“ปูติน”ถกผู้นำอิหร่านเตือนสหรัฐ-อังกฤษ-ฝรั่งเศส ถ้าไม่หยุดใช้กฎหมู่กับซีเรีย ระวังโลกจะปั่นป่วนวุ่นวาย ซัดเป็นการกระทำละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ขัดกฎบัตรยูเอ็น ด้านทรัมป์ยันภารกิจสำเร็จสมบูรณ์แบบ
เมินสื่อล้อเลียน เล็งประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่ม โทษฐานหนุนใช้อาวุธเคมี ขณะที่ผู้นำฝรั่งเศสยันปฎิบัติการโจมตีซีเรียไม่ใช่สงคราม เป็นเพียงการส่งสัญญาณเตือน
ความคืบหน้าหลังสหรัฐฯและพันธมิตรจับมือโจมตีซีเรีย โดยเชื่อว่ามีการผลิตและใช้อาวุธเคมี แม้รัฐบาลซีเรียจะออกมาปฎิเสธข้อกล่าวหาอย่างหนักแน่น ก็ไม่เป็นผล ทำให้สถานการณ์ทั้งโลกตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง เกรงเป็นชนวนขัดแย้งนำไปสู่สงครามโลก อย่างที่หลายฝ่ายวิตกนั้น
เมื่อวันที่ 16 เมษายน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซียว่า ทำเนียบเครมลินเผยแพร่แถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ ตามเวลาท้องถิ่นถึงการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กับประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี ผู้นำอิหร่าน ซึ่งเห็นตรงกันว่า สมควรประณามปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐ สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส ที่เกิดขึ้นในซีเรีย เมื่อวันเสาร์ที่ 14 เมษายนผ่านมา ถือเป็นอาชญากรรมทางทหาร และเป็นการรุกรานอธิปไตยของรัฐหนึ่งอย่างชัดเจนที่สุด ที่สำคัญคือ กรณีของซีเรียจะส่งผลให้กระบวนการคลี่คลายความขัดแย้งด้วยวิธีการทูตและการเมืองต้องหยุดชะงัก
ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียยังระบุด้วยว่า ความเคลื่อนไหวใดๆที่ละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติหรือยูเอ็น อย่างการโจมตีซีเรียนั้น นำไปสู่ความวุ่นวายในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้ง เป็นการทำผิดกฎหมาย ทำลายโอกาสแก้ปัญหาทางการเมืองในซีเรียอย่างรุนแรง
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐทวิตข้อความยืนยันการโจมตีซีเรียว่า ถือเป็นภารกิจที่ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ และแม่นยำ มีความหมายยิ่งใหญ่ ในกรณีปฎิบัติการทางทหาร สมควรถูกนำมาใช้ต่อไปในอนาคต พร้อมตำหนิสื่อที่ชอบปล่อยข่าวลวงเท่านั้น ที่จะลดทอนคุณค่าความหมายของคำว่า ภารกิจสำเร็จลง ซึ่งคำยืนยันของผู้นำสหรัฐครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังมีสื่อต่างประเทศนำไปเปรียบเทียบกับคำประกาศเช่นเดียวกันของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช หลังสิ้นสุดสงครามอิรักเมื่อปี 2546 จนกลายเป็นวลีที่ถูกนำมาล้อเลียนอดีตประธานาธิบดีบุชมาตลอด
ขณะที่นางนิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหรัฐประจำสหประชาชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า สหรัฐกำลังเตรียมที่จะประกาศมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อรัสเซีย ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการที่รัสเซียให้การสนับสนุนรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อาซาด ของซีเรียใช้อาวุธเคมี โดยสาระสำคัญของมาตรการคว่ำบาตรที่กำลังจะประกาศนี้ พุ่งเป้าไปที่บริษัทใดก็ตาม ที่ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการขายอุปกรณ์รวมถึงอาวุธเคมีให้รัฐบาลซีเรีย
ส่วนโฆษกทำเนียบขาวกล่าวย้ำว่า ปฏิบัติการโจมตีร่วมระหว่างสหรัฐ อังกฤษ และ ฝรั่งเศส เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังซีเรียและรัสเซียว่าสหรัฐจะไม่ยอมให้ใครแพร่กระจายอาวุธเคมี
วันเดียวกัน ที่ประชุมผู้นำกลุ่มสันนิบาตอาหรับได้ออกมาเรียกร้องให้นานาชาติร่วมกันพิสูจน์การใช้อาวุธเคมีในซีเรีย เพื่อเอาผิดทางอาญา รวมถึงประณามการดำเนินการที่เป็นการแทรกแซงกิจการประเทศอื่นของอิหร่าน
ส่วนประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสกล่าวถึงปฎิบัติการโจมตีซีเรียของสหรัฐ อังกฤษ และ ฝรั่งเศส เป็นผลมาจากกำลังพันธมิตรมีหลักฐานว่ารัฐบาลซีเรียภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์อัลอัสซาดใช้อาวุธเคมีสังหารพลเรือนของตัวเอง และยืนยันปฎิบัติการดังกล่าวเป็นการตอบโต้อย่างชอบธรรม เป็นไปตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ไม่ใช่การทำสงครามเพื่อโค่นล้มประธานาธิบดีอัสซาด หรือแทรกแซงสงครามกลางเมืองในซีเรีย นอกจากนี้ นายมาครง ยังโน้มน้าวประธานาธิบดีสหรัฐ ให้คงทหารไว้ในซีเรียต่อไป เพื่อป้องปรามไม่ให้ซีเรียใช้อาวุธเคมีกับพลเรือนอีก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี