วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / บันเทิง
เปิดชีวิต... ผู้กำกับหนังวัยรุ่นในตำนาน  ‘ต้อ-ชาติชาย แก้วสว่าง’

เปิดชีวิต... ผู้กำกับหนังวัยรุ่นในตำนาน ‘ต้อ-ชาติชาย แก้วสว่าง’

วันอาทิตย์ ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2561, 06.00 น.
Tag : เปิดชีวิต ผู้กำกับหนังวัยรุ่นในตำนาน ต้อ-ชาติชาย แก้วสว่าง
  •  

สตาร์เรโทรสัปดาห์นี้ ตามไปดูชีวิตปัจจุบันของ “ต้อ-ชาติชาย แก้วสว่าง” ผู้กำกับขวัญใจวัยรุ่นยุค 90 อีกหนึ่งบุคคลสำคัญของวงการภาพยนตร์ไทย ที่หลายคนคุ้นเคย รวมถึงย้อนวันวานสุดประทับใจ กับช่วงเวลาปลุกปั้นพระ-นางรุ่นใหม่ จนวันนี้เติบใหญ่เป็นนักแสดงมากฝีมือ

“วันนี้เรามาพบกันที่ร้าน ณ ตลิ่งชัน เมื่อก่อนเป็นร้านกาแฟ แล้วก็เปิดขายผัดไทยด้วยซึ่งก็ขายดีมากครับ แต่ว่าเจอปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมเข้าไป ก็เลยเปลี่ยนมาเป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใส ลูกชิ้นเราทำเอง ซึ่งก็ขายดีมากเช่นกัน แต่เนื่องจากว่าวันนี้เป็นวันธรรมดา ก็เลยจะมีแต่ชากาแฟเครื่องดื่ม แล้วก็ไข่กระทะ พวกอาหารเช้าครับ ถ้าวันเสาร์-อาทิตย์จะครึกครื้นมาก เพราะว่าตรงนี้คือเป็นตลาดน้ำ เราเปิดมาเข้าปีที่ 4 แล้วครับ เป็นธุรกิจเล็กๆที่ทำให้กับลูกๆ และนอกจากนี้ผมก็ยังทำบริษัททัวร์ทำรายการทีวีด้วย ด้านชีวิตตอนนี้ก็แฮปปี้ดีครับ”


เหตุที่มาจับธุรกิจร้านอาหาร

คือเราทำงานวงการบันเทิง ซึ่งมันไม่เหมือนงานประจำ เราทำละครทำภาพยนตร์เรื่องนึง ใช่มันถ่ายติดๆ กัน แต่เวลามันจบเราก็ว่าง พอว่างเราจะทำอะไรดีล่ะ ก็ใช้เงินไปเรื่อยๆ แล้วอีกอย่างคิวถ่ายเราไม่ได้มีทุกวันก็ยังจะมีวันว่าง ก็เลยคุยกับ “ฝน” (น้ำฝน-พัชรินทร์) ว่าพี่ต้ออยากจะทำร้านกาแฟ มาทำกันไหม ฝนก็เห็นด้วย เลยมาแจมด้วยกัน

ย้อนวันวานก่อนจะมาถึงวันนี้

คือเราเป็นคนที่มาทางด้านภาพยนตร์กับทางไฟว์สตาร์ ไม่ได้เรียนมานะครับ ย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว (ยิ้ม) ผมเรียนช่างยนต์ แล้วก็ทำงานอยู่ที่สมุทรปราการ “คุณประยูร วงศ์ชื่น” ซึ่งเปรียบเสมือนน้ารัก เขาโทร.ชวนว่ามาทำงานกับเขาไหม ก็เลยมาทำเรื่อง “กองพันทหารเกณฑ์” โดย “คุณปัญญา นิรันดร์กุล”เป็นพระเอก เราทำทุกตำแหน่งช่วยเขาจิปาถะ เรียนรู้ไปจนได้ทำตำแหน่งและเปลี่ยนหน้าที่ไปเรื่อย จนมาเป็นผู้จัดการกองถ่าย รวมแล้วก็สิบปีที่อยู่กับคุณประยูรแล้วด้วยความที่คุณประยูรปีนึงทำหนังเรื่องหรือสองเรื่องซึ่งเราอยู่ไม่ได้ ก็เลยติดปีกออกไปอยู่ข้างนอก ไปทำให้กับ “คุณกำธร ทัพคัลไลย” เรื่อง “มาดามยี่หุบ” หลังจากนั้น“คุณกอบสุข จารุจินดา” ก็นัดคุย คือเขาอยากได้เราให้มาเป็นผู้จัดการกองถ่ายให้หน่อย ก็เลยมาทำกับคุณกอบสุข ในเรื่องแรกคือ “สมศรี 422 อาร์” แล้วพี่สุขเป็นคนที่ไม่เหมือนคนอื่น ชัดเจน และพูดตรง เรื่องค่าตัวไม่มีการต่อ เท่าไหนก็เท่านั้น

โอกาสที่เข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว

พอเรารับปากทำเขา ก็ถามว่าทำได้ทุกหน้าที่หรือเปล่า เราก็บอกทำได้ ไฟก็จัดได้ ฝ่ายศิลป์ก็ทำได้ตากล้องก็เป็นได้ เขาถามว่าทำไมถึงทำได้ เราก็บอกว่าเพราะได้เรียนรู้จากคุณประยูร จนเราก็ไต่เต้าขึ้นมา หลังจากนั้นทางไฟว์สตาร์ก็เรียกเข้าไปคุย และถามเราว่าอยากกำกับภาพยนตร์ไหม เราก็ตกใจ คือเขาคงเห็นเราตอนที่เป็นผู้ช่วยผู้กำกับให้ “พี่เล็ก ณรงค์” เพราะว่ามีอยู่วันนึงผู้ช่วยเขาไม่สบาย เราเลยได้ไปทำตำแหน่งผู้ช่วยด้วย เขาก็คงจะเห็นจากตรงนั้น เราก็คิดหนักเลยนะ ทำอะไรไม่ถูก ขอกลับไปคิดที่บ้านก่อน คิดไม่ได้จะทำยังไงดี คุยกับแฟนก็แล้ว และที่สุดแล้วก็เลยโทร.หาน้องรักที่สุด “หนึ่ง-วรเชษฐ์นิ่มสุวรรณ” หนึ่งเป็นคนที่เรารักเหมือนน้องชาย และเราก็ดูแลคิวให้เขาด้วย ก็เล่าให้เขาฟัง เขาก็สนับสนุนเต็มที่ และถามเราว่าทำเรื่องอะไร เคยมีเรื่องอะไรที่คิดไว้ในหัวไหมเราก็บอกว่ามีนะ แต่ไม่มั่นใจ คือเคยเขียนเป็นพล็อตเรื่องขึ้นมา และตั้งชื่อไว้แล้ว เขาก็บอกว่าเอาเรื่องนี้แหละเสนอถ้าเขาโอเค ก็เขียนต่อให้มันจบ หนึ่งก็ให้กำลังใจ “จุ๊” ภรรยาก็ให้กำลังใจ “พี่มานะ อรรฆเดช” ช่างภาพก็เชียร์ให้ทำ และผมได้ปรึกษา “พี่หมี โชติรัตน์” ผู้กำกับ“พี่สุทัศน์” ที่เป็นตากล้อง ทุกคนก็เห็นด้วยหมดเลยหนึ่งก็บอกอีกว่าถ้าพี่ไม่มีตังค์ เอาของเขาไปก่อน คือเราต้องใช้ในการดูโลเกชั่น ออกไปนู่นนี่ ต้องมีข้อมูล กว่าจะเขียนเสร็จเอาไปให้เขาดู มันต้องใช้ค่าใช้จ่าย หนึ่งช่วยทุกอย่าง เป็นกำลังใจดีมาก จนผมเขียนเรื่องนี้เสร็จขึ้นมา แล้วก็เอาไปให้คุณกอบสุข ผมไม่รู้ว่าเขาอ่านเองหรือเปล่า และแฟนเขาก็มาอ่าน ผู้ใหญ่ไฟว์สตาร์กี่คนอ่านก็ไม่รู้ และเขาก็เรียกผมเข้าห้องประชุม เหมือนห้องเชือดเลย (หัวเราะ)พี่สุขก็แนะนำเรากับทุกคนว่านี่คือ “ต้อ-ชาติชาย แก้วสว่าง” จะมากำกับภาพยนตร์ให้สุขเรื่อง “กระโปรงบานขาสั้น” “คุณเชน” (เจริญ เอี่ยมพึ่งพร) เจ้าของไฟว์สตาร์ก็ถามว่าใครตั้งชื่อให้ คิดได้ไง พร้อมเปิดเมื่อไหร่ ผมอึ้งเลยครับ ดาราแสดงเราก็ยังไม่มี

ถึงเวลาต้องลงสนามจริง

ก็เลยขอเวลาเขา 6 เดือน เขียนบทและแคสหานักแสดง พร้อมเรียนการแสดงด้วย พอเขาอนุมัติทุกอย่างเราก็ไม่รู้เรื่องอะไร ก็ได้พี่สุขที่เป็นเหมือนแม่ให้เราว่าทำยังไง ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ หลังจากนั้นก็หาดาราจากแมกกาซีนวัยรุ่นมาเทสต์ และมีวันนึงเราไปหาเพื่อนที่เขาถ่ายหนังอยู่ที่โรงพยาบาล แล้วมีพยาบาลเข็นเด็กผู้ชายคนนึงผ่านหน้าเราไป คือหล่อมาก วันที่สองเราก็ไปอีกอยากรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นใครยังไง ก็ได้เจอ และไปคุยกับเขาคือเด็กผู้ชายอายุ 19 ก็รู้สึกว่าใช่นะ แต่เขาป่วย เขาเป็นคนนัยน์ตาเศร้า คุยไปหน้าเขาก็เศร้า แต่ว่าหล่อมาก แล้วพอเราคุยเรื่องตลกเขาก็ยิ้มคือมีเสน่ห์มาก ใช่เลย ตามที่เราต้องการ ก็เลยชวนเขามาเล่นหนัง เขาก็บอกว่าต้องขอแม่ก่อน เพราะว่าแม่เป็นนักเขียน จนผมได้คุยกับแม่เขา และเชื่อไหมว่ามันเหมือนเป็นอภินิหาร พอเขารู้ว่าเราอยากได้เขามาเล่นหนัง ยังไม่บอกว่าเล่นเป็นพระเอกนะแต่มันเหมือนเป็นยาชนิดนึงที่ทำให้ลูกเขาปกติ กลับบ้านยิ้มแย้มแจ่มใส มีกำลังเหมือนคนปกติ เขาอยากเล่นมาก แล้วพอมาเจอกับคุณกอบสุขและทีมงานทุกคน ก็ชอบเขามาก ก็เลยได้ “ธรรม์ โทณะวณิก” มาเล่นเป็นพระเอก ส่วนนางเอกเราได้ “ธัญญาเรศ รามณรงค์” ผมเห็นตอนที่เขาเดินขึ้นบันไดไฟว์สตาร์มา ซึ่งตอนนั้นเขากำลังจะถ่ายอีกเรื่องนึง เราเห็นเขามันเหมือนเป็นความฝันที่เราต้องการผู้หญิงสไตล์ลูกครึ่งเด็กคนนี้ ใช่เลย พอได้คุยกันเขาก็ไปปรึกษาผู้ใหญ่ เลยโอเคหมด ได้คู่พระ-นางมาหลังจากนั้นก็ได้นักแสดงคนอื่นๆ มี “กัปตัน-ภูธเนศ, เอ๊าะ-กีรติ, แอน-อลิชา” เด็กที่มาใหม่หมด ผู้กำกับก็ใหม่ (หัวเราะ) และมันดีตรงที่ว่าเราได้พี่กอบสุขเป็นทั้งพี่เลี้ยงพี่สาวที่เก่งมาก ดูแลทุกอย่างให้เราได้ดีมาก เหมือนอาจารย์ใหญ่อยู่ในโรงเรียน เพราะนักเรียนเกือบ 20 คนอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ อย่างกะลิง เราต้องพาลูกเขาไปอยู่ที่เชียงใหม่ เหมือนเข้าค่าย สนุกก็สนุก เครียดก็เครียด ปวดหัว แต่ว่ามันส์ เราก็ไม่คิดไม่ฝันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะถล่มทลาย ภาคแรก 10 ล้านขึ้น จนทำให้ต้องทำภาค 2ต่อ เก็บภาค 2 ได้ 15 ล้าน

แรงบันดาลใจที่มาจากชีวิตจริง

กระโปรงบานขาสั้นอาจจะเป็นภาพยนตร์แนวใหม่ในยุคนั้น แล้วไม่ค่อยมีใครทำ และจะบอกว่าครึ่งนึงของเรื่องนี้เป็นชีวิตผมเอง เราก็เป็นตัวพระเอกธรรม์นี่แหละ คือผมเป็นคนที่หมัดหนัก ต่อยคนแล้วสลบตั้งแต่เด็ก แล้วมีเรื่องกับใครหมัดเดียวนี่เงียบเลย พระเอกจะโดนแกล้งจนทุกคนมองว่าเป็นเด็กเกเร แล้วก็ไปเจอผู้หญิงลูกครึ่ง สมัยเป็นนักเรียน ผมก็ไปชอบเด็กผู้หญิงลูกครึ่งคนนึง สวยน่ารัก ก็เลยหานางเอกลูกครึ่งมาเล่นจนได้ สมัยก่อนเราอยู่ต่างจังหวัดก็ต้องปั่นจักรยานไปโรงเรียน ก็เลยเอาจักรยานมาเป็นตัวช่วยพระเอก มีนักเรียนตัวแสบนั่งอยู่หลังห้องเรื่องก็มีอยู่ประมาณนี้ ก็เป็นเรื่องที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะดังอาจจะเป็นดวงและโชคของเราด้วย แต่ถ้าไม่ได้หนึ่งก็ไม่เกิดนะ หนังเรื่องนี้เขาเป็นแรงบันดาลใจที่ดีมากๆ นี่คือเรื่องของการทำภาพยนตร์ แต่เรื่องการให้โอกาสก็ต้องเป็นพี่กอบสุข

ฝันเล็กๆ ของหนุ่มต่างจังหวัด

ผมเคยฝันว่าอยากจะเป็นผู้กำกับ แต่คิดว่าคงไม่มีทางหรอก ใครจะเห็นเรา เราก็ได้แต่แอบขโมยบทภาพยนตร์ของคุณประยูรมาถ่ายเอกสาร และเอาไปนั่งอ่านเรียนรู้ว่าเขาเขียนยังไงและเริ่มหัดเขียนเอง นี่คือวิชาไม่เคยเรียนมาเลย ครูพักลักจำ กำกับภาพยนตร์มาทั้งหมด 6 เรื่อง เลยกลายเป็นที่รู้จักของคนมากขึ้น และเด็กนักเรียนในยุคนั้นจะรู้จักพี่ต้อดี

จากภาพยนตร์สู่การกำกับละคร

ตอนที่เศรษฐกิจฟองสบู่แตก ไฟว์สตาร์ปิด ไม่ทำภาพยนตร์เลย เราก็ต้องหยุด หลังจากนั้นทางกันตนา “คุณตุ๊กตา จิตรลดา” ก็เชิญให้ไปกำกับละครเรื่อง“สื่อสิน่หา” เป็นละครเรื่องที่แม่ของธรรม์เขียน และออกอากาศทางช่อง 7 ซึ่งทางคุณตุ๊กตาก็ได้ขอกับทางพี่กอบสุขให้เราก็เลยได้ไปกำกับให้กับทางกันตนาอยู่ประมาณ4 เรื่อง แล้วก็ออก ไม่ทำแล้ว หยุด เรารู้สึกว่าการทำละครกับภาพยนตร์มันคนละเรื่องกันเลย แต่เพราะผู้ใหญ่ได้คุยกันไว้ เราก็เลยจำต้องทำให้จบ คือเราไม่ชินกับงานละคร ด้วยความที่เราไม่รู้ศาสตร์ทางด้านนี้เลย รู้สึกว่าเราไม่ค่อยอิ่มกับมันแต่เราก็ได้วิชาละครมาโดย “พี่โต”พี่ชายคนโตของกันตนาเขาให้ความรู้เราเยอะมาก สอนให้เราสวิทภาพและเราก็มาเรียนรู้ในห้องตัดต่อ

กับหลากหลายรายการที่ทำ

พอออกมาจากกันตนา เราก็บอกทุกคนว่าเราคงไม่เหมาะที่จะทำละคร เลยมาเช่าเวลาทำรายการทีวี เป็นรายการวาไรตี้ รายการท่องเที่ยวของตัวเองขึ้นมา ซึ่งตรงนี้มันจะใช่กว่า แต่เราต้องหาโฆษณาเอง ก็ยังมีงานกำกับละครติดต่อมาให้ไปทำอยู่เรื่อยๆ “คุณแก้วพรีเมียร์” ก็ติดต่อให้ไปกำกับละครเรื่อง “สื่อรักภาษาใจ” กับทางช่อง 7 หลังจากนั้นอีกสองปี “พี่ไก่-วรายุฑ” ก็ให้มากำกับเรื่อง “นักเรียนนายร้อยครับผม” ก็งานหนักอีก เพราะว่ามีแต่เด็กใหม่ๆ ทำงานกับพี่ไก่คือดีมาก เพราะพี่ไก่เป็นคนตรงและชัดเจนมาก เหมือนพี่เหมือนน้อง ระหว่างที่ทำละครให้กับพี่ไก่ รายการเราก็กำลังฮอต สปอนเซอร์เข้า เลยทำให้เราอยากจะมาทุ่มเทให้กับรายการก็เลยทำละครให้จบ และมาทุ่มให้กับรายการของเราดีกว่า เป็นเรื่องสุดท้ายที่คิดว่าบอกลากันเลยจริงๆ เพราะมาทำรายการเราสนุกมาก ทุกวันนี้ก็ยังทำรายการอยู่มีรายการมนุษย์ป้าพาเที่ยว รายการคุยเรื่องกินกินแล้วคุยและอีกรายการจะถ่ายในปีหน้าชื่อรายการมนุษย์ป้าพากิน

และแล้วก็ต้องมากำกับละครอีกครั้ง

ก็ทำรายการมาเรื่อยๆ ทาง “หนุ่ม-คงกะพัน” ก็ให้มากำกับเรื่อง “เสือดำ” ทางช่อง 7 ด้วยความที่มันเป็นซีรี่ส์สั้นๆ ก็เลยรับทำ จนเมื่อ 2 ปีที่แล้วคุณภรรยาขอให้มากำกับละครให้หน่อยได้ไหม เราก็ไม่อยากทำเพราะว่าเราเป็นคนเรื่องเยอะ (หัวเราะ) แต่ด้วยความที่เป็นภรรยาตัวเองมันก็ปฏิเสธไม่ได้ เลยจำเป็นต้องทำเรื่อง “บาปบรรพกาล” ทางช่อง 8 แล้วกลายเป็นว่า เป็นละครเรื่องเดียว และเรื่องแรกที่ทำเรตติ้งสูงที่สุดของช่อง ก็ได้รับคำชมมา เราก็ดีใจมาก “ฝน” (น้ำฝน-กุณณัฏฐ์) ผู้จัดก็ตัวลอยเลย คือจุ๊ก็เป็นหุ้นส่วนน้ำฝนด้วย ตอนแรกเราก็บอกเขาให้ไปเอาผู้กำกับคนอื่นเถอะ แต่เขาอยากได้มุมหนังสวยๆ เพราะเป็นละครผี แต่แม้ว่าจะได้การตอบรับที่ดี เรตติ้งละครจะดี ไม่ได้หมายความว่าเราจะกลับมาทำละครอีกนะ คือมันเหนื่อย เราอายุ 50 กว่าแล้วเวลาที่ผมนั่งปุ๊บ เขาก็จะมีกล้วยหอมมาวาง ทุกคนดูแลผมอย่างดี ผมเข้าใจนะว่ามันเป็นงานเราก็ต้องทำให้มันจบแต่มันกดดันเราทุกอย่าง ทั้งเรื่องสุขภาพที่พอตื่นเช้าจะรู้สึกไม่ไหว แต่ก็ต้องกัดฟันไป พอไปก็ไม่อยากเลิกดึกแต่ก็ต้องทำให้มันเสร็จ เลยรู้สึกว่าเหนื่อยมาก เหนื่อยมากจนเป็นไข้หนักมากไม่ได้ทำมานานหกเดือนที่เราต้องอยู่กับมัน รายการทีวีเราก็ต้องทำตลอด ลูกยังถามเลยว่าถ้าคุณแม่ให้คุณพ่อกำกับละครอีกจะทำไหม ก็ตอบเขาไปแล้วว่าไม่ทำ (หัวเราะ) ไปเอาคนอื่นเลยไม่เอาแล้ว

ณ วันนี้

ผมสนุกกับการทำรายการและฝันว่าจะทำรายการใหม่เรื่อยๆ เราก็จะเติมความคิดของเราไปเรื่อยๆ เราอยากเดินตามไอดอลของเรา “คุณปัญญา นิรันดร์กุล”เพราะว่าเราได้รู้ชีวิตของเขาตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่สมัย“กองพันทหารเกณฑ์” รู้สึกว่าชีวิตเขาก็เริ่มต้นแบบเรานี่แหละ แต่เราก็คงจะไปได้ไม่ถึงเขาหรอกเพราะว่าเราก็ห้าสิบกว่าแล้วผมอิ่มแล้วกับการกำกับภาพยนตร์และละคร อิ่มมากจนตอนนี้ลูกสาวกระโดดเข้ามาเรียนฟิล์มภาพยนตร์ และจะมาปรึกษาเราตลอด เขาสนใจเองครับเพราะว่าผมพาเขาไปกองถ่ายด้วยตั้งแต่เด็ก และเวลาเราไปถ่ายรายการเขาก็จะขอตามไปด้วยไปช่วยทำนุ่นนั่นนี่

ด้านชีวิตครอบครัว

ผมมีลูกสาว 2 คน คนโตเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหิดล คณะกายภาพบำบัด คนเล็กเรียนที่มศว เรียนฟิล์มภาพยนตร์และสื่อดิจิตอล ส่วนภรรยาคุณจุ๊ก็เป็นคนในแวดวงนี่แหละครับ เราเจอกันที่กองถ่ายของคุณกำธร เขามาฝึกงานปีสุดท้ายเป็นฝ่ายศิลป์ ปัจจุบันเขาก็เป็นโปรดิวเซอร์และเป็นผู้จัด ซึ่งเขาก็ยังทำเรื่อยๆ เพราะว่าโตมาจากคุณกอบสุข ถ้าพี่กอบสุขให้ทำก็ยังกลับไปทำ แต่ว่าก็เป็นผู้จัดร่วมกับน้ำฝนด้วย ชีวิตผมแฮปปี้ดีครับ อาจจะเป็นเพราะว่าจิตใจดีคือลูกๆ ตั้งใจเรียนหนังสือ ไม่มีปัญหา ยังไม่มีแฟนกันเลย เคยถามลูกว่ามีคนมาจีบไหมลูก เขาก็บอกว่าจะเอาเวลาที่ไหนมานั่งจีบกัน เรียนหนักจะตาย (หัวเราะ)

อนาคตของลูกๆ

เราไม่บังคับเขาจะทำอะไรก็ได้จะเข้ามาเราก็ให้เต็มที่ แต่ว่าลูกคนโตเขาไม่เอาเลยไปสายหมอ ส่วนคนเล็กตอนนี้ก็เริ่มถ่ายหนังแล้ว แต่ผมจะสอนเขาว่าอย่าไปบอกเพื่อนว่าพ่อแม่เป็นใครทำอะไร และไม่จำเป็นต้องเปิดตัวเองด้วยว่าเราทำได้ไม่ได้เรียนรู้เหมือนเริ่มนับหนึ่งกับเขาไป ถ้าเขาจะเช่าอุปกรณ์อะไรยอมเสียตังค์ให้เช่าที่อื่นเลย แต่ถ้าวันไหนที่เกิดแอคซิเดนท์ไม่ทันจริงๆ เราก็ช่วยได้ คือเราอยากให้เขาขวนขวายกันเองก่อน

มุมมองที่มีต่อภาพยนตร์จากอดีตถึงปัจจุบัน

มันเปลี่ยนไปมากเลยครับ สมัยก่อนการทำภาพยนตร์ไม่มีมอนิเตอร์ให้ดูตากล้องเห็นคนเดียวเราไม่เห็นดังนั้นต้องวัดใจกัน มันเลยทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องการใช้กล้องใช้เลนส์ แต่สมัยนี้มันเป็นดิจิตอลและใช้เลนส์ฟิกซ์ถ่าย ชีวิตของคนรุ่นใหม่เลยได้เปรียบกว่าเราแสงไฟก็ไม่ต้องใช้เยอะ ยุคนี้เลยทำงานง่ายขึ้นภาพก็สามารถบันทึกและเพลย์แบ๊กกลับได้ สมัยก่อนไม่มีใครได้เห็นในเฟรมนั้นเลยพอคัตคอนตินิวต้องจดต้องวาดทุกสิ่งอย่าง สมัยก่อนยากมากสมัยนี้ง่ายมาก

กำลังใจจากแฟนภาพยนตร์

คือเมื่อไม่นานมานี้ “ต่าย-สายธาร” เขาไลฟ์ในเฟซบุ๊คส่วนตัวเราก็เข้าไปแซวต่ายและเขาก็เอ่ยขอบคุณเราก็เลยมีคนเข้ามาพิมพ์ต่อ ว่าพี่ต้อที่กำกับกระโปรงบานขาสั้นหรือเปล่า ก็รู้สึกขอบคุณเขามากที่ยังจำได้ และในนั้นที่คุยๆ คือรุ่นเดียวกัน (ยิ้ม) เวลาที่เขาจดจำเราได้ เราก็ชื่นใจนะ และจะมีแฟนคลับที่เข้ามาเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊คเยอะมากมาคุยทักทายมาแชร์เรื่องราวเก่าๆ กัน โดยเฉพาะแฟนๆ ที่เชียงใหม่เยอะมากเพราะว่าเราเคยไปถ่ายหนังที่นั่น แล้วพอกระโปรงบานขาสั้นเข้าฉายที่เชียงใหม่ตอนนั้นเชื่อไหมว่าโรงแตกเก้าอี้พัง แล้วก็ยังมีแฟนคลับตามมาเจอเราที่ร้านนี้ด้วย ก็รู้สึกขอบคุณทุกกำลังใจที่มอบให้กันเสมอมาครับ ว่างๆ แวะมาทักทายและทานอาหารที่ร้านนะครับ

และนี่ก็คือผู้กำกับภาพยนตร์ขวัญใจวัยขาสั้นยุค 90 “ต่อ-ชาติชาย แก้วสว่าง” ที่วันนี้เราได้ไปค้นวันวานสุดแสนประทับใจมาฝากทุกท่านกัน

กุหลาบสีเงิน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

มิตรภาพแน่นแฟ้น! 'ปูติน-สี จิ้นผิง'ร่วมชมขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะ

อดทนต่อคำปรามาส! 'นิพิฏฐ์'ขอบคุณทุกฝ่าย ยืนหยัดต่อสู้'คดีชั้น 14'

มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 9-15 พ.ค.68

(คลิป) แนวหน้าTAlk : 'กูพูดไม่ได้' ย้อนอดีตเพื่อนรัก สุรนันทน์ ถึง บุญทรง

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved