เชฟมิตร - สุมิตร โพธิเกตุ เริ่มจากศูนย์...สู่รองพ่อครัวใหญ่ อมารี พัทยา
จากเด็กอีสานเกิดมาในครอบครัวที่พ่อ-แม่ยึดอาชีพ “ขายข้าวแกง” แม้แต่ตัวของเขาเองก็ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะต้องเดินมาไกลในถนนสายอาชีพของคนทำอาหาร แม้ไม่เคยได้ร่ำเรียนการทำอาหารในสถาบันชื่อดัง แต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ เชฟมิตร-สุมิตร โพธิเกตุ สั่งสมประสบการณ์เกือบ 20 ปี ทั้งในและต่างประเทศ จนก้าวมาสู่ตำแหน่ง Executive Sous Chef โรงแรมอมารี พัทยา ในปัจจุบัน
“ผมเริ่มต้นจากการชักชวนของเพื่อนมาทำงานในห้องอาหารโรงแรม ตอนนั้นส่วนใหญ่เพื่อนๆ เขามาทำ 3-4 เดือนแล้วก็กลับบ้าน แต่พอเราได้มาคลุกคลีอยู่ในครัวก็ชอบ ส่วนหนึ่งคงเป็นอะไรลึกๆ ที่อยู่ในตัวเราอยู่แล้ว เพราะพ่อแม่ก็ทำกับข้าวขาย ก็คิดว่าวันหนึ่งเราจะมาเป็นพ่อครัว ตอนที่เริ่มอาชีพนี้เราไม่มีประสบการณ์ ทำกับข้าวได้ก็เป็นแบบทำกินเองในบ้านประมาณนั้น เริ่มจากการเป็นเด็กครัวจริงๆ ทำตั้งแต่ล้างผัก ล้างจาน ล้างอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือของพ่อครัว พอเห็นทุกวัน เห็นเชฟ ผู้ช่วยเชฟ เตรียมวัตถุดิบต่างๆ ก็เกิดความสนใจ ครูพักลักจำ เจอเชฟที่ไม่หวงวิชาเขาก็สอน เรียกว่าเรียนรู้งานครัวทุกอย่าง พอเขาเห็นแววก็ค่อยขยับๆ ขึ้นมา จนได้เป็นผู้ช่วย แล้วก็มาเป็นเชฟในที่สุด”
❛...ผมว่าเด็กรุ่นใหม่โชคดีกว่ารุ่นผมเยอะ เพราะมีโรงเรียน มีสถาบันสอนทำอาหารเยอะไปหมด มีอินเตอร์เนต อยากได้สูตรอะไรคลิกเข้าไปดูได้ มันอาจจะดูง่าย แต่ไม่ใช่ว่าใครจะทำได้ ถ้าคุณไม่มีใจรักจริงๆ ต้องหมั่นฝึกฝนเรียนรู้ และอย่าคิดว่าตัวเองเก่ง...❛
การจะทำให้คนยอมรับในฝีมือการสั่งสมประสบการณ์ พัฒนาฝีมือ โดยไม่ยึดติดในตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่ เชฟมิตร ยึดถือเสมอมา จากพัทยาเขาจึงเข้ามาหาประสบการณ์ในกรุงเทพฯ นานหลายปี จนได้มีโอกาสไปทำงานกับโรงแรมใหญ่ที่ต่างประเทศอีกเกือบ 10 ปี แล้วจึงกลับมาเป็นเชฟอยู่ที่เกาะสมุย 4 ปี ก่อนจะตัดสินใจย้ายกลับมาทำงานที่พัทยา
“การได้ไปทำงานในต่างประเทศเป็นผู้ช่วยเชฟโชคดีที่เจอหัวหน้างานดี เชฟใหญ่จะให้คำแนะนำสอนงาน และเขาให้เกียรติเรา ในงานที่เรารับมอบหมายถือว่าเป็นโอกาสในชีวิตที่คุ้มค่าที่เราได้ไปทำงานต่างประเทศ ได้เห็นโลกกว้าง เห็นความแตกต่างทางวัฒนธรรมอาหาร ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เรียนทำอาหารในสถาบันสอนทำอาหารที่ไหนเลย แต่เรามีโอกาสได้เรียนรู้จากการทำงานจริง กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ผมผ่านมาเยอะ ที่ทำให้เราแข็งแกร่ง”
สำหรับการมาร่วมงานกับโรงแรมอมารี พัทยา เชฟมิตร บอกว่า เป็นอีกหนึ่งความท้าทายของการอาชีพนี้ เพราะชื่อเสียงของที่นี่ไม่เป็นสองรองใครในพัทยา นอกจากห้องพักที่สะดวกสบายแล้ว อาหารก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้ลูกค้าอยากกลับมาใช้บริการ และหนึ่งในห้องอาหารหลายๆ ห้องของอมารี พัทยา อย่าง “ห้องอาหารและบาร์ มันตรา” ก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทายของอาชีพ ที่เชฟมิตร ไม่ปฏิเสธ
“มันตรา ถือว่าเป็นห้องอาหารในโรงแรมอันดับหนึ่งของพัทยา และแยกออกมาจากตัวโรงแรม ตกแต่งอย่างหรูหรา ให้บริการเมนูอาหารญี่ปุ่น จีน อินเดีย เมดิเตอร์เรเนียน มีความหลากหลายวาไรตี้ ทั้งเอเชีย ยุโรป ซึ่งเราใช้เชฟประจำสเตชั่นที่มีความเชี่ยวชาญในอาหารนั้นๆ อย่างแท้จริง ตลอดจนคัดสรรวัตถุดิบที่มีความสดใหม่ มีคุณภาพ เพื่อให้ได้รสชาติอาหารที่เป็นเลิศ
อย่างเมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ยอดฮิตของมันตราที่ไม่ว่าใครมาก็ต้องสั่ง Mantra Quintetto เมนูนี้เป็นเมนูเชฟซีเลคชั่น มีทั้ง ซูเฟล่ ฟัวกราส์ พามาแฮมในขนาดพอดีคำสำหรับสองคนทาน หรือจะเป็นสลัดกุ้งทอด อีกหนึ่งเมนู ปลาหิมะย่างกับหน่อไม้ฝรั่งมันฝรั่งบด เห็ดย่าง เสิร์ฟพร้อมซอสเสาวรส และของหวาน ข้าวเหนียวมะม่วงอบ เสิร์ฟพร้อมไอศกรีม ซึ่งห้องอาหารจะเปิดให้บริการเฉพาะดินเนอร์ และ Sunday Brunch หรือมื้อสายวันอาทิตย์ ซึ่งได้รับความนิยมทั้งจากแขกที่เข้าพักในโรงแรม และลูกค้าทั่วไปที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรือฉลองในโอกาสพิเศษต่างๆ”
จากเด็กต่างจังหวัด เริ่มต้นจากเด็กก้นครัวจนก้าวมาเป็นเชฟอันดับสองในโรงแรมห้าดาวได้อย่างทุกวันนี้ เชฟมิตร บอกว่า เป็นความสำเร็จที่ได้มาด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจริง มีความรักและซื่อสัตย์ต่องานที่ทำ จึงทำให้เขาเดินมาไกลตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
“การเป็นเชฟ ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าไม่รักในอาชีพนี้จริงๆ เพราะทุกอย่างต้องเริ่มจากศูนย์หมด ทุกวันเราต้องเจอกับปัญหาให้แก้ไข เจอกับลูกค้าใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ต้องรู้จักที่จะนำเอาปัญหามาพัฒนาแก้ไข ไม่ใช่ทำงานไปวันๆ และอย่าหยุดที่จะเรียนรู้ ผมว่าเด็กรุ่นใหม่โชคดีกว่ารุ่นผมเยอะ เพราะมีโรงเรียน มีสถาบันสอนทำอาหารเยอะไปหมด มีอินเตอร์เนต อยากได้สูตรอะไรคลิกเข้าไปดูได้ มันอาจจะดูง่าย แต่ไม่ใช่ว่าใครจะทำได้ถ้าคุณไม่มีใจรักจริงๆ หมั่นฝึกฝนเรียนรู้ และอย่าคิดว่าตัวเองเก่ง
แม้แต่ผมทุกวันนี้ก็ยังต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลาเพื่อพัฒนาฝีมือ ที่สำคัญเราต้องเปิดใจที่จะรับฟังคำติชมในรสชาติอาหารที่เราทำ ซึ่งสำหรับตัวเองผมพูดไม่ได้หรอกว่าผมเป็นคนทำอาหารอร่อย แต่ผมต้องฟังจากคนที่มาทานอาหารฝีมือผม ถ้าลูกค้าพอใจ มีคำชมมากกว่าคำติ ผมก็ถือว่าผมประสบความสำเร็จแล้ว”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี