ด้วยระบบสาธารณสุขที่ดีขึ้น ควบคู่กับการดูแลสุขภาพของคนในปัจจุบันทำให้ผู้คนมีอายุยืนยาวขึ้น จึงไม่แปลกที่สังคมไทยจะเปลี่ยนแปลงจากสังคมวัยเยาว์สู่การเป็น “สังคมผู้สูงอายุ” อย่างรวดเร็ว โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่าจำนวนประชากรผู้สูงอายุในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีการคาดการณ์ว่าในปี พ.ศ.2563 ประเทศไทยจะมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น เป็นร้อยละ 16.8 ของประชากรทั้งประเทศ ที่ผ่านมาจึงเห็นการตื่นตัวของหลายภาคส่วนเพื่อรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นก่อนจะมีการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ
โครงการกองทุน ซีพีเอฟ คืนสุขผู้สูงวัย” ของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆ เพื่อผู้สูงอายุที่ซีพีเอฟสร้างสรรค์ขึ้นโดยมีเจตนารมณ์ให้ผู้บริหารและบุคลากร ผนึกกำลังร่วมกับหน่วยงานราชการและสมาชิกของชุมชน ในการดูแลผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้งในพื้นที่ รวมไปถึงการตอบแทนน้ำใจของผู้มีจิตอาสาที่ช่วยดูแลผู้สูงอายุที่ขาดลูกหลานเหลียวแล เพื่อให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและช่วยเติมเต็มรอยยิ้มแก่ผู้สูงวัย
ด้วยความห่วงใยในคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่โดยรอบธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจการเลี้ยงสัตว์ และธุรกิจอาหารของเราตั้งอยู่ ซีพีเอฟจึงได้ดำเนินโครงการ “กองทุน ซีพีเอฟ คืนสุข ผู้สูงวัย” ขึ้นตามเจตนารมณ์ของท่านประธาน ธนินท์ เจียรวนนท์ ที่มีความห่วงใยในคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยที่ถูกทอดทิ้งช่วยเหลือบรรเทาความทุกข์ยากของผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตหรือขาดผู้ดูแล โดย อดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของโครงการ นอกจากการดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว โครงการนี้ยังมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้พนักงานซีพีเอฟมีจิตอาสา รู้จักแบ่งปันความช่วยเหลือ และดูแลผู้สูงอายุหรือคนในชุมชนที่อยู่โดยรอบฟาร์มหรือโรงงานเพื่อให้ผู้สูงอายุเหล่านั้นมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พัฒนาชุมชนโดยรอบให้มีความเข้มแข็ง เป็นชุมชนที่มีความเอื้อเฟื้อและเกื้อกูลกัน ขณะเดียวกันก็ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนอีกด้วย
ความช่วยเหลือที่ซีพีเอฟมอบให้ผู้สูงวัยในรูปแบบของการมอบเครื่องอุปโภค-บริโภค และเบี้ยยังชีพ นอกจากนี้ยังมีพนักงานซีพีเอฟจิตอาสาได้ผลัดเปลี่ยนกันเข้าไปดูแล พูดคุยกับผู้สูงวัย ช่วยเติมเต็มให้ผู้สูงวัยเหล่านี้มีความสุขในบั้นปลายชีวิต ขณะเดียวกันยังมีภาคีเครือข่ายในท้องถิ่น อาทิ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันคัดเลือกผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในชุมชนของตนที่ถูกทอดทิ้ง ยากจน และไม่มีบุตรหลานคอยดูแลมาเข้าร่วมโครงการ ขณะที่หน่วยงานสาธารณสุขชุมชนได้ส่งเจ้าหน้าที่พยาบาลเข้าตรวจสุขภาพของผู้สูงวัยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ผู้สูงวัยดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทั้งสุขภาพที่ดีขึ้น ที่อยู่อาศัยก็ได้รับการพัฒนาให้สะอาดเป็นระเบียบ ทั้งยังมีภาวะโภชนาการที่ดีจากการได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ยายสมจิต คำบัวตอง วัย 67 ปี หนึ่งในผู้สูงอายุในพื้นที่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เข้าร่วมโครงการมาตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อปี 2554 “เมื่อก่อนยายลำบากมากบางครั้งไม่มีแม้แต่ข้าวกิน โชคดีมากที่ได้ร่วมโครงการกับซีพีเอฟ เพราะเขาแวะเวียนมาดูแลให้เงินสนับสนุนและของใช้จำเป็นทุกๆ เดือนไม่เคยขาด ทำให้ยายมีความหวังส่งเสียให้น้องแป้งได้เรียนหนังสือและทำตามความฝันที่อยากเป็นหมอจะได้คอยดูแลตอนยายเจ็บป่วย ส่วนในพื้นที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ตาคำปัน ประทุม คืออีกหนึ่งคนที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากชาวซีพีเอฟจิตอาสา ขณะที่ในพื้นที่ อ.ลอง จ.แพร่ ตาศรี บุญส่ง วัย 80 ปี ได้รับโอกาสไม่ต่างกัน โดยซีพีเอฟ ได้เข้าไปดูแลตาศรี ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งปัจจุบัน ตาศรีมีโรครุมเร้า และยังมีต้อหินที่ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างพร่ามัวแทบมองไม่เห็น แถมคู่ชีวิตของตาศรียังเดินไม่ได้ ผู้บริหารและพนักงานซีพีเอฟ จิตอาสา ได้ผลัดกันแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมเยียนครอบครัวตาศรี พร้อมกับมอบเงินสนับสนุน ค่าครองชีพ และมอบเครื่องอุปโภค-บริโภค เพื่อเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ครอบครัวนี้ต่อสู้และดำเนินชีวิตต่อไปได้
การช่วยเหลือผู้สูงอายุในชุมชนรอบสถานประกอบการของซีพีเอฟในโครงการนี้ ถือเป็นอีกแรงบันดาลใจที่จะกระตุ้นให้คนในสังคมได้ตระหนักถึงความสำคัญของผู้สูงวัย ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้สร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศ ซึ่งในวันนี้ผู้สูงวัยเหล่านี้ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ซีพีเอฟจึงเข้ามาดูแลและร่วมสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งความกตัญญู และช่วยเหลือเกื้อกูลกัน น้ำใจที่ซีพีเอฟมอบให้กับผู้สูงวัยที่ยากไร้ร่วม 700 คนทั่วประเทศ เป็นหนึ่งในการจุดประกายให้กับสังคมได้หันมาใส่ใจกับผู้สูงอายุให้มากขึ้นก่อนที่ประเทศไทยจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบในไม่เกิน 10 ปีข้างหน้านี้ เพื่อทำให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี