รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมสองประเทศกับคณะนักดนตรี
ด้วยพระราชอัจฉริยภาพทางดนตรีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ทำให้ปวงชนชาวไทยได้ชื่นชมยินดีและประทับใจต่อเพลงพระราชนิพนธ์มาช้านาน วันปีใหม่ทุกปีนั้นชาวไทยทั่วประเทศได้ยินเพลงพระราชนิพนธ์”พรปีใหม่”ตลอดเวลาแห่งความสุขสวัสดีของการเปลี่ยนผ่านศักราชใหม่ อาทิตย์นี้ ขอตามรอยเพลงพระราชนิพนธ์ไปกับ พลเรือตรี วีระพันธ์ วอกลาง ศิลปินแห่งชาติและนายวีระ โรจนพจนรัตน์ รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมที่นำคณะนักดนตรีเดินทางไปร่วมในโครงการดนตรีเชื่อมสัมพันธ์อาเซียนที่ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่๒๐-๒๓ธันวาคม พ.ศ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นการสานต่อโครงการเชื่อมสัมพันธ์กับนานาประเทศด้วยดนตรีมาตั้งแต่พ.ศ.๒๕๔๙
ลายพระหัตถ์เพลงพระราชนิพนธ์
การบรรเลงคอนเสิร์ตในประเทศไทยนั้น เริ่มต้นจากการมีวงดุริยางค์หรือวงเครื่องสายฝรั่งหลวงในสมัยรัชกาลที่๖ โดยบรรเลงดนตรีในงานพระราชพิธีหรือประกอบการแสดงละครเท่านั้น ส่วนที่เริ่มบรรเลงเป็นวงคอนเสิร์ตอย่างจริงจังนั้นเกิดขึ้นหลังจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ แล้ว โดยกรมศิลปากรได้จัดซิมโฟนีเป็นครั้งแรก ณ โรงละครแห่งชาติเมื่อพ.ศ.๒๔๙๑ และในปีนั้น ณ สังคีตศาลา เองก็มีดนตรีสำหรับประชาชนขึ้นโดยใช้วงดุริยางคสากลของกรมศิลปากร ปรากฏว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทำให้การบรรเลงดุริยางค์สากลได้มีการบรรเลงขึ้นในกลุ่มนักนิยมดนตรีแนวคลาสิค ต่อมาปีพ.ศ.๒๔๙๕ ผู้รักการดนตรีได้มีการจัดตั้งสมาคมดนตรีกรุงเทพ ซึ่งได้มีการประสานให้นักดนตรีและนักร้องชั้นนำจากต่างประเทศมาบรรเลงดนตรีอยู่เป็นเวลานานร่วม๒๐ปี และกองทัพเองก็มีการตั้งวงดุริยางค์ขึ้นใช้ในราชการ โดยเฉพาะวงดุริยางค์ราชนาวีนั้นได้เปิดแสดงต่อสาธารณชนเมื่อพ.ศ.๒๕๐๒ ภายหลังสถานฑูตของชาติต่างๆที่อยู่ในไทยได้มีส่วนสำคัญในการนำนักดนตรีและวงดนตรีของตนมาแสดงในกรุงเทพเป็นครั้งคราวและมีการจัดแสดงต่อสาธารณชนหลายครั้ง ต่อมามีการรวมตัวตั้งวงดุริยางค์โปรมูสิกาในกลุ่มนักดนตรีสมัครเล่นแสดงคอนเสิร์ตมาตั้งแต่พ.ศ.๒๕๐๗-๒๕๑๘ วงดนตรีโปรมิวสิกานี้ นับเป็นวงดนตรีที่บุกเบิกวงการดนตรีคลาสสิกของประเทศไทย ซึ่งม.ล.อัสนี ปราโมชเป็นผู้ริเริ่มและรับหน้าที่เป็นทั้งหัวหน้าวง ผู้จัดการวง ผู้แสดงเดี่ยว และผู้อำนวยเพลง จนกระทั่งเกิดการรวมตัวครั้งใหม่เป็นวงดนตรีที่ใหญ่ขึ้น มีชื่อว่า วงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพ หรือ บางกอก ซิมโฟนี ออเคสตร้า (B.S.O.) ออกแสดงต่อสาธารณชนครั้งแรกในพ.ศ.๒๕๒๕ ปัจจุบันมีนักดนตรีที่สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศและสถาบันดนตรีมากขึ้น ทำให้มีนักดนตรีที่มีความสามารถและได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ
ทรงเป็นสมาชิกของสถาบันดนตรีเวียนนา
สำหรับการแสดงคอนเสิร์ตเชื่อมสัมพันธ์อาเซียนนั้นกระทรวงวัฒนธรรมได้ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ มูลนิธิวงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพฯ และสถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างแดน ร่วมกันจัดดนตรีเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างชาติ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยนำการแสดง ดนตรีเพลงพระราชนิพนธ์ และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระอัจฉริยภาพทางด้านดนตรี ในประเทศต่างๆ มาตั้งแต่พ.ศ.๒๕๔๙- เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ซึ่งมีประเทศที่แสดงแล้วแต่ละปีคือ พ.ศ.๒๕๕๐ ญี่ปุ่น พ.ศ.๒๕๕๑เกาหลี พ.ศ.๒๕๕๔เนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม เยอรมันนี พ.ศ.๒๕๕๗สหภาพเมียนม่าร์ มาเลเซีย และบูรไน ดารุสซาลาม ตามลำดับ หลังสุดในเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ ที่กัมพูชา การบรรเลงดนตรีทุกครั้งนั้นได้สร้างความประทับใจและให้ทุกคนได้รับรู้ถึงพระอัจฉริยภาพทางด้านดนตรีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ชื่ชนในความเป็นองค์อัครศิลปินที่มีผลงานเพลงพระราชนิพนธ์ที่ได้รับความนิยมแพร่หลายในนานาประเทศ อันเป็นการสนองพระราชปรารภ ถึง”การนำดนตรีเป็นสื่อแห่งมิตรภาพสร้างความเข้าใจและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” การแสดงดนตรีเพลงพระราชนิพนธ์ที่ประเทศกัมพูชาครั้งนี้ได้นำวงBangkok Pro Musica และอำนวยการเพลง โดย พลเรือตรี วีระพันธ์ วอกลาง ศิลปินแห่งชาติ โดยมีนักดนตรีผู้มีความสามารถทำให้ดนตรีนั้นเป็นฑูตทางวัฒนธรรมเชื่อมสัมพันธ์อันดีในกลุ่มประเทศอาเซียนได้อย่างประทับใจที่สุด
สูจิบัตรเพลงพระราชนิพนธ์ในอดีต
การบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ในกัมพูชา
ศิลปินแห่งชาติ วีระพันธ์ วอกลาง
ทัศนา นาควัชระ หัวหน้าวงดนตรี
คณะนักดนตรีผู้บรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี