สหประชาชาติ (เอเอฟพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - คณะผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เผยว่า เกาหลีเหนือส่งของที่ใช้ในโครงการขีปนาวุธนำวิถีและอาวุธเคมี รวมทั้งช่างเทคนิคขีปนาวุธให้แก่ซีเรีย อันเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของยูเอ็นและส่งระบบขีปนาวุธนำวิถีต้องห้ามให้แก่เมียนมา
คณะผู้เชี่ยวชาญติดตามมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเผยรายงานการสอบสวนเรื่องเกาหลีเหนือจัดส่งขีปนาวุธนำวิถี อาวุธทั่วไป และของใช้เชิงพาณิชย์ที่สามารถนำไปใช้ทางทหารว่า มีการลำเลียงไปให้ซีเรียโดยไม่รายงานกว่า 40 ครั้ง ระหว่างปี 2555-2559 โดยเกาหลีเหนือจัดส่งอุปกรณ์ดังกล่าวทางเรือสินค้าไปยังซีเรีย 5 ครั้ง ในช่วงปลายปี 2559 ถึงต้นปี 2560 โดยจัดส่งในนามบริษัทการค้าแห่งหนึ่งของจีน ไปยังศูนย์วิจัยและศึกษาทางวิทยาศาสตร์ (SSRC) ของซีเรีย ซึ่งจ่ายค่าตอบแทนให้เกาหลีเหนือผ่านบริษัทบังหน้าที่ดำเนินการแทนจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีสมาชิกยูเอ็นประเทศหนึ่งแจ้งว่า มีหลักฐานว่าเมียนมารับอาวุธทั่วไปจากเกาหลีเหนือหลายอย่าง ตั้งแต่เครื่องยิงจรวดไปจนถึงขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศและระบบขีปนาวุธนำวิถี
รายงานฉบับนี้จะเผยแพร่ต่อสาธารณะราวกลางเดือนมีนาคม เนื้อหาแจกแจงรายละเอียดหลักฐานใหม่มีน้ำหนักเรื่องเกาหลีเหนือติดต่อเรื่องอาวุธกับซีเรียตั้งแต่ปี 2551 และได้อ้างข้อชี้แจงของซีเรียที่ว่าไม่มีบริษัทเทคนิคเกาหลีเหนือตั้งอยู่ในซีเรีย มีแต่เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือที่เข้ามาฝึกกีฬาและยิมนาสติกตามสัญญาจ้างเอกชน ส่วนเมียนมานั้นคณะผู้เชี่ยวชาญเคยสรุปว่า มีบริษัทเมียนมาแห่งหนึ่งพัวพันการพยายามลำเลียงวัตถุต้องห้ามเกี่ยวกับนิวเคลียร์ในปี 2555 เมียนมาชี้แจงในปี 2558 ว่า มีความสัมพันธ์ทางการทูตปกติกับเกาหลีเหนือเท่านั้น ก่อนจะแจ้งเมื่อปีก่อนว่าได้ขับนักการทูตเกาหลีเหนือเพราะทำงานตามคำสั่งของโคมิด ผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่ของเกาหลีเหนือ และแจ้งเมื่อต้นปีนี้ว่ากำลังตรวจสอบคำร้องขอข้อมูลล่าสุดของคณะผู้เชี่ยวชาญยูเอ็น
รายงานข่าวนี้มีขึ้นหลังจากที่องค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนในซีเรียแจ้งว่า มีการใช้อาวุธเคมีที่อาจเป็นก๊าซคลอรีนโจมตีพลเรือนในเขตกูตาตะวันออกซึ่งกองทัพรัฐบาลซีเรียกำลังเร่งเข้าปราบปรามกลุ่มกบฏในพื้นที่ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ฝ่ายรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ได้ปฏิเสธมาโดยตลอดว่าไม่เคยใช้อาวุธเคมีโจมตีพลเรือนแต่อย่างใดสำหรับสถานการณ์สู้รบที่เขตโกตาตะวันออกใกล้กรุงดามัสกัส ซึ่งเมื่อวานนี้เริ่มใช้มาตรการหยุดยิงวันละ 5 ชั่วโมง เป็นวันแรกนั้น องค์กรสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนซีเรีย (SOHR) รายงานว่า ยังคงมีการสู้รบอยู่แม้ในช่วงระหว่างเวลาหยุดยิงก็ตาม เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกอย่างน้อย 6 คน โดย 2 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิตในช่วงเวลาที่กำหนดให้ทุกฝ่ายยุติการสู้รบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี