เวียนศีรษะ (dizziness) เป็นอาการที่ทุกคนไม่อยากประสบกับตนเอง เป็นคำที่มีความหมายกว้าง ในที่นี้จะขอกล่าวเพียงเวียนศีรษะแบบหมุน อาจมีความรู้สึกว่าสิ่งแวดล้อมหมุน หรือตัวเองหมุน ร่วมกับอาการโคลงเคลง บางรายเป็นเพียงระยะสั้นๆ อยู่เพียงไม่กี่วินาทีแล้วหายไป หรืออาจจะนานเป็นหลายนาทีจนถึงหลายชั่วโมง บางรายจะมีอาการหูอื้อ มีการได้ยินบกพร่อง หรือมีเสียงผิดปกติในหู สาเหตุของความผิดปกตินี้ กิดได้ตั้งแต่ความผิดปกติของระบบการทรงตัวส่วนปลาย (หูชั้นในและเส้นประสาทการทรงตัว) หรือระบบการทรงตัวในระบบประสาทส่วนกลาง
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำคลีนิคการทรงตัวและการได้ยิน โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ให้ข้อมูลว่า อาการเวียนศีรษะบ้านหมุนที่เกิดจากอวัยวะการทรงตัวในหูชั้นในหรือประสาทหู มีโรคพบบ่อยๆ ได้ดังนี้ หินปูนในหูชั้นในเคลื่อน (Benign paroxysmal position vertigo -BPPV) เป็นโรคที่ก่อให้เกิดอาการเวียนศีรษะที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากหินทรงตัว (Calcium Carbonate–otolithic crystal)ในหูชั้นในเคลื่อนหลุดออกจากที่อยู่เดิม ทำให้ผู้ป่วยมีอาการเวียนศีรษะเป็นระยะสั้นๆ ขณะเปลี่ยนท่า เช่น ขณะล้มตัวลงนอน หรือลุกขึ้นนั่ง
น้ำในหูไม่เท่ากัน (Meniere’s disease) เกิดจากความแปรปรวนของน้ำในหูชั้นใน (endolymphatichydrop) ผู้ป่วยจะมีอาการเวียนศีรษะนานหลายนาทีหรืออาจต่อเนื่องเป็นหลายชั่วโมง อาการจะหายไปแล้วกลับมาเป็นอีกได้ โดยอาจจะห่างเป็นเดือนหรือเป็นปี เมื่อโรคเป็นรุนแรงขึ้นอาการจะเป็นถี่ขึ้น และหูข้างที่มีปัญหาจะได้ยินเสียงน้อยลงเรื่อย ๆ ร่วมกับเสียงผิดปกติในหู
เส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ (Vestibular neuritis) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตรงเส้นประสาทการทรงตัว ทำให้สัญญาณประสาทการทรงตัวที่ส่งไปสู่สมองไม่สมดุล ผู้ป่วยจะมีอาการเวียนศีรษะนานหลายวันโดยไม่มีอาการทางระบบประสาทสมอง หลังจากหายเวียนศีรษะแบบหมุนแล้ว ผู้ป่วยจะมีอาการโคลงเคลง และทรงตัวไม่ดีไปอีกระยะหนึ่ง
เนื้องอกประสาทหู (Acoustic neuroma) ผู้ป่วยจะมีอาการเสียงผิดปกติในหู การได้ยินลดลง ร่วมกับเวียนศีรษะแบบโคลงเคลง ซึ่งเกิดจากการที่มีเนื้องอกจากประสาทหู หากปล่อยไว้นาน ก้อนเนื้องอกจะโตขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถไปกดเส้นประสาทสมองและเนื้อสมองได้ นอกจากนี้ ยังมีโรคอื่นๆ ได้แก่ โรคประสาทหูถูกทำลายจากยา (ototoxicity) , โรคประสาทหูดับฉับพลัน (Sudden sensorineuralhearing loss) หรือ การเสื่อมถอยของอวัยวะการทรงตัว เป็นต้น
ขั้นตอนการรักษา ในระยะแรกแพทย์จะทำการรักษาตามอาการ โดยผู้ป่วยที่มีอาการเวียนศีรษะมากร่วมกับอาการคลื่นไส้อาเจียน ควรได้รับการรักษาตามอาการโดยแพทย์ใกล้ตัว หรือแพทย์ประจำตัว เพื่อให้อาการทรมานจากการเวียนศีรษะลดลงและไม่ขาดสารน้ำ ขั้นตอนต่อไปในรายที่สงสัยว่าสาเหตุน่าจะมาจากความผิดปกติของอวัยวะการทรงตัว แพทย์จะทำการตรวจทดสอบต่าง ๆ เพื่อให้ได้คำวินิจฉัยและวางแผนการรักษา
ในการรักษาจำเพาะต่อโรคชนิดต่าง ๆ ปัจจุบันได้มีการพัฒนาการรักษาขึ้นมากตามลำดับ ตั้งแต่การทำ Canalith Repositioning Maneuver, การผ่าตัด Posterior Semicircular canal occlusion ในรายที่เป็น BPPV, การรักษาโดยการฉีดยาเข้าไปสู่หูชั้นใน (Intratympanic injection) ในรายโรคน้ำในหูชั้นใน หรือโรคหูดับ เป็นต้น
ส่วนขั้นตอนสุดท้ายคือ การฟื้นฟู ผู้ป่วยบางรายถึงแม้จะหายเวียนศีรษะแบบฉับพลันแล้ว พยาธิสภาพของโรคยังคงทำให้มีการเสียสมดุลของการทรงตัว มีอาการโคลงเคลงเรื้อรัง จึงทำให้คุณภาพชีวิตด้อยลงไป ในรายเหล่านี้สามารถช่วยได้โดยการฝึกฝนหรือทำกายภาพบำบัด (Rehabilitation) เพื่อให้การทำงานและสมดุลของการทรงตัวดีขึ้น
ผู้ที่สงสัยว่าตนเองอาจมีอาการเข้าข่ายโรคในกลุ่มที่เกี่ยวกับระบบประสาทหู สามารถเข้ารับการตรวจโดยละเอียด ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ช่วยในการตรวจวินิจฉัยเฉพาะทาง ตั้งแต่เครื่องมือที่ใช้ตรวจความผิดปกติทั่วไป เช่น เครื่องตรวจการได้ยิน (audiogram) และเครื่องตรวจภาวะแรงดันของหูชั้นกลาง (tympanogram) จนถึงเครื่องมือที่สามารถตรวจการทำงานของระบบประสาทหูได้ลึกไปถึงระดับก้านสมอง (Auditory brain stem response, ABR) เครื่องทดสอบการทำงานของเซลล์ขนในหูชั้นใน (Otoacoustic emission,OAE) และเครื่องตรวจการได้ยินในระดับก้านสมอง (Auditory steady state response, ASSR)
ส่วนการตรวจระบบประสาทการทรงตัวทำได้โด เครื่องมือเฉพาะสำหรับตรวจการทำงานของอวัยวะทรงตัวในหูชั้นใน (Videonystagmography, VN6) เครื่องตรวจแรงดันน้ำในหูชั้นใน (Electrocochleography, ECOG) และเทคโนโลยีใหม่ที่ทางโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์นำมาใช้ในคลินิกเกี่ยวกับผู้มีปัญหาด้านการทรงตัวที่เรียกว่าPosturography ซึ่งครอบคลุมการทำงานตั้งแต่การตรวจหา การวินิจฉัย และการฟื้นฟูผู้ป่วยที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับการทรงตัว ด้วยระบบการทดสอบ 6 ระดับ ทำให้สามารถวินิจฉัยแยกได้ว่าความผิดปกติของอาการมาจากระบบการทรงตัว สายตา สมอง หรือเกิดจากสาเหตุใดเพื่อการรักษาที่ตรงจุด พร้อมขั้นตอนการฟื้นฟูมากกว่า 20 โปรแกรมตามลำดับอาการ
ทั้งนี้ อาการเวียนศีรษะบ้านหมุน แม้ได้รับการรักษาแล้วผู้ป่วยบางรายก็ยังต้องได้รับการฟื้นฟูในระยะยาว หรือในบางโรคอาจส่งผลเรื้อรังและแสดงอาการมากขึ้นหากไม่ได้รับการรักษา ดังนั้น จึงมีข้อแนะนำให้ผู้ที่เคยมีประวัติการเวียนศีรษะบ้านหมุน โคลงเคลง หรือสงสัยว่าตนเองอาจมีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยินและการทรงตัวควรเข้ารับการตรวจร่างกายและตรวจทดสอบจากแพทย์เพื่อการรักษาและการฟื้นฟูเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี