จากประสบการณ์การทำงานบริหารศูนย์การค้ามายาวนาน ลลิตา วิมลพันธุ์ ผู้ยังคงสวยทันสมัย และทรงเสน่ห์ในวัย 53 ปี ณ วันนี้ย่างเข้าสู่ปีที่ 3 ในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของศูนย์การค้ารอยัลการ์เด้น พลาซา พัทยา เธอบอกว่านอกจากจะมีความสุข
กับการทำงานแล้ว ยังรู้สึกยินดีที่ตนเองสามารถจัดการชีวิตส่วนตัว การงาน และครอบครัวให้ลงตัวได้ในแบบฉบับของเธอเอง ที่อาจไม่เหมือนใคร
ลลิตา เล่าถึงพื้นเพชีวิตให้ฟังว่า เธอเป็นคนกรุงเทพฯ เกิดในครอบครัวคนจีน มีพี่น้องสองคนคุณพ่อปลูกฝังพื้นฐานด้านธุรกิจให้แต่ยังเล็ก ด้านการศึกษาเธอจบปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ และจบปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด จากมหาวิทยาลัยพายัพ
“จบมาแรกๆ ไปทำงานเป็นเลขาฯ คุณวิชาพูลวรลักษณ์ เจ้าของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ถือว่าเป็นช่วงที่ดีของชีวิต ท่านเป็นฮีโร่ในใจ เพราะท่านเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์มีความคิดสร้างสรรค์ตลอดเวลา เป็นตัวอย่างที่ดีในการทำงาน ก็ทำอยู่ 6-7 ปี จากนั้นก็ย้ายมาเป็นผู้จัดการดูแลร้านค้าที่เซ็นทรัล พลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต 8 ปีเต็ม และตอนนี้ก็มาเป็นผู้จัดการทั่วไปที่ศูนย์การค้ารอยัล การ์เด้นพลาซา พัทยา ก็ถือว่าเติบโตขึ้นเพราะต้องดูแลทั้งร้านค้า ลูกค้า อาคารสถานที่ งานระบบ การตลาด ฝ่ายบุคคล พูดได้ว่าดูหมดเลยทั้งศูนย์”
ลลิตา บอกว่า ตัวเองเป็นคนโชคดีที่ได้มีโอกาสทำงานกับคนเก่งๆ ได้ซึมซับสิ่งดีๆ มากมาย โดยส่วนตัวแล้ว เธอเองก็เป็นคนที่เมื่อลงมือทำสิ่งใดแล้ว ก็จะทำด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ อย่างงานบริหารศูนย์การค้าเป็นงานที่ต้องประสานกับหลายฝ่าย และพบเจอกับปัญหาหลากหลายรูปแบบในแต่ละวัน แต่เธอเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออก จึงทำให้สนุกกับงานที่ทำ และเชื่อว่างานนี้แหละเป็นทางของเธอ
“ในการทำงานของดิฉัน เป้าหมายสูงสุดคือทุกคนต้องได้รับความพึงพอใจ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของกิจการ ศูนย์การค้า รวมถึงลูกค้า ทุกคนเข้ามามีแอร์เย็นสบายรู้สึกได้ว่าทันสมัยน่าเดิน ร้านค้าขายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ พนักงานทำงานด้วยความสบายใจ เจ้านายเราเองดำเนินธุรกิจได้ประสบความสำเร็จ ดังนั้นพี่มองว่าความท้าทายของงานบริหารอยู่ตรงความสำเร็จของร้านค้านี่แหละ เราต้องประคับประคองให้ทุกร้านไปด้วยกันกับห้าง ต้องพูดคุยและเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกันร้านค้า ลูกค้า และศูนย์การค้า เป็นสามคนที่ต้องเดินไปด้วยกัน หน้าที่เราคือต้องพาทุกคนไปข้างหน้าพร้อมกัน และประสบความสำเร็จให้ได้เหมือนๆ กัน”
ลลิตา ย้ำว่า ความเปลี่ยนแปลงของร้านค้าเป็นตัวขับเคลื่อนและกระตุ้นให้ลูกค้าทุกกลุ่มวัย เกิดการจับจ่ายใช้สอย ดังนั้น ศูนย์การค้าจึงจำเป็นต้องเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เกิดความน่าสนใจและสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้อย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา
“อย่าง รอยัล การ์เด้น พลาซา พัทยา เปิดมา25 ปี เป็นห้างที่อยู่ในใจคนท้องถิ่นมีความโดดเด่นเฉพาะตัวมีพิพิธภัณฑ์ริบลีส์ บีลีฟ อิท ออร์ นอท มีสกายไรเดอร์ บอลลูนยักษ์ที่ขึ้นไปชมวิวพัทยาได้ทั้งเมือง แตกต่างจากห้างใหญ่โดยสิ้นเชิง เราไม่ได้บอกว่าเราเด่นหรือเราสวย แต่เรามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ใครๆ ก็ต้องหันมาสนใจเรา เราไม่เคยถูกกลืนและไม่เคยถูกลืม มีลูกค้าประจำที่ผูกพันกับเราเป็นรุ่นที่ถ่ายทอดกันมา ตรงนี้เป็นจุดแข็ง ในแต่ละปีเราจะบอกกับร้านค้าว่าทางศูนย์มีเป้าหมายว่าจะทำอะไรบ้าง เพื่อเป็นแนวทางให้กับร้านค้าในศูนย์ว่าเขาจะทำอะไรเพื่อให้นโยบายสอดคล้องกัน คือดิฉันมองว่าบางอย่างมันอาจจะไม่จำเป็นต้องรีโนเวทใหม่หมด แต่แค่รีทัชก็ได้ ทำให้มันสดชื่นสดใสขึ้นหมด มันก็จะทำให้ศูนย์ดีขึ้นได้เหมือนกัน”
ในชีวิตการทำงานอยู่ในต่างจังหวัดเสียเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ “ครอบครัว” อยู่ที่กรุงเทพฯ แม้จะต้องอยู่ห่างกันบ้าง แต่เธอก็มีวิธีบริหารเวลางานและครอบครัวอย่างสมดุลได้เป็นอย่างดี
“สิบกว่าปีที่ผ่านมา ไม่เคยรู้สึกว่าห่างเหินจากครอบครัวเลยนะ ตอนอยู่กรุงเทพฯ พอถึงบ้านดึก ทุกคนก็นอน เช้ามาทุกคนก็แต่งตัวแยกย้ายไปทำงาน จะได้กินข้าวกับครอบครัวจริงๆ คือวันศุกร์เย็น พอเรามาอยู่ต่างจังหวัดโชคดีที่ทุกคนที่บ้านสามี ช่วยกันดูแลลูกชายให้ จึงเบาใจไปเรื่องหนึ่ง เราจัดการเวลาศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ให้เป็นวันสำหรับครอบครัว สามีและลูกชายจะเดินทางมาหาดิฉันมีหน้าที่จัดเตรียมบ้านที่นี่ให้สะอาด สดชื่นน่าอยู่ เตรียมอาหาร จัดดอกไม้ เตรียมกิจกรรมน่ารักๆ รอต้อนรับทุกคน ทุกคนก็จะรู้สึกดี สนุกมากขึ้น และรู้สึกว่าเราไม่ได้สูญเสียอะไรไปเลย กลับเห็นคุณค่า ถนอมเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกัน อบอุ่นขึ้นด้วยซ้ำ”
เมื่อถามถึงความสำเร็จในชีวิต เธอเล่าว่าทุกวันนี้ตนมีพร้อมด้วยหน้าที่การงานที่ดี ชีวิตมีความมั่นคง ซึ่งส่วนสำคัญก็คือ ครอบครัว ที่ประกอบด้วย สามี และลูกชายโทน
“ต่อให้เราประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานสูงสุดแค่ไหน แต่ทั้งหมดนั้นมันจะไม่มีความหมายอะไรเลยนะ ถ้าดิฉันไม่มีครอบครัวอบอุ่น มีสามีที่รักและเข้าใจ ส่วนลูกชายก็เป็นลูกที่ดีที่เขารู้จักหน้าที่ของตนเองจนวันนี้ก็เรียนจบแล้ว เราก็หมดห่วงไปได้ ดังนั้น วันนี้กล้าบอกได้ว่าความสำเร็จที่แท้จริงของตัวเองคือ ความสุขในครอบครัว แม้ว่าเราไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันทุกวัน แต่เมื่อสามีและลูกชายมาหาแล้วเขาพูดว่า ไม่มีที่ไหนมีความสุขเท่าบ้านเราเนอะแม่เนอะ อันนี้ภูมิใจที่สุดแล้ว”
คงจะไม่ผิดนักหากเราจะบอกว่าเธอคนนี้เป็น Working women ตัวจริง เสียงจริง ที่ประสบความสำเร็จทั้งเรื่องงาน และชีวิตครอบครัว ที่ใครๆ ก็อยากจะเป็นให้ได้เช่นนี้บ้าง
'...ต่อให้เราประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานสูงสุดแค่ไหน แต่ทั้งหมดนั้นมันจะไม่มีความหมายอะไรเลยนะ ถ้าดิฉันไม่มีครอบครัวอบอุ่น วันนี้กล้าบอกได้ว่าความสำเร็จที่แท้จริงของตัวเองคือ ความสุขในครอบครัว แม้ว่าเราไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันทุกวัน...'
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี