เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ในโลกไซเบอร์ได้มีการกล่าวถึง "เจแปน"สุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ที่ได้รับการ "ผ่าตัดหัวใจ" โดยทีมคณาจารย์จากคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งถือเป็น "การผ่าตัดหัวใจโดยใช้สายสวน" เพื่อแก้ไขพีดีเอในสุนัขรายแรกของประเทศไทย นำทีมโดย ศ.สพ.ญ.ดร.ชลลดา บูรณกาล ครับ
สุนัขตัวนี้มีความผิดปกติเกี่ยวกับหัวใจที่เรียกว่า "พีดีเอ (PDA)" ซึ่งหลายคนคงสงสัยนะครับว่า คืออะไร? และมีอันตรายมากจนถึงกับต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจเชียวหรือ? วันนี้ผมมีข้อมูลดีๆ จาก ผศ.สพ.ญ.ดร.สิริลักษณ์ สุรเชษฐพงษ์ หนึ่งในทีมสัตวแพทย์ที่ร่วมทำการผ่าตัดแก้ไขปัญหาความผิดปกติของหัวใจให้กับเจ้าสุนัขตัวนี้ครับ
พีดีเอ คืออะไร ?
พีดีเอ (PDA) หรือ Patent ductus arteriosus คือ ความผิดปกติของหัวใจตั้งแต่กำเนิด ที่มีสาเหตุมาจาก การคงค้างอยู่ของหลอดเลือดที่มีชื่อเรียกว่า "ductus ateriosus" ซึ่งในระยะที่เป็นตัวอ่อนในท้องแม่สุนัข จะเป็นท่อที่เชื่อมต่อระหว่าง "หลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ต้าที่ไปเลี้ยงร่างกาย" กับ "หลอดเลือดแดงใหญ่พัลโมนารี่ที่นำเลือดไปปอด" ซึ่งตอนเป็นตัวอ่อน หลอดเลือดนี้จะทำหน้าที่เป็นท่อที่มีลักษณะเป็นทางลัดเพื่อเป็น bypass ที่เชื่อมต่อระบบไหลเวียนเลือดภายในลูกสัตว์ เนื่องจากลูกสัตว์ได้รับออกซิเจนจากแม่โดยตรง เพราะปอดของตัวอ่อนสุนัขยังไม่ทำงาน แต่เมื่อใกล้คลอด ท่อนี้จะตีบลงกลายเป็นเอ็น (ligament) ที่ยึดหลอดเลือดทั้งสอง
แล้วปัญหา คืออะไรล่ะ?
เมื่อตัวอ่อนเจริญมาถึงระยะหนึ่ง ท่อนั้นจะฝ่อลงและปิด เพื่อไม่ให้เลือดจากทั้งสองส่วนมาผสมกัน ทำให้ระบบเลือดแดงและเลือดดำของร่างกายจะแยกกันสมบูรณ์ โดยแยกเป็น "หลอดเลือดแดงใหญ่ที่นำเลือดที่มีออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกาย" กับ "หลอดเลือดใหญ่ที่นำเลือดเสียไปฟอกที่ปอด"
ในกรณีที่ท่อนี้ไม่ปิด จะทำให้เลือดที่มีออกซิเจนสูงจากหลอดเลือดใหญ่เอออร์ตา (เลือดแดง) บางส่วนไหลกลับเข้ามาที่หลอดเลือดแดงใหญ่พัลโมนารี (เลือดดำ) ที่ไปฟอกที่ปอด ทำให้ปริมาณเลือดแดงที่ไปเลี้ยงร่างกายมีน้อยลง หัวใจจึงต้องทำงานบีบตัวหนักขึ้น และเกิดความผิดปกติของหัวใจตามมา จนเป็นเหตุให้สุนัขเสียชีวิตได้
พีดีเอนี้ พบได้บ่อยหรือไม่ ?
โรคนี้พบได้ในลูกสุนัขเพศเมียมากกว่าเพศผู้ โดยพบได้บ่อยในลูกสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล รวมทั้งสุนัขอื่นๆ เช่น ปอมเมอเรเนียน เยอรมันเชพเพิด และโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เป็นต้น
พีดีเอถือเป็นความผิดปกติของหัวใจแต่กำเนิดที่พบได้มากที่สุด ที่คลินิกเฉพาะทางโรคหัวใจ โรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งพบอยู่ประมาณ 3-5 รายต่อปี แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการสำรวจถึงอุบัติการณ์การเกิดโรคนี้ในประเทศไทยอย่างจริงจัง ซึ่งอุบัติการณ์ที่แท้จริงของโรคน่าจะมากกว่านี้ แต่โรคนี้พบได้ค่อนข้างน้อยในแมว ครับ
เราจะสังเกตุสุนัขที่มีความผิดปกติของหัวใจนี้ได้อย่างไร ?
สำหรับในกรณีที่ท่อ ductus arteriosus มีขนาดเล็ก เลือดดำอาจเข้ามาผสมในเลือดแดงในปริมาณไม่มาก สุนัขอาจไม่แสดงอาการป่วยใดๆ และสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้เหมือนสุนัขปกติจนโต และอาจมีการตรวจพบโดยบังเอิญ หรือแสดงอาการป่วยเมื่ออายุมาก
แต่ในกรณีที่ท่อมีขนาดใหญ่ หัวใจจึงต้องทำงานบีบตัวหนักขึ้น และเกิดความผิดปกติของหัวใจตามมา สุนัขจะแสดงอาการหัวใจล้มเหลวตั้งแต่อายุยังน้อย โดยสุนัขจะมีอาการไอ หอบ หายใจลำบาก อาจมีน้ำหรือน้ำมูกออกจากทางจมูก อาการดังกล่าวจะคล้ายกับการติดเชื้อหวัดรุนแรง บางครั้งเจ้าของจึงอาจเข้าใจผิดว่าสุนัขป่วยเป็นหวัดธรรมดา
ความผิดปกติของหัวใจที่เรียกว่า พีดีเอ ยังมีต่อครับ สัปดาห์หน้า เราจะมาเรียนรู้วิธีการสังเกตอาการ การรักษาและการป้องกันความผิดปกตินี้กันครับ
อาจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร. ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี