วันเสาร์ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ในยุคดิจิตอลที่คุณแม่ส่วนใหญ่ต้องรับบทบาททั้งเป็นแม่บ้านและเวิร์กกิ้งวูแมนทำให้ไม่มีเวลาเพียงพอในการเตรียมอาหารเช้าให้กับลูกน้อยซึ่งอาจส่งผลให้เด็กๆ ไม่ได้รับประทานอาหารเช้า หรือ ได้รับประทานแต่อาจมีคุณค่าทางอาหารไม่เพียงพอตามที่ร่างกายต้องการ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกาย จิตใจและอารมณ์ได้
ภาควิชาโภชนาการและการกำหนดอาหาร คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะหน่วยงานที่มีองค์ความรู้และมีหน้าที่ในการเผยแพร่ความรู้สู่สังคม จึงได้ทำการสำรวจภาวะโภชนาการและพฤติกรรมการรับประทานอาหารเช้าของเด็กเพื่อศึกษาปัญหาทางโภชนาการ ตลอดจนหาแนวทางแก้ปัญหา เพื่อสนับสนุนให้เด็กได้รับสารอาหารในปริมาณที่ถูกต้องเหมาะสมตามวัย ในเด็กวัยเรียนอายุระหว่าง 5-11 ปี กลุ่มหนึ่ง ผลการสำรวจเมนูอาหารเช้าที่เด็กๆ ชอบรับประทานพบว่าเมนูโจ๊กได้รับความนิยมจากเด็กๆสูงเป็นอันดับ 1
.jpeg)
ผศ.ดร.สุวิมล ทรัพย์วโรบล
ผศ.ดร.สุวิมล ทรัพย์วโรบล หัวหน้าภาควิชาโภชนาการและการกำหนดอาหาร จุฬาฯ กล่าวว่า “อาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของวันเพราะเป็นการเติมพลังงานให้ร่างกายและสมอง โดยเด็กที่รับประทานอาหารเช้าเป็นประจำมักจะเป็นเด็กที่มีสมาธิจดจ่อกับการเรียน มีความกระตือรือร้นและอารมณ์ดี”
สำหรับเมนูโจ๊กซึ่งเป็นเมนูที่เด็กๆ ชื่นชอบตามผลสำรวจ และปัจจุบันก็มีผลิตภัณฑ์โจ๊กกึ่งสำเร็จรูปออกวางจำหน่าย
มากมาย นักโภชนาการขอแนะนำให้เติมเนื้อสัตว์และผักลงไปด้วย เพราะอาหารเช้าที่เหมาะสมกับเด็ก นอกจากคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานแล้วก็ควรมีโปรตีน โดยเลือกเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่ายและไม่ติดมัน เช่น เนื้อปลา เนื้ออกไก่ เนื้อหมูสันใน เป็นต้น โดยอาหารเช้าที่ดีควรให้พลังงานประมาณ 300-500 กิโลแคลอรี รวมทั้งควรมีสารอาหารที่สำคัญ เช่น โปรตีน แคลเซียม ธาตุเหล็ก และวิตามินต่างๆ สำหรับการเจริญเติบโตทางร่างกายและพัฒนาการทางสมองและอารมณ์ที่สมวัยของเด็กวัยเรียน”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี