เขามอ ที่ถูกวางตำแหน่งดุจจักรวาล
จากการศึกษาเรียนรู้ในการตามรอย “150 ปี ศรีสุริยวงศ์” ถึงงานการช่างของคนสำคัญในตระกูลบุนนาค ซึ่งมีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค)เป็นแม่กองและรับผิดชอบงานการก่อสร้างในแผ่นดินสยามในรัชกาลที่ 3 นั้น ทำให้นึกถึงงานช่างและสถาปัตยกรรมเมื่อแรกสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์นั้นได้ระดมช่างก่อสร้างที่ตกค้างมาแต่สมัยอยุธยาแล้ว ยังได้ฝึกฝนคนรุ่นใหม่ถึงงานช่างซึ่งต่อมานั้น ได้มีการสร้างสิ่งสำคัญที่ใหญ่โตขึ้นนอกจากจะสร้างวัด สร้างป้อม กำแพงเมืองที่ทำกันในเบื้องต้นแล้วงานช่างที่ถือเป็นต้นแบบต่อการก่อสร้างสถานที่สำคัญๆเช่น ภูเขาทอง พระเมรุมาศ และพระที่นั่งมหาปราสาท นั้นจำเป็นต้องเรียนรู้และฝึกฝนจนก่อสร้างได้ ซึ่งมีหลายครั้งที่ต้องรอให้มีช่างเรียนรู้ ดังนั้นสิ่งที่เป็นการเรียนรู้งานช่างได้ก็นึกไปถึงการสร้างเขามอหรือเขาไกรลาสเพื่อใช้ในพระราชพิธีโสกันต์ชั้นเจ้าฟ้า ในสมัยรัชกาลที่ 1 นั้นได้มีพระราชพิธีโสกันต์ใหญ่เจ้าฟ้า ที่มีเขาไกรลาส และจัดพระราชพิธีครบถ้วนขึ้นเป็นครั้งแรกตามแบบอยุธยานั้น คือ พระราชพิธีโสกันต์ สมเด็จเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี พระราชธิดาในสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 1 ด้วยเป็นเจ้าฟ้าที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเจ้าทองสุก ธิดาเจ้ากรุงศรีสตนาคนหุตเจ้าประเทศราช พระราชพิธีนี้ถือว่ามีการตั้งเขาไกรลาสณ ชาลาในพระบรมมหาราชวังเป็นครั้งแรกมีความเล่าถึงการสร้างไว้ว่า “มีพระมณฑปใหญ่อยู่ท่ามกลางยอดเขาไกรลาส แลมณฑปน้อยในทิศเหนือแลทิศใต้ ภายในพระมณฑปใหญ่ ตั้งบุษบกน้อย เชิญพระพุทธรูปและพระบรมธาตุประดิษฐานเป็นที่สักการบูชา...ในพระมณฑปทิศเหนือตั้งรูปพระอิศวร พระอุมา พระมหาพิฆเนศวร ในพระมณฑปทิศใต้ตั้งรูปพระนารายณ์ พระลักษมี พระมเหศวรี ตามไสยศาสตร์ แลชานพระมณฑปเป็นกำแพงแก้ว เนื่องกับซุ้มประตู มีฉัตรทอง ฉัตรเงิน ฉัตรนาค เจ็ดชั้น พื้นไหมปักทองแล่ง แลมีที่สรงธารหลังออกจากปากสัตว์ทั้ง 4 คือ ราชสีห์ แลช้าง แลม้า แลโค ซึ่งสมมุติว่าสระอโนดาษ แลมีรูปพระอาทิตย์ พระจันทร์รูปเทวดาทั้ง 8 ทิศ ฤษีสิทธิวิทยาธรกินร แลสุบรรณนาคราช ช้างตระกูลอัฐทิศคชาพงศ์ ซึ่งบังเกิดในป่าหิมพานต์ แลรูปสัตว์จตุบาททวิบาท มีพรรณต่างๆ ประดับตามช่องชั้นเขาไกรลาส จนถึงชั้นชาลาพื้นล่าง”
เขามอ ในอดีตมีสิ่งก่อสร้างมากมาย
ด้วยเหตุนี้การสร้างเขาไกรลาส จึงเป็นงานช่างที่ต้องมีช่างฝีมือและรู้วิธีการสร้าง จึงทำให้นึกถึงเขามอที่ตั้งอยู่ในวัดประยุรวงศาวาส วัดที่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ สร้างขึ้นเมื่อพ.ศ.2371 ได้น้อมนำพระราชนิยมของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเรื่องการสร้างเขามอให้เป็นรมณียสถานภายในพระอารามมาปฏิบัติ โดยให้ช่างก่อเขามอขึ้น ณ บริเวณด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระอารามมีขนาดยาว 48 เมตร ด้านกว้าง 42 เมตรสูง 30 เมตร โดยได้แนวคิดมาจาก “หยดเทียนขี้ผึ้ง”ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 ได้พระราชทานหยดเทียนขี้ผึ้งนี้เกิดจากนํ้าตาเทียนที่พระองค์ทรงจุดขณะเมื่อประทับอยู่ในห้องสรงในพระที่นั่งจักรพรรดิพิมานจนนํ้าตาเทียนหยดทับถมกันเป็นเวลานานหลายปีจนเกิดเป็นภูเขา สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์จึงได้นำรูปแบบของหยดเทียนขี้ผึ้งนี้สร้างเป็นเขามอ ณ พระอารามที่สถาปนาขึ้น อันเป็นวิธีให้มีการเรียนรู้ถึงการคิดวิธีสร้างตามโจทย์ที่พระราชทานไว้ ซึ่งในภายหลังนั้นได้มีการสร้างปูชนียสถานที่มีลักษณะใหญ่โตขึ้น ทำให้ชวนคิดว่าเขามอแห่งนี้คือสถานที่ฝึกหัดฝีมือช่างก่อนออกรับสนองงานพระเจ้าแผ่นดินนั่นเอง
เขามอ สร้างตามแบบหยดเทียนของรัชกาลที่ 3
การสร้าง “เขามอ” หรือ ภูเขาจำลองก่อด้วยศิลาตั้งอยู่กลางสระนํ้า แวดล้อมไปด้วยพระสถูปเจดีย์ วิหาร ศาลารายน้อยใหญ่ และพรรณไม้หายากนานาชนิด จนเป็นรมณียสถานอันสงบและรื่นรมย์ที่ตั้งตระหง่านอยู่คู่พระอารามแห่งนี้มากว่า 180 ปี ทำให้ชวนคิดว่าทำไมต้องสร้างเขามอขนาดใหญ่ขึ้นที่วัดแห่งนี้ โดยปกติแล้วเขามอนั้นมักสร้างในพระราชอุทยานหรือในวังหลวง ซึ่งมี “สวนขวา” และ “สวนซ้าย”ตั้งอยู่แล้ว แต่ด้วยเหตุที่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) นั้นมีหน้าที่กำกับและควบคุมช่างฝีมือโดยมีช่างฝ่ายทหาร 2 กรม คือ กรมช่างทหารในขวา มี พระยาสามภพพ่าย เป็นจางวาง หลวงวิสูตรโยธามาตย์ เจ้ากรมขุนพรหมรักษา เป็นปลัด กรมช่างทหารในซ้าย มีพระยาราชสงคราม เป็นจางวาง หลวงโยธาเทพ เจ้ากรม และขุนอินทรรักษา ปลัด ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบงานก่อสร้างตามพระราชประสงค์ จึงทำให้ต้องเรียนรู้และฝึกคนให้มีฝีมือทางช่างสำหรับสนองงานได้ทุกเรื่องดังเห็นได้จากงานสร้างถนน สร้างสุวรรณบรรพตหรือภูเขาทอง สร้างพระธาตุเจดีย์ ซึ่งมีบุคคลสำคัญในตระกูลบุนนาคทำหน้าที่ในฐานะแม่กอง ทำหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างแล้วยังมีคนในตระกูลบุนนาคที่มีความรู้ทางช่างทำหน้าที่สืบต่อมา ด้วยเหตุนี้ เขามอ วัดประยุรวงศาวาส จึงเป็นแหล่งเรียนรู้งานช่างของคนในตระกูลบุนนาค ปัจจุบัน สำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้สนับสนุนการบูรณะจนทำให้เขามอแห่งนี้เป็นรมยณียสถานการเรียนรู้อย่างดีในอนาคตแล้ว
ธารนํ้าที่สร้างล้อมรอบเขามอ
ปืนใหญ่อนุสรณ์การผ่าตัดครั้งแรก
ผังบริเวณเขามอและที่ตั้งสิ่งก่อสร้าง
ผู้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเขามอ
หลวงพ่อแขก ในโบสถ์แบบฝรั่ง
แหล่งเรียนรู้งานช่างของคนตระกูลบุนนาค
เขามอ แหล่งเรียนรู้การก่อสร้าง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี