มหาเธร์ผงาด!
ชนะเลือกตั้งโค่นรบ.‘นาจิบ’
การเมืองมาเลย์เปลี่ยนขั้ว
อายุ92ปีมากที่สุดในโลก
ประกาศไม่เข้าไปแก้แค้น
ผู้เฒ่า “มหาเธร์” สร้างประวัติศาสตร์นำพรรคฝ่ายค้านโค่นพรรครัฐบาล“นาจิบราซัค” กวาดสส.ได้ 113 คะแนนเกินครึ่งของสภาได้จัดตั้งรัฐบาล ประกาศชัยชนะลั่นไม่เข้าไปแก้แค้น แต่จะไปแก้ไขหลักนิติรัฐ ซึ่งหลังเข้าสาบานตนแล้วจะกลายเป็นผู้นำที่อายุมากที่สุดในโลกด้วยวัย 92 ปี ด้านอดีตนายกฯแถลงยอมรับความพ่ายแพ้ และปฎิเสธข้อกล่าวหาใช้เล่ห์เหลี่ยมรักษาอำนาจ
สำนักข่าวเบอร์นามาของมาเลเซียรายงานผลการเลือกตั้งทั่วไปของมาเลเซีย หลังประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลคะแนนอย่างเป็นทางการเมื่อเวลา 04.45 น.วันที่ 10 พฤษภาคม ตามเวลาท้องถิ่นว่า พรรคพันธมิตรฝ่ายค้านปากาตัน ฮาราปัน หรือพีเอช นำโดย ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัดกับพันธมิตรในรัฐซาบาห์ บนเกาะบอร์เนียว ได้ที่นั่งส.ส.เข้ามาทั้งหมด 113 ที่นั่ง จากส.ส.ทั้งหมด 222 ที่นั่งในสภา เกินจำนวน 112 ที่นั่ง จึงได้สิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล
ส่วนกลุ่มพันธมิตรบาริซาน นาซิอองนาลหรือบีเอ็น นำโดย พรรคมลายูสามัคคีแห่งชาติหรืออัมโน ของนายนาจิบ ราซัค รักษาการนายกรัฐมนตรี รัฐบาลที่ปกครองประเทศมากว่า 60 ปี ได้ส.ส.เข้ามาเพียง 79 ที่นั่ง ลดลงจากการเลือกตั้งครั้งก่อนที่ได้ส.ส.เข้ามาถึง 132 ที่นั่ง
ดร.มหาเธร์ วัย 92 ปี อดีตนายกรัฐมนตรีในฐานะแกนนำฝ่ายค้าน ที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ เปิดเผยหลังทราบผลนับคะแนนอย่างเป็นทางการว่า ไม่ได้ต้องการแก้แค้น แต่เข้ามาแก้ไขกอบกู้หลักนิติรัฐและหวังจะทำพิธีสาบานตนในวันพฤหัสบดีนี้ทันที
ขณะเดียวกัน มีปฎิกิริยาจากกลุ่มผู้สนับสนุนฝ่ายค้านต่างออกมาชุมนุมแสดงความยินดีกับการกลับมาของดร.มหาเธร์อย่างคึกคัก
ด้านนายนาจิบ ราซัค หัวหน้าพรรคมลายูสามัคคีแห่งชาติ หรืออัมโนแกนนำของพันธมิตร 13 พรรคในนามแนวร่วมแห่งชาติ (บีเอ็น) แถลงที่สำนักงานใหญ่ของพรรคในกรุงกัวลาลัมเปอร์ยอมรับผลการเลือกตั้ง พร้อมระบุว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับแนวร่วมบีเอ็นครั้งนี้ ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่า ข้อครหาว่าฝ่ายรัฐบาลพยายามใช้เล่ห์เหลี่ยม เพื่อรักษาอำนาจไว้นั้น ไม่เป็นความจริง ส่วนผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป จะมาจากพระราชประสงค์ของสมเด็จพระราชาธิบดีมูฮัมหมัดที่ 5 เนื่องจากเมื่อแยกผลคะแนนออกเป็นรายพรรคพบว่าไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาด ซึ่งแนวร่วมบีเอ็นน้อมรับพระราชวินิจฉัยของพระองค์
อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งแห่งชาติครั้งที่ 14 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ทั้ง 222 ที่นั่ง ปรากฏว่าแนวร่วมบีเอ็นภายใต้การนำของพรรคอัมโนได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเพียง 79 ที่นั่ง คิดเป็นสัดส่วนเพียง 32% หรือคะแนนดิบ 3.79 ล้านคะแนน ถือเป็นผลงานย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของแนวร่วมบีเอ็น และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มาเลเซียได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักร เมื่อปี 2500 ที่พรรคอัมโนต้องพ้นจากการเป็นรัฐบาล ซึ่งนายนาจิบคาดหวังกับการเลือกตั้งครั้งนี้มาก เพราะต้องการรักษาตำแหน่งนายกฯให้ได้ต่อเนื่องเป็นสมัยที่ 3 หลังอยู่ในตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2552 รายงานข่าวแจ้งว่า ผลการเลือกตั้งมาเลเซียครั้งนี้ นอกจากสร้างประวัติศาสตร์เป็นชัยชนะครั้งแรกของฝ่ายค้านที่โค่นพรรคอัมโน ที่จัดตั้งรัฐบาลมายาวนานถึง 60 ปี ได้สำเร็จแล้ว ดร.มหาเธร์ซึ่งจะมีอายุครบ 93 ปี ในเดือนกรกฎาคม เตรียมสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้นำรัฐบาลอายุมากที่สุดในโลกด้วย
วันเดียวกัน แกนนำพันธมิตรฝ่ายค้านปากาตันฮารัปปันของมาเลเซียเผยว่า สมเด็จพระราชาธิบดีโปรดเกล้าฯ ให้ดร.มหาเธร์เข้าเฝ้าในเวลา 17.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นตรงกับเวลา 16.00 น.ตามเวลาในไทย หลังจากตลอดทั้งวันมีข่าวสับสนเรื่องการเข้าสาบานตน เนื่องจากข้อกฎหมายในรัฐธรรมนูญ แต่ขณะนี้ได้รับการสะสางเรียบร้อยแล้ว
มีความเห็นจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกรณีดร.มหาธีร์ อดีตนายกฯมาเลเซีย ผู้นำฝ่ายค้านวัย 92 ปี ชนะการเลือกตั้งทั่วไปครั้งประวัติศาสตร์ของมาเลเซียว่า ขอแสดงความยินดีกับดร.มหาเธร์ด้วยที่ชนะการเลือกตั้ง และเชื่อว่านโยบายระหว่างไทยกับมาเลเซียจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ต้องรอดูท่าทีรัฐบาลชุดใหม่มาเลเซียก่อน ขณะที่การพูดคุยสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นนโยบายจะไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเป็นการพูดคุยระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดความสงบสุข ส่วนปัญหาภาคใต้นั้นตนคิดว่าไม่น่าเกิดปัญหาอะไร
ด้านพล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ไม่ห่วงผลการเลือกตั้งมาเลเซีย แม้อาจเปลี่ยนขั้วรัฐบาล เบื้องต้นคณะพูดคุยฝ่ายไทยต้องสงวนท่าที รอติดตามสถานการณ์และผลให้ชัดเจนว่าพรรคใดจะได้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล เพราะเชื่อว่าเป็นการแข่งขันทางการเมือง ทั้งนี้ มั่นใจไม่ว่าจะเป็นพรรคใดเข้ามาบริหารประเทศจะไม่กระทบต่อการพูดคุยสันติสุขฯ ไม่กระทบโรดแมป เพราะถือเป็นนโยบายระหว่างประเทศ ซึ่งทุกพรรครัฐบาลที่เข้ามาดำรงตำแหน่ง ต้องให้การสนับสนุนตามหลักสากลในแนวทางสันติวิธี เพราะปัจจุบันทั่วโลกเข้าสู่โหมดสันติภาพ
ส่วนความคืบหน้าการใช้พื้นที่อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เป็นพื้นที่นำร่องเซฟตี้โซนหรือพื้นที่ปลอดภัยนั้น พล.องอักษรากล่าวว่า ต้องประเมินสถานการณ์หลังจากนี้ไปอีก 6 เดือนว่าสามารถลดเหตุ ลดบาดเจ็บ ลดจำนวนการสูญเสียได้หรือไม่ หากประสบความสำเร็จ ก็เตรียมกำหนดพื้นที่ปลอดภัยอื่นต่อไป แต่หากเกิดเหตุที่เจาะไอร้อง ก็ต้องประเมินสถานการณ์ ทบทวนแนวทาง แก้ไขก่อนขยายไปพื้นที่อื่น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี