วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
สตาร์เรโทรสัปดาห์นี้เปิดพื้นที่ให้กับ “ดวงใจ หทัยกาญจน์” กับเรื่องราวที่ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจ พร้อมทั้งเปิดเผยภาพถ่ายสุดรักและเทิดทูน เมื่อครั้งที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯรับเสด็จ“พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช”และ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช”
ภาพแรกนี้ เป็นภาพที่ได้เข้าเฝ้าฯรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในงานกฐินที่วัดแคนางเลิ้งในภาพจะมีนักร้องนักแสดงในสมัยนั้นมารอเข้าเฝ้าฯรับเสด็จมากมายนะคะ คุณบุปผา สายชล, คุณโย-ทัศน์วรรณ, คุณครรชิต ขวัญประชา, ป้าทอง สุลาลีวัลย์สำหรับงานกฐินในวันนั้น ต้องขอประทานโทษด้วยถ้าบอกเล่ารายละเอียดของงานผิด เนื่องจากว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นนานมากแล้ว คือพี่ครรชิตเป็นศิษย์เอกของคุณมิตร ชัยบัญชา ซึ่งวัดแคนางเลิ้งจะเป็นเหมือนวัดที่คุณมิตร เคารพนับถือและอุปถัมภ์พอคุณมิตรเสียไปไม่กี่ปี คุณครรชิตก็ได้มีการทำบุญทอดกฐิน แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านก็ทรงเสด็จฯมาในงานนี้ด้วย พวกเราก็ยืนตั้งแถวรอรับเสด็จ พอพระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมา ท่านก็หันหน้ามาทางดาราที่เข้าเฝ้าฯ อีกฝั่งจะเป็นประชาชนท่านเดินมาแต่ไกลเลย ท่านยิ้มให้กับพวกเราด้วยจนพระองค์ท่านหันไปทางประชาชนแล้วเราก็ยังยิ้มอยู่เลย เป็นความรู้สึกที่ (น้ำเสียงสั่นเครือน้ำตาคลอ) เหมือนเทวดายิ้มให้ เพราะท่านก็เหมือนเทวดาจริงๆ แม้ว่าท่านจะไม่ได้รับสั่งอะไร แต่แค่นี้เราก็ปลื้มใจ ยิ้มไปสามวันสามคืนแล้วค่ะ เพราะเป็นความรู้สึกที่เรารอคอยมานานแสนนาน แต่จริงๆ เราก็มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯบ่อยนะคะ หมายถึงว่าดาราสมัยก่อน จะมีงานการกุศล และพระองค์ท่านก็เสด็จฯด้วย อย่างเช่นงานรวมใจสู่แนวหน้า ซึ่งเป็นการหาเงินไปช่วยทหารที่ตระเวนชายแดน พี่เล็ก-นาท ภูวนัย เคยให้สัมภาษณ์เราก็ได้ไปรำฟ้อนเซิ้งสวิงในงานนั้นด้วย ซึ่งถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นจะได้รำคู่กับพี่เล็กด้วย แต่หารูปไม่เจอ การแสดงในวันนั้นรู้สึกว่าหายเหนื่อยค่ะ เพราะว่ากว่าจะขึ้นไปเล่นบนเวทีได้ ต้องไปซ้อมที่โรงละครแห่งชาติ กลับจากถ่ายหนังยังไงก็ต้องขอกองถ่ายกันไป นักแสดงทุกคนทำงานกันเดือนนึง 30 วัน 60 คิว คือกลางวันเรื่องนึง กลางคืนเรื่องนึง แต่ก็ต้องแบ่งเวลาตรงนี้เพื่อไปซ้อม เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าพระองค์ท่านเสด็จฯ
.jpg)
ได้มีโอกาสเฝ้าฯรับเสด็จ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9” อยู่หลายครั้ง
ภาพแรกเป็นงานการกุศลของโรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ แต่ตนเองไม่ได้จบเซนต์ฟรังนะคะ คือโรงเรียนสอนตัดเสื้อกิติยา ขอมาว่าให้เราไปเดินแบบเสื้อผ้าที่เป็นชุดไทย และสมเด็จพระราชินีท่านก็เสด็จฯงานของเซนต์ฟรังอยู่แล้ว ตอนนั้นได้รอเฝ้าฯรับเสด็จ และในภาพก็ยิ้มด้วยค่ะ เพราะว่าพระองค์ท่านทรงมีรับสั่งด้วยว่าเห็นข่าวลงว่าจะเลิกแสดงหนังแล้วเหรอ เราก็ยิ่งปลื้มปิติในความสนพระทัยของพระองค์ท่าน แสดงว่าพระองค์ท่านอ่านข่าว ก็ได้ตอบกลับไปว่ายังไม่เลิกแสดงเพคะ คือช่วงนั้นมีข่าวลงว่าเรากำลังจะแต่งงาน และเหมือนว่าจะเลิกแสดงหนังแต่จริงๆ ไม่ใช่นะคะ หนังสือพิมพ์คงจะเข้าใจผิด และลงข่าวไป แล้วสมเด็จพระราชินีท่านทรงคุยเก่ง เราก็จะไม่ประหม่า ท่านให้ความเป็นกันเอง นอกจากนี้ท่านยังชมว่าเราเป็นผู้หญิงที่ผิวสวยนะ แล้วดูสิเราเนี่ยไปตากแดดมา ในภาพก็จะเห็นพระองค์ท่านยกแขนเราก็จำที่พระองค์ท่านรับสั่งกับเราได้ เพราะรู้สึกว่าเป็นมงคลกับเรามาก คือท่านเป็นผู้หญิงที่คุยเก่งดังนั้นเราก็จะไม่ประหม่าค่ะ
ส่วนอีกภาพเป็นเมื่อครั้งที่แสดงหนังเรื่อง “17 ทหารกล้า” ของคุณไพฑูรย์ รตานนท์ ในภาพก็จะมี คุณสุริยา ชินพันธุ์, คุณไกร ครรชิต ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้เล่นเป็นนางเอกค่ะ แล้วพระองค์ท่านก็เสด็จมาทอดพระเนตร แล้วรุ่งขึ้นเราก็ได้ไปเข้าเฝ้าในวังอีกแต่เป็นงานการกุศล ในภาพนี้คือได้ทูลเกล้าฯถวายดอกไม้ และก็ยิ้มด้วยความปลื้มปีติอีกเช่นเคย และพอพระองค์ท่านทอดพระเนตรจบแล้ว หนังฉายเสร็จ ช่วงที่รอส่งเสด็จฯ พระองค์ท่านก็ทรงมีรับสั่งชื่นชมว่าเราเป็นผู้หญิงที่อ่อนหวาน
.jpg)
ดุจเทวดามาจุติ
นักแสดงสมัยก่อนมีโอกาสได้ถวายงานต่อหน้าพระพักตร์ คือที่สุดแล้วค่ะ ถือว่าเป็นมงคลของชีวิต ส่วนตัวได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯรับเสด็จและถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีอยู่บ่อยครั้งเหมือนกันนะคะ แต่ว่าภาพถ่ายอาจจะไม่มีแล้ว คือบางทีนักข่าวก็ขอไปและไม่คืน เราก็ลืมไปเลย พอจะหาภาพถ่ายได้มาเท่าที่มี ความรู้สึกทุกครั้งที่ได้เข้าเฝ้าฯนั้นเราเหมือนว่าเราได้รับพลังแห่งคุณความดี แล้วก็มีความรู้สึกว่าชีวิตเราจะดีขึ้นแล้วก็ดีจริงๆ นะคะ ถือเป็นความโชคดีของนักแสดงสมัยนั้น แต่พระเจ้าอยู่หัวท่านจะไม่ค่อยรับสั่งอะไรยังจำได้ว่าครั้งหนึ่งพระราชินีทรงหันไปรับสั่งกับพระเจ้าอยู่หัวว่าเมื่อคืนไปดูหนังที่ดวงใจแสดงพระเจ้าอยู่หัวท่านก็ทรงยิ้ม ท่านจะยังคงอยู่ในความทรงจำทุกครั้งเสมอ เราอยู่ใกล้เทวดาที่เดินดินได้ แล้วเราก็จะได้รับมงคลจากท่าน (น้ำตาคลอ)
คำสอนของพ่อที่ยึดเป็นแนวทางปฏิบัติ
โดยส่วนตัวแล้ว ดำเนินชีวิตตามคำพ่อสอนโดยตลอด ให้มีเมตตาไมตรีดีต่อกัน คือเราห้ามชีวิตไม่ให้เกิดปัญหา เกิดความทุกข์ไม่ได้ แต่ถ้าในใจของเรามีเมตตาไมตรีและดีต่อกันอย่างจริงใจ เชื่อว่าปัญหาหนักก็จะกลายเป็นเล็ก ปัญหาเล็กก็จะไม่เกิด เพราะว่าเรามีใจที่เมตตาต่อกัน ช่วยอะไรได้ก็ช่วย ไม่เคยกลัวที่จะเกิดมาเป็นผู้ให้ ให้แล้วก็มีใจที่เป็นสุข
.jpg)
พระราชกรณียกิจที่ตรึงตราอยู่ในหัวใจ
มีภาพที่พระองค์ท่านทรงลุยน้ำไป แต่ก็ไม่ค่อยได้แพร่ภาพเท่าไหร่ ถ้าดูในหนังจะเห็น คือเหมือนรถติดหล่มหรือยังไงไม่ทราบ แล้วท่านเดินลุยลงไปในน้ำในคลองเลย แล้วท่านก็เอามือแหวก เรารู้สึกว่าคือที่สุดแล้ว คือไม่มีข้อแย้งใดๆ เลยที่จะไม่รัก (น้ำเสียงสั่นเครือ พร้อมหยดน้ำตาที่ไหลริน) ยิ่งทุกวันนี้ยิ่งรู้ก็ยิ่งรัก ที่ผ่านมาความดีของท่านฝังอยู่ในใจตลอดค่ะ แต่พอท่านสิ้นแล้ว ถึงได้เห็นหนังพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่เราไม่เคยรู้ เลยต้องขอใช้คำว่ายิ่งรู้ก็ยิ่งรัก และที่เพิ่งได้ชมจากภาพยนตร์ส่วนพระองค์ คือรถพระที่นั่งของท่านวิ่งเข้าไปที่ถนนซึ่งเป็นดินลูกรัง เป็นฝุ่นแดงเต็มไปหมด แล้วพระราชินีท่านก็ลงมาจากรถและทรงปัดขี้ฝุ่นใส่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เหมือนแกล้งค่ะ ว่านี่แหนะๆ ซึ่งน่ารักมากแต่ว่าเราดูแล้วกลับน้ำตาไหล คือท่านไม่จำเป็นต้องไป หรือต้องทำถึงขนาดนั้นข้าราชบริพารนี่เป็นฝรั่งหมดเลยหัวแดง (หัวเราะ) คือขี้ฝุ่นเกาะเต็มไปหมดเป็นภาพที่ดูน่ารัก แต่ว่าเราก็รู้สึกตื้นตันที่พระองค์ท่านทรงทำเพื่อประชาชนมากถึงเพียงนี้ และเราก็เพิ่งมาเห็นหลังจากท่านสวรรคต
.jpg)
ยังคงความเศร้าโศกเสียใจ
ได้ชมภาพยนตร์ สารคดีที่เกี่ยวกับพระองค์ท่านเมื่อไหร่ก็ร้องไห้ ฟังเพลงขับรถอยู่ก็ร้องไห้ ขับรถผิดทางตลอด ตั้งแต่ท่านสวรรคตค่ะ ด้วยความที่เราฟังวิทยุแล้วก็อินร้องไห้ ก็จะปิด แต่ว่าเดี๋ยวก็ทนไม่ได้อยากรู้ก็เปิดอีก เหมือนคนบ้าปิดๆ เปิดๆ อยู่บ้านก็เหมือนกันค่ะ ปิดๆ เปิดๆ ทีวี. ดูแล้วก็ร้องไห้ คือจะเป็นแบบนี้ตลอด เพราะว่าเรารักและเราก็คิดถึงพระองค์ท่าน การที่เราไม่มีพระองค์ท่านแล้ว ช่วงแรกๆเปรียบเหมือนว่าใจสลาย แต่ก็บอกเลยว่าชีวิตต้องดำเนินต่อไป เรากลับมามองว่ายิ่งท่านสวรรคตไปแล้วพลังที่ท่านอยู่บนฟ้ายิ่งจะคุ้มครองบ้านเมืองและลูกๆ ที่ท่านรักให้เข้มแข็ง (ร้องไห้) แล้วก็ผ่านวิกฤติไปได้ ส่วนตัวเชื่ออย่างนั้นค่ะ และขอให้เรารักกัน มีเมตตาไมตรี ถ้าคนเรามีจิตเมตตาที่ดีต่อกันยังไงเราก็ไปด้วยกันได้ แต่ถ้าเราคอยแต่จะโกรธแค้นเอาเรื่องกันปัญหาจากเล็กก็จะกลายเป็นใหญ่ เหมือนที่เขาบอกว่าน้ำผึ้งหยดเดียว เราก็เห็นกันอยู่ใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นยิ่งท่านสวรรคตแล้วเราก็จะต้องยิ่งดีต่อกัน ไม่ต้องถึงกับรักกัน และพวกเราโชคดีท่านวางไว้ให้หมดแล้ว แค่เดินตามเอง ไม่ต้องคิดเลย เพราะว่าท่านคิดไว้ให้เราหมดแล้ว
.jpg)
ภาพประทับใจ ที่เป็นอีกหนึ่งแนวทางในการใช้ชีวิตคู่
คือภาพที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9ทรงหอมแก้มพระราชินี เป็นภาพที่ใครให้มานั้น จำไม่ได้แล้วค่ะ แต่เป็นภาพที่เห็นแล้วชอบและประทับใจมากคือท่านก็ทรงเป็นแบบอย่างของความรักของครอบครัวที่ต้องมีอารมณ์ที่นุ่มนวลต่อกัน ความรักอย่างเดียวครองคู่ไม่ได้ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นแบบอย่างที่ดี (เสียงสั่นเครือร้องไห้) ของชีวิตคู่ ซึ่งเราก็ดำเนินรอยตาม เวลาเห็นท่านจับมือกัน ยิ่งวันที่ฉลองครองราชย์ครบ 60 ปีพระราชินีจะทรงจับมือพระเจ้าอยู่หัวตลอด เพราะตอนนั้นท่านก็เริ่มเดินติดๆแล้ว ท่านออกมามองประชาชนแล้วท่านก็ทรงยิ้มทั้ง 2 พระองค์ แล้วพระราชินีก็รับสั่งกับพระเจ้าอยู่หัว เหมือนกับจับที่ศอกพระองค์ท่านแล้วให้บ๊ายบายประชาชน แล้วพระเจ้าอยู่หัวท่านก็ปลื้มใจที่ลูกๆ มากันเยอะมาก สายตาพระองค์ท่านบอกได้เลยว่า ขอบใจนะ ขอบใจลูกทุกคนที่มา พระราชินีท่านก็ซาบซึ้งด้วยเช่นกัน พระราชินีทรงเป็นกำลังใจให้พระเจ้าอยู่หัว ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีในการครองคู่ หลายครั้งที่เห็นในข่าว รู้สึกได้เลยว่าเวลาที่ทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปด้วยกันท่านทรงมีความสุข แล้วเฉกเช่นเดียวกันก็เชื่อว่าพระราชินีท่านเป็นภรรยาที่เพียบพร้อมไปทุกอย่างเพราะฉะนั้นภรรยาที่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง นั่นแหละคือกำลังใจที่ดีและวิเศษที่สุดให้กับคนที่เป็นสามี
ที่บ้านจะมีรูปในหลวงรัชกาลที่ 9 เยอะมากอย่างที่สมุดจดคิวก็จะมีรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ติดอยู่ วันนี้หยิบมาให้ชมด้วย มีหลายเล่มเริ่มตั้งแต่ปี 2551 ถึงปี 2559 แล้วเล่มสุดท้ายคือปี 2560 คือจะตัดรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 แล้วก็มาแปะไว้ที่สมุดคิว แต่ละปีๆ ก็จะมาแปะทำแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ เพราะว่าเรารัก เดินทางกลับเชียงใหม่ ระหว่างรอขึ้นเครื่องก็จะเอามาดูไม่อยากมองหน้าใครก็เอารูปในหลวงมาดู รักที่สุดไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่รัก ก็ลองคิดดูนะคะว่า ฝนแล้งก็ทำให้ฟ้าฉ่ำ น้ำท่วมก็ช่วยให้บรรเทา รถติดก็สร้างถนนลอยฟ้าให้ ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่รัก แม้ว่าในบทบาทการเป็นนักแสดงเราจะไม่เคยได้รับพระราชทานรางวัลตุ๊กตาทองจากท่าน แต่ก็ดีใจกับเพื่อนๆ ทุกคนเวลาไปบ้านใครแล้วเห็นรางวัลตุ๊กตาทองก็ยินดีกับเขาและชื่นชมที่เขาโชคดี ยิ่งสมัยแรกๆจะได้รับจากพระหัตถ์ของพระองค์ท่านด้วย ตอนที่ท่านหนุ่มๆจะเสด็จฯมางานบันเทิงเยอะค่ะ
ปลูกฝังลูกๆ อยู่เสมอ
ก็ตั้งแต่ดูข่าว สมัยที่ลูกเล็กๆ เราก็จะให้เขาดูข่าวพระราชสำนัก เพราะว่าเราเป็นคนเลี้ยงลูกเองแล้วก็อยู่กับลูกตลอดเวลา เห็นข่าวก็จะบอกกับลูกว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงทำอย่างนั้นอย่างนี้นะ และจะสอนให้เขาขอบคุณข้าวทุกจาน ข้าวทุกเม็ด ตามที่ในหลวงทรงสอน และทุกวันนี้ตัวเราเองเวลาตื่นเช้ามาหรือก่อนนอนก็จะสวด พุทธังเศรษฐี ธัมมังมั่งมี สังฆังเป็นสุขแล้วก็จะขอบคุณคุณพ่อ-คุณแม่ ขอบคุณครูบาอาจารย์และผู้มีพระคุณ แต่เดี๋ยวนี้ต้องเพิ่มอีกคนนึงแล้ว คือกราบส่งเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ปกติจะสวด 5 ครั้ง ตอนนี้เพิ่มเป็น ขอให้ท่านคุ้มครองประเทศชาติของเรา
.jpg)
ขอตั้งปณิธานสานต่อสิ่งที่พ่อสร้างไว้
จะเดินตามคำพ่อสอนทุกอย่าง ให้ได้ทุกข้อให้มากที่สุดแล้วก็จะบอกต่อลูกหลาน การเป็นนักแสดงก็ให้ทุกคนรู้จักหน้าที่ แค่นี้ก็เป็นการตอบแทนที่ยิ่งใหญ่แล้ว เราต้องทำอยู่เสมอ ใครก็ทำได้หมดค่ะ ไม่ใช่แค่การเป็นนักแสดง ทุกคนต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเองล่าสุดก็ได้มีโอกาสไปเล่นละครเทิดพระเกียรติที่ทาง “คุณบอย-ถกลเกียรติ” สร้างขึ้น คือเล่นเป็นตัวประกอบด้วยนะไม่มีบทพูด แต่ก็เต็มใจมากๆ คือเป็นฉากที่เราไปลงนามถวายความอาลัยไปกราบท่านฉากคือจะเป็นที่โรงพยาบาล ปกติไม่ได้เล่นของเอ็กแซ็กท์นานแล้วนะ แต่พอน้องพีอาร์โทร.มาบอกว่าคุณบอยอยากเชิญนักแสดงมาร่วม แต่ว่าไม่มีค่าตัวนะ เราก็บอกเลยว่าไม่ต้องพูดเรื่องค่าตัวเลย แค่บอกว่าเป็นละครเทิดพระเกียรติเราก็เต็มใจไปแล้ว
วันนั้นถือว่าเป็นวันที่เราต้องไป ขนาดว่าติดถ่ายอีกเรื่องนึงยังขอเขาเลยว่าขอไปถ่ายละครเทิดพระเกียรติก่อนในช่วงเช้า ในบทเรากราบท่านอยู่ แล้วมองพระพักตร์ท่านและลงนามก็เขียน “ดวงใจหทัยกาญจน์” แล้ว “แก้ว-อภิรดี” ก็เข้ามาประคองเราขึ้น และแก้วก็นั่งกราบและลงนามแล้วร้องไห้เราก็เข้าไปปลอบแก้ว เท่านี้ค่ะ เป็นงานที่เป็นตัวประกอบแต่เต็มใจที่จะไปและต้องไป ขอให้มีส่วนร่วมด้วยก็ยังดี วันที่ช่อง 3 ถวายความอาลัยและร้องเพลงเราก็ไป มีญาติๆ มาถามว่าทำไมไม่เห็นในทีวี. เราก็บอกว่าเรายืนอยู่หลัง “แอน ทองประสม” ตัวเล็กๆ เลยมองไม่เห็น ซึ่งเห็นหรือไม่เห็นไม่สำคัญเลยค่ะ แค่ได้ไปอยู่ตรงนั้นก็ประเสริฐแล้ว ทุกอย่างอยู่ที่ใจ ถ้าใจพร้อม ทุกอย่างก็จะดีเองค่ะ
กุหลาบสีเงิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี