สัปดาห์ที่แล้ว หมอได้คุยเรื่องอาการคันในสัตว์ไป ซึ่งสาเหตุการคัน ก็มีหลายประการด้วยกัน ซึ่งเมื่อเกิดอาการคัน ก็มีการเกา
มีการถลอก มีการติดเชื้อ และเกิดปัญหาโรคผิวหนังตามมา งั้นวันนี้เรามาคุยเรื่องโรคผิวหนังกันต่อครับ
“โรคผิวหนัง” เป็นปัญหาที่ก่อความรำคาญให้กับทั้งสุนัขและเจ้าของเป็นอย่างมาก โรคผิวหนังบางชนิดเป็นปัญหาเฉพาะตัว ไม่แพร่ไปยังตัวอื่น โรคผิวหนังบางโรคถ่ายทอดทางพันธุกรรมไปยังลูกหลานได้ บางโรคก็สามารถแพร่ไปยังเพื่อนสุนัขด้วยกันเท่านั้น แต่บางโรคนี่สิ...แพร่ไปยังสัตว์ชนิดอื่น รวมถึงคนด้วย อันนี้เริ่มน่าคิดขึ้นมาแล้วสิครับอ่านมาถึงแค่นี้ ก็ชักเริ่มจะรู้สึก “คัน” ตงิดๆ ขึ้นมาทันที ทำยังไงดีล่ะเนี่ย !?!
เมื่อไหร่เราจะทราบว่า สุนัขมีปัญหาโรคผิวหนังเข้าแล้วล่ะ ?
สุนัขที่เริ่มเผชิญกับปัญหาโรคผิวหนังนั้น มักจะมีอาการแสดงอาการต่างๆ ดังนี้ เช่น คัน ขนร่วง ผิวหนังแดง หรือมีปื้นดำ มีผื่น สะเก็ด รังแค ผิวหนังมีตุ่มหนอง ผิวหนังหนาตัว มีกลิ่นตัว ผิวหนังแห้งหรือเยิ้มมันกว่าปกติ เป็นต้น ซึ่งความผิดปกติที่เกิดขึ้นนั้น อาจเกิดเฉพาะตำแหน่ง หรืออาจเกิดกระจายทั่วตัวก็ได้
หากเลี้ยงสัตว์รวมกันหลายๆ ตัว หรือเลี้ยงรวมกับสัตว์อื่น เช่น แมว หนู กระต่าย ก็ควรสังเกตด้วยว่า สุนัขตัวอื่นหรือสัตว์ชนิดอื่นที่เลี้ยงด้วยนั้น มีอาการเดียวกันหรือไม่ ทั้งนี้ให้สังเกตตัวเจ้าของเองด้วย ว่ามีอาการผิดปกติของผิวหนังด้วยหรือไม่ เนื่องจากโรคผิวหนังบางชนิด เช่น เชื้อรา สามารถติดต่อจากสุนัขป่วย ไปยังสุนัขตัวอื่น ไปยังสัตว์อื่น และไปยังเจ้าของสัตว์ได้ด้วยครับ
จากประสบการณ์ หมอจะพบว่า เจ้าของสัตว์ส่วนใหญ่ ชอบ “สรุปเอง” ว่า สัตว์เลี้ยงที่แสดงอาการคัน และมีอาการของโรคผิวหนัง จะต้องเป็น “ขี้เรื้อน” ซึ่งเป็นความคิดที่ “ไม่ถูกต้อง” เสียทีเดียวครับ
สุนัขที่มีอาการคัน ไม่จำเป็นต้องเป็นขี้เรื้อนเสมอไป อาจเกิดจากโรคผิวหนังอื่นๆ ได้ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย ยีสต์ เชื้อรา หรือภูมิแพ้ เป็นต้น หากสัตวแพทย์หาสาเหตุได้ว่า ปัญหาโรคผิวหนังที่เกิดนั้นมีสาเหตุมาจากอะไร ก็จะทำให้การรักษาเป็นไปด้วยความง่ายดาย ทั้งนี้ โรคผิวหนังแต่ละชนิดนั้น จะมีแนวทางการรักษาที่แตกต่างกันครับ
คำว่า สุนัขเป็นขี้เรื้อนนั้น ในทางวิชาการสัตวแพทย์นั้น ไม่ได้หมายความว่าสุนัขมีอาการคันและขนร่วง แต่ “สุนัขขี้เรื้อน” หมายถึง สุนัขที่เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจาก “ตัวไรขี้เรื้อน” ซึ่งขี้เรื้อน ก็แบ่งเป็น 2 ชนิด ตามชนิดของตัวไรที่เป็นสาเหตุ นั่นคือ
1.ไรขี้เรื้อนแห้ง เกิดจากไรขี้เรื้อนชนิดซาร์คอพติค (Sarcoptic mange) ทำให้เกิดโรคขี้เรื้อนแห้ง เนื่องจาก ไรขี้เรื้อนชนิดนี้ มักไม่มีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย ผิวหนังจึงไม่แฉะ เพราะไม่มีหนอง เป็นรอยโรคแห้งที่ผิวหนัง
ตัวไรจะขุดโพรงและวางไข่อยู่ในชั้นผิวหนัง ซึ่งสาเหตุนี้ จะทำให้สุนัขมีอาการ “คันมาก” มีขนร่วง มีสะเก็ดโดยเฉพาะบริเวณขอบใบหู ข้อศอก ข้อเท้า หรืออาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้บ้างในบริเวณที่สุนัขเกามากๆ โรคไรขี้เรื้อนแห้งนี้ สามารถแพร่และติดต่อไปยังสุนัขตัวอื่นที่อยู่ร่วมกันรวมถึงเจ้าของได้ ดังนั้นหากสงสัยว่าสุนัขมีอาการดังกล่าวควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อทำการรักษา ซึ่งเมื่อพิสูจน์ได้ว่า เกิดจากไรขี้เรื้อนชนิดนี้แล้ว สามารถรักษาได้ “ไม่ยาก” และสามารถรักษาให้หายขาดได้ครับ
2.ไรขี้เรื้อนเปียก เกิดจากไร ขี้เรื้อนชนิดดีโมเด็กซ์ (Demodectic mange) ทำให้เกิดโรคขี้เรื้อนเปียก เนื่องจากไรขี้เรื้อนชนิดนี้ มักพบการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง ทำให้มีหนอง และผิวหนังแฉะได้
ตัวไรจะเพิ่มจำนวน และอาศัยอยู่ใน “รูขุมขน” ทำให้รูขุมขนอักเสบ เกิดผิวหนังอักเสบ ขนร่วง สุนัขอาจไม่ค่อยแสดงอาการคัน แต่อาการคัน มักจะมาพร้อมกับการติดเชื้อแบคทีเรีย ตำแหน่งที่พบมักได้แก่แก้ม รอบปาก หัว ขาหน้า ลำตัว และอุ้งเท้า
โดยปกติแล้ว ตัวไรขี้เรื้อนเปียกนี้ สามารถพบได้เป็นปกติในสุนัขเกือบทุกตัว แต่จะไม่ทำให้เกิดความผิดปกติอะไร จนกระทั่งสุนัขตัวนั้นๆ เริ่มมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำลงจนไม่สามารถจำกัดการเพิ่มจำนวนของไรขี้เรื้อนเปียกได้ เช่นช่วงที่กำลังจะเป็นสัด ช่วงที่กำลังจะป่วย หรือการได้รับยาที่มีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกันติดต่อกันเป็นเวลานานปัญหาผิวหนังจึงเกิดตามมา
โรคขี้เรื้อนเปียกนี้ เป็นปัญหาเฉพาะตัว ไม่ติดต่อไปยังสุนัขอื่น การรักษานั้นอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นกับอาการและการติดเชื้ออื่นแทรกซ้อน การรักษาจึงมีความแตกต่างกันในแต่ละราย การเลือกใช้ยาและปริมาณยาที่ใช้จึงมีความแตกต่างกันในแต่ละตัวด้วย อีกทั้งผลการรักษา จึงมีทั้งที่หายขาด และเป็นชนิดเรื้อรังอีกด้วย
ยังมีเรื่องราวของโรคผิวหนัง จากสาเหตุอื่นอีก เรามาติดตามกันต่อในสัปดาห์หน้านะครับ..
มีปัญหาสุขภาพในสัตว์เลี้ยง โปรดปรึกษา โรงพยาบาลสัตว์เล็ก
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ โทร.02-2189715 ทุกวันเวลาราชการ
(คลินิกฉุกเฉินนอกเวลาราชการ ตลอด 24 ชั่วโมง)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี