ชมรมต้อหินแห่งประเทศไทยร่วมกับราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย เตรียมจัดงาน “รวมพลัง ระวังต้อหิน” 6-14 มีนาคม 2558 รณรงค์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 จักษุแพทย์ย้ำชัด ตรวจพบก่อน ป้องกันตาบอดได้ ไม่แนะนำให้นวดตาเพื่อรักษาต้อหิน
“ต้อหิน” เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของขั้วประสาทตา ซึ่งมีหน้าที่รับสัญญาณภาพส่งไปยังสมองถูกทำลายด้วยความดันลูกตา เซลล์เส้นประสาทที่ตายไปแล้วไม่สามารถทำให้ฟื้นคืนกลับมาได้ เป็นโรคที่ไม่สามารถป้องกันได้ แต่สามารถรักษาเพื่อหยุดไม่ให้อาการแย่ลงได้ โดยการใช้ยาหยอดตา เลเซอร์ หรือผ่าตัด
รศ.นพ.ปริญญ์ โรจนพงศ์พันธ์ หัวหน้าภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะประธานชมรมต้อหินแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ต้อหินเป็นโรคตาบอดถาวรอันดับ 1 ของไทย โดย 9 ใน 10 คน ที่เป็นต้อหินไม่มีอาการผิดปกติใดๆ สามารถอ่านหนังสือ ขับรถ ใช้ชีวิตได้ตามปกติ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เป็นมากแล้ว แต่ถ้าตรวจพบก่อน ก็สามารถรักษา ป้องกันไม่ให้ตาบอดได้ การตรวจตาจึงมีความสำคัญมาก กลุ่มเสี่ยงควรได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยจักษุแพทย์”
อายุ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดต้อหิน ยิ่งอายุมากขึ้นโอกาสที่จะเป็นต้อหินก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น สำหรับคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไป
มีโอกาสเสี่ยงเป็นต้อหิน 1% อายุ 50 ปี เสี่ยงเป็นต้อหิน 2% อายุ 60 ปี เสี่ยงเป็นต้อหิน 4% อายุ 70 ปี เสี่ยงเป็นต้อหิน 7% และถ้าอายุ 80 ปีขึ้นไป โอกาสเสี่ยงเป็นต้อหินมีมากกว่า 8% ขึ้นไป
กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเป็นต้อหินมากกว่าปกติ ได้แก่ คนที่มีอายุมากกว่า 40 ปี, บุคคลที่มีประวัติครอบครัว พ่อ แม่ พี่น้องสายตรงเป็นต้อหิน, คนไข้ที่ได้รับการผ่าตัดในลูกตา มีอุบัติเหตุทางตา, มีสายตาสั้นหรือยาวมากๆ, มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไทรอยด์, ใช้ยาสเตอรอยด์เป็นประจำ เช่น คนไข้โรคพุ่มพวง (SLE)
คนกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยจักษุแพทย์ ไม่ควรรอให้เกิดอาการผิดปกติแล้วค่อยไปตรวจ หากตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่ระยะแรก สามารถรักษา ป้องกันไม่ให้ตาบอดถาวรได้
ต้อหิน สามารถแบ่งตามลักษณะของมุมตาซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ระหว่างม่านตาและกระจกตาได้เป็น 2 ชนิด คือ ต้อหินชนิด
มุมตาเปิด (open angle glaucoma) เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ และต้อหินชนิดมุมตาปิด (angle-closure glaucoma) เกิดจากมุมตาแคบทำให้ขวางกั้นการระบายของน้ำในตาเป็นผลให้ความดันลูกตาสูงขึ้น ถ้าเป็นแบบเรื้อรังโดยมากจะไม่มีอาการอะไร แต่หากเป็นแบบต้อหินเฉียบพลันจะมีอาการปวดตา ตาแดง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อาจเห็นแสงสีรุ้งรอบดวงไฟได้ นอกจากนี้ยังมีต้อหินชนิดที่ทราบสาเหตุแน่นอน (secondary glaucoma) ซึ่งอาจเกิดตามหลังภาวะอื่น เช่น ต้อกระจกสุก ตาอักเสบ การใช้ยาหยอดตาที่มียากลุ่มสเตอรอยด์ หรือภาวะเบาหวานขึ้นตา เป็นต้น
การรักษาโรคต้อหิน ส่วนใหญ่รักษาด้วยการหยอดยา เพราะสะดวก รวดเร็ว ง่าย สำหรับคนไข้ต้อหิน ยาสำหรับรักษาโรคนี้สามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้ อยู่ในบัญชีหลักประกันสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีวิธีการรักษาโดยการผ่าตัด จะใช้กับคนไข้ที่ใช้ยาไม่ได้หรือใช้ยาไม่ได้ผล สำหรับผู้ป่วยโรคต้อหินชนิดมุมตาเปิดบางชนิดต้องทำการรักษาด้วยการยิงเลเซอร์
และ ในปีพ.ศ.2558 World Glaucoma Week 2015 สมาคมต้อหินโลก ได้จัดโครงการรณรงค์เพื่อป้องกันตาบอดและการสูญเสียสายตาเนื่องจากโรคต้อหิน ชมรมต้อหินแห่งประเทศไทยร่วมกับราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ได้จัดโครงการ “รวมพลัง ระวังต้อหิน” เนื่องในสัปดาห์ต้อหินโลก เป็นประจำทุกปี เพื่อให้ประชาชนคนไทยตระหนักถึงอันตรายและได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคต้อหิน อีกทั้งต้องการรณรงค์ให้ทุกท่านตรวจสุขภาพตาเป็นประจำเพราะวิทยาการสมัยใหม่สามารถป้องกันและรักษาโรคนี้ได้
สำหรับปีนี้ซึ่งนับเป็นปีที่ 9 จะมีการจัดงานกระจายไปตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ ในช่วยสัปดาห์ต้อหินโลก ระหว่างวันที่ 6-14 มีนาคม 2558 สำหรับผู้สนใจ สามารถค้นหาข้อมูลโรคต้อหินเพิ่มเติมได้ที่ชมรมต้อหินแห่งประเทศไทย www.thaiglaucoma.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี