(ซ้าย) พิธีกรรายการ ขิม-ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์ และ ศ.นพ.อิศรางค์ นุชประยูร
มีเรื่องราวดีๆ มาฝากแฟนรายการอีกแล้ว สำหรับ “ผู้หญิงแนวหน้ากับคุณแหน” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางสถานี TNN2 ช่อง 784 โดยพิธีกร “ขิม-ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์” พาไปพูดคุยกับอาจารย์หมอ “ศ.นพ.อิศรางค์ นุชประยูร” เลขาธิการมูลนิธิสายธารแห่งความหวัง ผู้ทุ่มเทเวลาเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ป่วยด้วยโรคมะเร็ง
ศ.นพ.อิศรางค์ นุชประยูร เล่าว่า “มูลนิธิสายธารแห่งความหวัง ได้กำเนิดมา 9 ปีแล้วครับ เริ่มมาจากผมเองเป็นหมอรักษาโรคมะเร็งในเด็ก บอกก่อนว่ามะเร็งในเด็กมีโอกาสหายขาดได้ แต่จำเป็นจะต้องรักษาอย่างเต็มที่ อาจจะต้องให้ยาเคมีบำบัดเป็นหลักแล้วก็ใช้เวลานานถึงบางทีก็ 1-3 ปี
ในครั้งแรกเราก็หวังว่าหายได้ แต่ว่าในที่สุดความเป็นจริงก็คือ มะเร็งบางชนิดเราก็รักษาหายได้ถึง 85% แต่ว่าก็มีมะเร็งหลายชนิดซึ่งโอกาสรักษาหายไม่มากนัก หรือว่าบางคนรักษาไปแล้ว ด้วยยาที่ดีที่สุดแล้วก็ไม่หาย โรคมันกลับมาอีก ในกรณีที่เราเรียกว่ารักษายาก ก็เป็นความท้าทาย ที่ว่าเราจะดูแลกันอย่างไรดี ให้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเด็กและครอบครัว
เริ่มต้นด้วยน้องคนหนึ่ง ซึ่งเขาก็รักษาไม่หายสักที เราก็ถามน้องเขาว่าจะทำอะไรให้ได้บ้าง เขาก็บอกว่าอยากไปดูหมีแพนด้าที่เชียงใหม่ ผมก็เลย อืม...มันสำคัญมากเลยหรือ คือผมเองด้วยความเป็นหมอก็รู้แต่ว่ารักษาโรคอย่างไร แต่ไม่รู้ว่าหมีแพนด้ามันอยู่ที่ไหน เพราะผมจบจากสหรัฐอเมริกา ทำงานได้สัก 5 ปีเอง ยังไม่เคยไปเที่ยวเมืองไทย
ก็มีอาสาสมัครที่เขามาถามเราว่าจะช่วยอะไรคุณหมอได้ ผมก็บอกถ้าช่วยดูแลเด็กนี่คงยาก แต่ว่าน้องคนนี้เขาอยากไปดูหมีแพนด้าที่เชียงใหม่ ทำได้มั้ย เขาก็บอกไม่รู้เหมือนกันเดี๋ยวเขาถามคนที่เขารู้จักดูก่อน แล้วเขาก็หายตัวไปถามคนนั้นคนนี้ ประมาณ2 สัปดาห์ก็ได้คำตอบ ดีเลยมีคนยินดีที่จะสปอนเซอร์ตั๋วเครื่องบินเพื่อให้น้องนั่งเครื่องบินไปดูหมีแพนด้าที่เชียงใหม่
เราก็บอกว่างั้นดีเลย เราก็รีบไปบอกน้อง แต่ว่าน้องเขาก็ป่วยมากคือ เหมือนกับจะป่วยมากลุกไม่ขึ้นมา 2 สัปดาห์แล้ว อย่างไรก็ตาม เราก็บอกว่าไปบอกข่าวดีนี้เถอะดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น พอเขาได้ฟังข่าวดีเขาก็ลุกขึ้นได้เลย เราก็เลยบอกว่าไปเชียงใหม่กันเขาก็ดีใจมากที่ได้ไปดูหมีแพนด้า แล้วทุกอย่างก็ดูดีกว่าที่ทุกคนคิด แต่มันก็เป็นเพราะกำลังใจนั่นแหละ เขาดูหมีแพนด้าเสร็จก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วเขาก็บอกไม่กลับไปโรงพยาบาลแล้วนะกลับบ้านดีกว่า เราก็ภูมิใจกันที่สานฝันให้เขาสำเร็จ
ซึ่งกิจกรรมแบบนี้เราจะจัดทุกปีอย่างน้อย 1-2 ครั้ง โดยมากก็จะเป็นเดือนตุลาคมของทุกปี ที่ทะเล เพราะเด็กส่วนใหญ่ชอบที่จะไปทะเล เราก็จะเชิญเด็กๆ จากโรงพยาบาลที่รักษาเด็กป่วยเป็นมะเร็งทั่วประเทศ 20 โรงพยาบาล ก็เชิญเด็กมาโรงพยาบาลละ 5 คน เพื่อจะได้มาเจอกันประมาณ 40 คน จะได้ใช้ชีวิตร่วมกัน 3 วัน 2 คืน เกๆ ก็มีตั้งแต่อายุเล็กๆ 3 ขวบจนถึง 15 ปี”
ศ.นพ.อิศรางค์ นุชประยูร กล่าวอีกว่า “มูลนิธิสายธารแห่งความหวัง ก็มีความตั้งใจที่จะสานฝันให้กับเด็กที่เป็นมะเร็งที่รักษายากทุกคนในประเทศไทย หลังจากกิจกรรมที่เพิ่มคุณภาพชีวิต เช่น ค่ายมะเร็งเด็กและค่ายอื่นๆ ซึ่งปีหนึ่งก็จะมีประมาณ5-12 ครั้งต่อปี อย่างที่ 3 ก็คือว่าอยากจะสนับสนุนแนวทางการรักษาเด็กที่รักษายาก ที่มีโอกาสไม่หายมากกว่าหาย
อันนี้ก็เป็นแนวทางการรักษาประเภทที่ได้คุณภาพชีวิต ก็คือหมายถึงว่าเขาคิดว่าสู้ต่อไปมันก็มีแต่เจ็บตัว เพราะให้ยาเคมีบำบัด มันก็ทรมาน ถ้าถามเด็กว่าเด็กอยากได้แบบไหน เด็กก็จะบอกหนูไม่เอาแล้วยาเคมีบำบัด ถามคุณพ่อคุณแม่ก็จะบอกว่าขอลองอีกสักรอบหนึ่ง เราก็จะเชียร์ให้คุณแม่ฟังเด็ก เพราะบางทีสิ่งที่สำคัญกว่าคือ เราชวนกันไปใช้ชีวิตดูสักหน่อยดีมั้ย ให้เขามีความสุขทั้งเด็กทั้งคุณแม่ ประมาณว่าเขาโอเคเห็นด้วยเราก็ไปใช้ชีวิตกันก่อน
รักษาก็ยังไม่เลิกนะครับ ก็ยังดูแลกันต่อไป แต่ว่าเน้นคุณภาพชีวิตเป็นหลัก เราก็เรียกแนวทางนี้ว่าชีวาภิบาล คือเขาจะมีสุขภาพจิตที่ดี แล้วก็พบว่าเด็กที่มีสุขภาพจิตที่ดีใช้ชีวิตได้นานกว่าที่เราคิด นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นก็คือว่า เราทำทุกวันอย่างดีที่สุด แล้วมันจะมีอะไรที่ดีที่สุดความพยายามที่จะทำทุกวันให้ดีที่สุด
นั่นเป็นสิ่งที่เราเรียกว่าให้มุมมองถ้าผู้ปกครองและเด็กเลือกทางนี้ ก็สนับสนุนให้มันเกิดขึ้น เราก็สนับสนุนโรงพยาบาลต่างๆ ที่เขาก็ให้การดูแลอยู่แล้ว ที่สนใจแนวทางนี้ทำให้เกิดขึ้นได้กับเด็ก เด็กอาจจะเลือกอยู่ที่บ้าน เราก็จะทำให้เขาสามารถอยู่ที่บ้านได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาล
สำหรับข้อแนะนำในการดูแลเด็กที่รักษายาก ผมคิดว่าประเด็นสำคัญก็คือว่า ถ้าเราคิดว่าโอกาสรักษาไม่หาย โอกาสหายน่าจะน้อยกว่าไม่หาย สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือถามเด็ก ว่าเขาอยากได้การรักษาแบบไหน เพราะเด็กก็คือคนที่ได้รับทุกอย่างนี้ ที่เราอยากจะให้เขาด้วยความหวังดี ซึ่งเด็กส่วนใหญ่จะเลือกว่าเขาอยากใช้ชีวิตเต็มที่มากกว่า
เช่น มีเด็กอยู่คนหนึ่งเป็นนักกิน คือชีวิตมีความสุขอยู่กับการกิน ถ้าเราขืนให้ยาต่อไป เขาก็ต้องอดกินของอร่อย เพราะว่ามันต้องปลอดภัย กินของอร่อยจะไม่ปลอดภัย แต่ว่าถ้าเราอนุญาตให้เขากิน เขาก็มีความสุขเราก็เชื่อมั่นในแนวทางความคิดแบบนี้ อย่างไรก็ตาม ทุกคนเห็นด้วยกับแนวทางนี้นะครับ ก็เป็นเรื่องที่เราต้องรณรงค์กันท่านใดเห็นด้วย เราก็จะทำให้มันเกิดครับ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี