ภก.ดร.พงศกรพัฒน์ อรุโณทยานันท์
ริ้วรอยต่างๆ โดยเฉพาะรอยตีนกาที่แสนจะน่ากลัวสำหรับสาวๆ นี่ยังไม่นับปัญหาปวดข้อ ปวดเข่า เวลาเดินช็อปปิ้งนานๆ แม้ว่าอายุจะยังไม่มากก็ตาม แต่เราเคยลองสังเกตตัวเองกันบ้างหรือไม่ ว่านี่คือสัญญาณปัญหาที่บอกให้รู้ว่าร่างกายของเรากำลังขาดคอลลาเจนอยู่ก็เป็นได้ ภก.ดร.พงศกรพัฒน์อรุโณทยานันท์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาความรู้ผลิตภัณฑ์ระดับภูมิภาคยูนิลีเวอร์ เนตเวิร์ก อะคาเดมี มีเคล็ดลับดีๆ มาแนะนำ
ภก.ดร.พงศกรพัฒน์ อรุโณทยานันท์ เผยว่า คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญทำหน้าที่เป็นโครงสร้างของอวัยวะต่างๆ พบมากที่สุดในผิวหนัง เพราะจะทำให้ผิวหนังตึงกระชับ เนียนนุ่มชุ่มชื่น และยังเป็นส่วนประกอบในกระดูกข้อต่ออีกด้วย โดยจะช่วยผสานแคลเซียมในเนื้อกระดูกให้คงรูปแข็งแรง แต่มีการวิจัยพบว่าหลังอายุ 20 ปี ปริมาณคอลลาเจนในร่างกายจะเริ่มลดลง ซึ่งนอกจากจะทำให้ผิวพรรณหย่อนคล้อย มีริ้วรอยยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการสูญเสียมวลกระดูก กระดูกบาง และ ปวดข้อเข่า อีกด้วย ทำให้ความนิยมในการเสริมคอลลาเจนให้ร่างกายจึงเพิ่มขึ้นเพราะหวังประโยชน์ทั้งด้านความงามและความแข็งแรงของร่างกาย
“คอลลาเจนจะพบมากในหนังสัตว์ เช่น ปลา ไก่ แต่หากต้องการเสริมคอลลาเจนด้วยการรับประทานหนังสัตว์ อาจเป็นไปได้ยาก เพราะเป็นโปรตีนที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่มาก ร่างกายย่อยและดูดซึมได้ยาก และยังเสี่ยงไขมันสูงด้วย นักวิจัยจึงสกัดคอลลาเจนจากหนังสัตว์และย่อยให้โมเลกุลเล็กลงได้ คอลลาเจนเปปไทด์ เป็นโปรตีนสายสั้นมีโมเลกุลเล็กลง ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายขึ้น โดยมีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า เมื่อรับประทานคอลลาเจนเปปไทด์ที่มีขนาดเล็ก จะสามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ภายใน 30 นาที และกระจายไปเนื้อเยื่ออวัยวะต่างๆ ให้ร่างกายใช้เป็นวัตถุดิบในการสร้างเป็นคอลลาเจนต่อไป”
ภก.ดร.พงศกรพัฒน์ กล่าวต่อว่า แต่ผลลัพธ์สุขภาพจากคอลลาเจนไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน เพราะร่างกายจะต้องใช้เวลาในการสร้างเสริมคอลลาเจน โดยได้มีการทดลองยืนยันว่าการรับประทานคอลลาเจนเปปไทด์โมเลกุลเล็ก เป็นประจำทุกวัน 2 เดือน ช่วยเสริมให้ผิวเนียนกระชับ ชุ่มชื่นขึ้น งานวิจัยด้านสุขภาพกระดูกและข้อ พบว่าช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์สร้างเนื้อเยื่อกระดูกและการลดความเจ็บปวดปัญหาข้อเข่า เมื่อรับประทานคอลลาเจนเปปไทด์ 10 กรัม หรือประมาณ 2-3 ช้อนชาทุกวัน ต่อเนื่องอย่างน้อย 2 เดือน
“เพื่อชดเชยการสูญเสียคอลลาเจนทุกวันตามอายุ ควรเน้นรับประทานคอลลาเจนบริสุทธิ์ในปริมาณค่อนข้างมาก และควรรับประทานในปริมาณที่ผู้ผลิตแนะนำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เพราะหากรับประทานน้อยเกินไปก็ไม่เห็นผล แต่หากรับประทานมากเกินความต้องการ ก็จะขับออกทางปัสสาวะ โดยไม่สะสมตกค้าง เพราะเป็นโปรตีนที่ละลายน้ำได้
ดังนั้น การเลือกคอลลาเจนเปปไทด์ที่มีขนาดโมเลกุลเล็ก เช่น ต่ำกว่า 2,000 ดาลตัน จะช่วยให้การดูดซึมดีขึ้น คอลลาเจนไม่ใช่ยาจึงไม่มีข้อจำกัดว่าควรรับประทานตอนท้องว่างหรือพร้อมอาหาร แต่มีข้อควรระวังคือ ควรเลือกคอลลาเจนบริสุทธิ์ที่มีสารเจือปนน้อยที่สุด เพราะหากต้องการรับประทานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ควรเลี่ยงสูตรที่มีการแต่งสี กลิ่น รส สารกันเสียมากๆ เพราะจะทำให้ได้รับสารปรุงแต่งเข้าร่างกายทุกวัน และควรหลีกเลี่ยงการทำร้ายคอลลาเจนเช่น การดื่มเหล้า เครื่องดื่มน้ำตาลสูง และแม้ว่าคอลลาเจนเปปไทด์บริสุทธิ์จะมีความปลอดภัยสูง แต่ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพก็ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนการรับประทาน”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี