉายาว่า ดาวร้ายหน้าหล่อ เพราะสมัยก่อนคนที่เล่นเป็นตัวร้ายส่วนใหญ่จะหน้าโหดๆ มีหนวดเครา แต่ผมหล่อใสปิ๊ง (ยิ้ม)
บทร้ายเต็มตัวที่สร้างชื่อเสียง
เล่นกับอารุจน์ รณภพ เรื่องหลงไฟ เล่นกับฮันนี่-ภัสสร บุณยเกียรติ คนเกลียดทั้งเมือง เพราะก่อนหน้านี้ผมจะเล่นเป็นตัวร้ายวัยรุ่น ร้ายเกเร กระเซ้าเย้าแหย่ แต่ในเรื่องหลงไฟ ร้ายแบบเป็นแมงดาเลย ซ้อมผู้หญิง ขายผู้หญิง ทำร้ายผู้หญิง พอหนังฉายออกมาเปรี้ยงมาก ก็เลยมุ่งทางร้ายมาโดยตลอดต้องขอบคุณอารุจน์ รณภพ ที่ทำให้ผมหาทางตัวเองเจอ
เข้าสู่เส้นทางสายละคร
เล่นละครเรื่องแรกดังเลย เรื่อง ทูตมรณะ ของกันตนา พี่สุ (สุชีรา กัลย์จาฤก) เป็นคนเรียกไปแคสต์ เล่นกับพี่เอก-สรพงศ์ ชาตรี ซึ่งเป็นเรื่องแรกของพี่เอก มีอาแอ๊ด-สมบัติ เมทะนี เล่นเป็นพ่อ ตอนนั้นขนดาราตัวใหญ่ๆ มาเยอะมาก ผมก็มีโอกาสได้ไปประกบเล่นเป็นลูกของอาแอ๊ด ซึ่งเล่นเป็นเจ้าพ่อมาเฟีย ร้าย แสบ ฉุดนางเอกน้องกวาง-กมลชนก จนเตียงหักเตียงพัง น้องกวางก็เป็นเรื่องแรกของเขาเหมือนกัน แล้วเรื่องนี้พอฉายก็เปรี้ยงมากเพราะพี่เอกเป็นพระเอกด้วย เราก็พอได้ติดกระแสไปด้วย หลังจากนั้นก็มาเล่น เรื่อง ในฝัน ของพี่ไก่-วรายุฑ ช่อง 3 ก็เล่นทุกช่องครับตอนนั้นเพราะเราไมได้เซ็นสัญญากับช่องไหนเรามา เล่นไปเล่นมาแป๊บๆ นี่ก็เข้า 20 ปี (หัวเราะ)
เสน่ห์ตัวร้ายที่เล่นแล้วหลงรัก
เวลาเล่นแล้วเราสนุก เวลาเล่นเป็นคนดีจะรู้สึกขัดๆ นิดหนึ่ง แต่พอเราเล่นร้ายเราสามารถได้ปล่อยพลังโพล่งๆ ออกไปเล่ย เล่นง่ายกว่า เพราะถ้าเล่นเป็นคนดีแล้วดูอึดอัด ทำไมไม่พูดแบบนี้น่ะ แต่พอเป็นบทร้ายมาเราก็พูดไปตามบทใส่อารมณ์ได้เต็มแมกซ์เลยใส่พลังเข้าไป เหมือนชกกระสอบทรายก็สนุกไปอีกแบบ สนุกเต็มที่ บ้าพลังไปตอนหนุ่มๆ
เล่นละครไปนานๆ กลายเป็นตกหลุมรักงานแสดง
เคารพมากกว่าครับสำหรับผม เป็นการให้เกียรติงาน และเราก็ต้องยิ่งตั้งใจว่าจะต้องทำให้ได้ดีที่สุดเท่าที่เรามีความสามารถ ฉะนั้นเราจะต้องมีความตั้งใจเป็นอันดับแรกก่อน ความผิดพลาดอะไรต่างๆ นานาที่เกิดขึ้นก็ค่อยๆ แก้กันไป ถ้าเราตั้งใจเป็นหลักแล้ว ให้ความเคารพเป็นหลัก
บทร้ายในความทรงจำ
เรื่องหลงไฟ ที่ได้เล่นร้ายแบบผู้ใหญ่เต็มตัว หรืออย่างเร็วๆ นี้ที่เล่นน้อยแต่คนพูดถึงก็มีเรื่อง นางทาสเล่นรับเชิญ เป็นตอนที่เราเอาลูกไปขายแล้วฟีดแบ๊กดีมากคนด่าทำไมทำอย่างงี้ เอาลูกไปขายได้ยังไงก่อนหน้านั้นก็มีเลวๆ เยอะนะเล่นน้อยๆ แต่เป็นพ้อยท์ของเรื่องคนก็จะจำได้
แฟนละครอินจัดทักทายจัดหนัก
สมัยก่อนนานมากแล้วล่ะ ไปงานแต่งเพื่อนที่จังหวัดนครพนม ป้าแก่ๆ เดินเข้ามานี่หมั่นไส้จริงๆ เลยร้ายมากนะขอหยิกสักทีได้ไหม ผมก็คิดว่าเขาจะแกล้งที่ไหนได้ บิดผมเอวเขียวเลย แต่หลังๆ คนเขาก็เข้าใจขึ้นแล้ว ไปตลาดป้าๆ ก็มีบ่นๆ ให้ได้ยินบ้างว่าร้ายยังงั้นร้ายอย่างงี้ ก็บ่นไปตามอารมณ์ไม่ได้จริงจังโกรธแค้นบางคนก็ทักวันนี้ไม่มีละครเหรอมาเดินตลาดอะไรประมาณนี้ แฟนคลับผมก็โน้นๆ แหละรุ่นสี่สิบอัพ (หัวเราะ) วัยรุ่นไม่ค่อยรู้จัก
ไม่น้อยใจแม้คนจะจำไม่ได้
แต่ละที่แต่ละคนก็จะมีแฟนคลับ แฟนละครของแต่ละคนอยู่แล้ว เหมือนอย่างไปเขตนี้ก็ดูช่องนี้ทั้งหมด ไปอีกเขตหนึ่งก็ดูอีกช่องหนึ่ง ก็เป็นทาเกตของแต่ละกลุ่ม อย่างวันก่อนลูกๆ ดูละครเราอยู่ที่บ้านวันนั้นเขาดูเรื่อง ปีกทอง เขาก็ถ่ายส่งไลน์มาให้ผมดูว่าเรื่องนี้ออนแอร์แล้วนะ บางทีผมถ่ายละครหลายเรื่องก็จะจำไม่ได้ว่าเรื่องไหนออนแอร์หรือยังก็ไม่ค่อยได้เช็คก็มีลูกสาวนี่แหละค่อยดูให้
ไม่คาดหวังไม่ผิดหวัง
ชีวิตในวงการบันเทิงของผมก็มีขึ้นๆ ลงๆหวือหวาบ้าง แต่เอาจริงๆ ผมว่าก็ไปเรื่อยๆ นะเราไม่มีความคาดหวังอะไร แค่มีงานเราก็ทำแล้วสนุกไปกับมัน มีงานได้เงินก็ทำ สนุก บางคนบอกบ้านอยู่ไกลมาก็ลำบาก ผมก็เลยบอกว่า การทำงานของผมก็คือการมาเที่ยว มาสนุก มาเจอคน เวลาอยู่บ้านผมก็เลี้ยงลูก ดูแลครอบครัว การออกจากบ้านไปทำงานผมคิดว่าออกมาเที่ยว วันนี้ไปเที่ยวกองนี้พรุ่งนี้ไปเที่ยวกองนั้น ซึ่งการได้เที่ยวจริงๆ ของผมในชีวิต บอกเลยนะว่าก็คือการมาถ่ายละครได้ไปสถานที่ดีๆ สถานที่ที่ไม่เคยไปในชีวิตตัวเองจริงๆถ้าไม่เล่นละคร
ทุกชีวิตมีปัญหา
ก็ไม่เคยท้อนะ แค่รู้ว่าเจอปัญหาเราก็ต้องแก้ไขและฝ่าฟันไปให้รอดให้ได้ เพราะถ้าเราท้อแท้แล้วล้มลงไปคนหนึ่งแล้วคนที่อยู่ข้างหลังล่ะเขาก็อาจจะล้มตาม ฉะนั้นเราก็ท้อแท้ไม่ได้ต้องแข็งแรง คือก็รู้ว่ามีปัญหาแต่ก็ไม่พยายามแสดงออกให้คนอื่นรู้ว่าเรามีปัญหา เราก็แก้ของเราไปทีละเปาะ เดี๋ยวก็แก้ไขได้เองแหละ เราก็จะพยายามคิดถึงคนที่ต้องพึ่งพาเรา ตัวเราไม่เท่าไหร่หรอก เราต้องทำหน้าที่ยืนหยัดไว้ให้แข็งแรงที่สุด อย่างน้องชายผมก็เพิ่งเสียไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็ต้องเข้มแข็งและต่อสู่กันต่อไป
ชีวิตครอบครัว
แต่งงานกับภรรยานอกวงการครับ แล้วก็มีลูกสองคนเป็นลูกสาว คนโตทำงานแล้ว ส่วนคนเล็กกำลังเรียนต่อปริญญาโทที่จุฬาฯ ลูกทั้งสองคน แรกๆ เคยพามาลองงานในวงการบันเทิง แต่ไม่ได้เรื่องเลย ขี้อายด้วย (หัวเราะ) คนเล็กเขาจะชอบงานศิลปะ ออกแบบ งานแสดงไม่น่าจะเหมาะ อยู่บ้านทำงานในสิ่งที่ตัวเองรักดีกว่า
บทบาทพ่อในแบบของ เวย์น
ผมเป็นพ่อที่สบายๆ นะ เล่นเหมือนเพื่อนกันกับเขา แล้วเขาก็จะสนิทกับเรามาก คุยกับเราได้ทุกเรื่องแล้วก็ไม่ค่อยดุ เป็นเหตุเป็นผล คือการเลี้ยงลูกเราต้องฟังเขาก่อนอันดับแรกเพราะถ้าดุปุ๊บเขาก็จะไม่เล่าอะไรให้เราฟังเลย
ลูกสาวทั้งคู่ห่วงหวงแค่ไหน
ไม่เลยครับเราเลี้ยงให้เขาฉลาดและรู้ทันทุกอย่าง เพราะเวลาอยู่กับเพื่อนพ่อก็จะคอยบอกคอยแนะนำเขาตลอด ไม่น่าเป็นห่วง รู้ทันโลก รู้ทันสังคม ซึ่งไม่ใช่ว่าจัดเจนนะ คือเขารู้ว่าอันไหนดีหรือไม่ดีจะส่งผลอะไรยัง ไม่ต้องห่วงหรือกังวลแล้ว เขาก็สามารถโตและรับผิดชอบตัวเองได้ในระดับหนึ่งแล้วไม่นอกลู่นอกทาง แต่ก็มีช่วงเหนื่อยหน่อยก็จะเป็นช่วงวัยรุ่นก็ค่อยๆ ตะล่อมเอา ให้เขาเลือกว่าอันไหนชอบจริงๆ ไม่ได้ไปบังคับหรือกำหนดกฎเกณฑ์ให้เขา ผมเลี้ยงลูกเหมือนนกคือให้หัดบินเองแต่เราก็คอยดูอยู่ห่างๆ อยากให้เขาเรียนรู้ด้วยตัวเอง
ธุรกิจเสริมนอกเหนือจากงานแสดง
ก็เคยมีครับ แต่พอเราไม่ได้อยู่ดูจริงๆ จังๆ งานในวงการก็ต้องวิ่งขึ้นวิ่งลง กรุงเทพฯ-โคราช เลี้ยงลูกอีก ก็เหมือนว่ารายได้ที่ได้ไม่คุ้มเสียก็เลย
ไม่ทำ เล่นละครอย่างเดียวแล้วกันผมรู้สึกนะว่ายิ่งเสริมยิ่งเป็นภาระ (หัวเราะ) เมื่อก่อนคนอาจจะมองว่าการแสดงเล่นละครไม่น่าจะเป็นอาชีพที่ยั่งยืนได้ แต่พอมาวันนี้ผมว่าเป็นอาชีพที่ยั่งยืนได้เลยนะ ทีวีก็มีการขยับขยายช่องเพิ่มมากขึ้น เมื่อก่อนละครมีแค่ไม่กี่ช่อง เวลาก็มีไม่กี่ช่วง ตอนนี้ดูสิมีไม่รู้กี่ช่องกี่เวลา มีแต่เพิ่มขยาย คือทำตัวตั้งหลักไว้รอรับงานอย่างเดียวเลยตอนนี้
ไม่มีบ้านในกรุงเทพฯ เลยสักหลัง
ตอนนี้ผมอยู่โคราชถ้ามีงานก็จะขึ้นมากรุงเทพฯ ไม่มีงานก็กลับไปอยู่โคราช บางวันมีถ่ายละครก็นั่งแท็กซี่ไปกอง คือนั่งรถทัวร์มาแล้วก็ต่อแท็กซี่ไปตามกองต่างๆที่เขานัด การนั่งรถทัวร์มาผมว่าสบายมากนะ เราได้นั่งหลับยาว ไปๆ กลับๆ แบบนี้มาโดยตลอด ไม่มีบ้านในกรุงเทพฯ แต่มีอพาร์ทเม้นต์ทิ้งไว้บ้างเผื่อนอนวันไหนต้องถ่ายละครติดต่อกันหลายวัน แต่ถ้าไม่ติดกันถ่ายวันเดียวก็นั่งรถกลับโคราชเลย แล้วก็ไม่เคยคิดจะย้ายบ้านหรือเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ เลยตั้งแต่เข้าวงการ อย่างที่บอกตอนนั้นที่ประกวดได้รางวัลเสร็จก็ดิ่งกลับโคราชเลย สมัยก่อนอาทิตย์หนึ่งขึ้นมาเดินแฟชั่นเสร็จก็กลับ ไม่เหนื่อยนะสนุก ชินแล้ว
วางแผนชีวิตในอนาคต
เล่นละครไปจนกว่าจะไม่มีแรงเล่น ก็ไม่รู้จะไปทำอะไรแล้วน่ะ (หัวเราะ) เล่นละครนี่แหละจนกว่าจะเดินไม่ไหวคนไม่จ้าง ก็รับงานตามเวลาที่มีไม่ชนกับเรื่องอื่นๆ ไม่รับแน่นจนเอี้ยด ให้ตัวเองมีเวลาว่างอยู่กับครอบครัวด้วย แต่ปีหน้าอายุ 50 ปีแล้ว ว่าจะประกาศเลิกบู๊ครับ เพราะเพิ่งได้รับบาดเจ็บมาหัวไหล่เจ็บยังไม่หายเลย แต่ถามว่าบู๊ยังได้ไหมก็ได้นะ แต่อายุเยอะแล้วความเสี่ยงสูงก็อยากจะเซฟตัวเอง เอาเบาๆอย่างเรื่องแรงตะวัน ก็เพิ่งตกม้ามาก็ไม่ได้ตกแรงนะมีเบาะรองอยู่แต่ตกหลายรอบ ก็จุกเหมือนกัน ถามว่ากลัวเจ็บไหมไม่กลัวหรอกแต่กลัวความผิดพลาด เราอายุเยอะแล้ว เพราะเขาบอกว่าถ้าคนอายุเยอะแล้วถ้าเจ็บมากว่าจะฟื้นตัวก็ต้องใช้เวลานาน ก็ต้องระวังเป็นพิเศษ
หลักการทำงานที่ยึดถือมาโดยตลอด
ตอนนั้นสมัยเป็นเด็กขอพ่อแอ๊ด-สมบัติมาครั้งแรกที่เล่นละครกับแกเรื่อง ทูตมรณะ คือผมเริ่มสนุก อยากอยู่วงการนานๆ แล้วเราก็เห็นผลงานแกมาตลอดตั้งแต่สมบัติ-อรัญญา สมบัติ-เนาวรัตน์ พอเจอแกมาเล่นเป็นพ่อก็เลยถามตามประสาเด็กว่า ผมอยากอยู่วงการนานๆ แบบพ่อมีอะไรแนะนำไหมครับ แกก็ตอบมาคำหนึ่งว่า ตีนติดดินไว้ลูก เราก็งงยังไงว่ะ คือ พออยู่ในวงการบันเทิงพอมีชื่อเสียงก็จะลอย ถ้ายิ่งลอยสูงมากเวลาตกลงมาก็เจ็บมากลูก ถ้าลอยเตี้ยแค่นี้ก็เจ็บแค่นี้ แต่ถ้าตีนติดดินไว้สะดุดหกล้มก็เจ็บแค่นั้น อาจจะไม่เจ็บเลยก็ได้ เจ็บนิดหน่อย เราก็เลยใช้แบบนั้นมาตลอดที่อยู่วงการ คืออย่าลอย
ชวนติดตามผลงานล่าสุด
ตอนนี้ที่ถ่ายอยู่หลายเรื่องครับรวมทั้งซีรี่ส์ Club Friday The Series 8 รักแท้... มีหรือไม่มีจริงตอน รักแท้หรือแค่...แค่รักเก่า แล้วก็มีเรื่อง ปีกทองเล่นเป็นพ่อของ ฌอห์ณ จินดาโชติ ของช่อง GMM25 ก็อยากให้แฟนละครทุกคนสนุกไปกับทุกผลงาน เพราะทุกคนในกองถ่ายไม่ได้ทำกันง่ายๆ ต้องใช้เวลา ปัจจัยกำลังต่างๆ เยอะมาก ก็อยากให้ดูกันด้วยความสนุกสนานมีความสุขกันทุกคนครับ
และนี่คือนักแสดงรุ่นเก่า ที่ยังคงความเก๋าทั้งประสบการณ์และการใช้ชีวิต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี