นักหนังสือพิมพ์ยุคนุ่งผ้าม่วง
วันที่ 1 มีนาคมนี้ เป็นวันที่มีหนังสือพิมพ์ฉบับแรกในประเทศไทย และต่อไปอีกไม่กี่วันก็เป็นวันนักข่าว 5 มีนาคม อาทิตย์นี้จึงขอตามรอย..ภูมิจดหมายเหตุของเหตุการณ์ไปที่ พิพิธภัณฑ์หนังสือพิมพ์ไทย ถนนนครราชสีมา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องการพิมพ์และหนังสือพิมพ์ไทยโดยตรง เนื่องจากหนังสือพิมพ์นั้นเป็นสิ่งพิมพ์ที่เสนอข่าวสารและเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกประเทศ มีกำหนดการออกที่แน่นอนตายตัว หนังสือพิมพ์อาชีพนั้นมักถือเอาหนังสือพิมพ์ที่ออกประจำสมํ่าเสมอเป็นรายวัน รายสัปดาห์ รายปักษ์หรือรายเดือนโดยมีผู้สื่อข่าว และบรรณาธิการรับผิดชอบหน้าที่ตามกฎหมายการพิมพ์ ซึ่งการจัดทำหนังสือพิมพ์นั้นต้องมีการพิมพ์ลงในกระดาษเพื่อใช้ในการอ่านและส่งถึงมือผู้อ่านทั่วประเทศ นับเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่มีราคาถูก ปัจจุบันนั้นได้มีการทำหนังสือพิมพ์ออนไลน์ผ่านการอ่านทางอินเตอร์เนต ซึ่งทำให้สะดวกสบายและเข้าถึงผู้อ่านง่ายขึ้น
สำหรับเนื้อหาหลักของหนังสือพิมพ์นั้นนอกจากการนำเสนอข่าวสารบ้านเมืองและเหตุการณ์รายวันที่เกิดขึ้นแล้วยังได้พัฒนาการจัดหน้าหรือแยกเล่มเฉพาะตามเนื้อหาแต่ละด้านด้วย เช่น ข่าวการเมือง ข่าวอาชญากรรม ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวกีฬา และข่าวบันเทิง โดยมีภาพถ่าย และการ์ตูน ประกอบ ซึ่งทั่วไปเป็นการ์ตูนล้อเลียนการเมืองหรือเสียดสีสังคมตามอย่างการพิมพ์ของต่างประเทศ
แท่นพิมพ์หนังสือพิมพ์ในอดีตครั้ง ร.3
สำหรับหนังสือพิมพ์ในประเทศไทยนั้นเริ่มมีขึ้นในรัชกาลที่ 3 โดยมีกลุ่มมิชชันนารีชาวอเมริกันเป็นเจ้าของ และบรรณาธิการ คือ หมอบรัดเลย์นั้นได้ออกหนังสือพิมพ์ข่าวรายปักษ์ฉบับแรกขึ้น ชื่อหนังสือจดหมายเหตุกรุงเทพ หรือบางกอกรีคอเดอร์
หรือชื่อภาษาอังกฤษ : The Bangkok Recorderพิมพ์เป็นภาษาไทย และภาษาอังกฤษ มีอายุอยู่ได้ไม่ถึง 2 ปี ก็ต้องปิดกิจการลง หลังจากนั้นได้มีหนังสือพิมพ์ออกมาอีกหลายฉบับ ทั้งรายสัปดาห์รายปักษ์ และรายปี อาทิ บางกอกคาเลนดาร์ต่อมาได้พัฒนาเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน เช่นบางกอก เดลี่ แอดเวอร์ไทเซอร์ (อังกฤษ :Bangkok Daily Advertiser) และ สยาม เดลี่แอดเวอร์ไทเซอร์ (อังกฤษ : Siam Daily Advertiser)
แท่นพิมพ์ในสมัย ร.5
จนเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4เสด็จขึ้นครองราชย์ พระองค์จึงได้นำการพิมพ์ที่ทรงเคยเป็นผู้จัดพิมพ์แต่ครั้งยังบวชเป็นพระภิกษุนั้นมาออก หนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทย ชื่อ ราชกิจจานุเบกษา เพื่อชี้แจงข่าวคลาดเคลื่อน ที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ของหมอ บรัดเลย์ และเพื่อแจ้งข่าวการพระราชกิจของพระเจ้าแผ่นดินซึ่งอยู่ในวงจำกัดเฉพาะขุนนางและทางราชการ ต่อมาในรัชกาลที่ 5 ได้มีหนังสือพิมพ์ภาษาไทยฉบับแรกเผยแพร่สู่ประชาชน ชื่อ ดรุโณวาท และข่าวราชการ ชื่อภาษาอังกฤษ Court – คอตจึงเรียกกันว่าข่าวคอต นับเป็นหนังสือพิมพ์ที่ยอดจำหน่ายสูงมากจนต้องมีระบบจัดส่งหนังสือด้วยแสตมป์ ซึ่งต่อมาเป็นจุดเริ่มต้นของกิจการไปรษณีย์ไทย กิจการหนังสือพิมพ์ในสมัยนี้ได้ตื่นกันมีการออกหนังสือพิมพ์ถึง 59 ฉบับ ในรัชกาลที่ 6 กิจการหนังสือพิมพ์นั้นสามารถวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและเสนอแนะความคิดเห็นได้อย่างมีเสรีภาพถึงบริหารประเทศมีหนังสือพิมพ์ภาษาไทยออกหลายฉบับ เช่น จีนโนสยามวารศัพท์ กรุงเทพเดลิเมล์ หนังสือพิมพ์ไทย ฯลฯ และมีการออกหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ เช่น The Bangkok Times : ออกต่อเนื่องมาจนถึงรัชกาลที่ 7 มีหนังสือพิมพ์ 55 ฉบับ ฉบับที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมที่สุดคือ ประชาชาติรายวัน จึงมีอิทธิพลต่อผู้อ่านอย่างสูง
ศรีบูรพา ต้นแบบนักหนังสือพิมพ์ผู้ยึดมั่นอุดมการณ์
โดยเฉพาะปัญญาชน ที่ตื่นตัวในเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนการปกครองและมีรัฐบาลบริหารประเทศนั้นทำให้หนังสือพิมพ์ถูกควบคุมโดยรัฐบาลและการยึดอำนาจรัฐประหาร เช่น เมื่อพ.ศ.2501 เกิดรัฐประหาร นำโดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์หนังสือพิมพ์ 31 ฉบับ จึงอยู่ภายใต้การควบคุมของประกาศคณะปฏิวัติ ดังนั้นนักข่าวนักหนังสือพิม์แต่ละยุคสมัยจึงมีการต่อสู้และนำเสนอข้อเท็จจริงแตกต่างกันไป จนทุกวันนี้หนังสือพิมพ์ได้ใช้เสรีภาพแห่งวิชาชีพทำหน้าที่ของตนพร้อมกับปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อความอยู่รอด และเป็นสิ่งพิมพ์เดียวที่ทำหน้าที่บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เป็นจดหมายเหตุของความจริงในฐานะหนังสือพิมพ์เป็นสื่อสร้างมติมหาชนและสัญลักษณ์ของวิถีประชาธิปไตยฯในสังคมโลก
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ร.4 บก.ราชกิจจานุเบกษา
พระองค์วรรณ บรรณาธิการประชาชาติ
หมอบรัดเลย์ ผู้เริ่มกิจการ หนังสือพิมพ์ในไทย
ประชาชาติรายวัน
ใบประกาศฝิ่น สิ่งพิมพ์ใบแรกในสมัย ร.3
หนังสือจดหมายเหตุฯ นสพ.ฉบับแรกในไทย
จีนโนสยามวารศัพท์
ดรุโณวาท
ราชกิจจานุเบกษา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี