“ร่วมฤดี เฮลท์ มาสสาจจ์” นับว่าเป็นร้านนวดเพื่อการผ่อนคลายที่ให้บริการอย่างมีมาตรฐานเจ้าแรกๆ ของซอยร่วมฤดีและเปิดให้บริการมานานถึง 15 ปี โดยมีวรชัย เลิศไพรวัน เป็นผู้ก่อตั้ง และเพิ่งส่งต่อให้กับลูกสาวคนโต วรอนงค์ เลิศไพรวัน เข้ามาดูแลกิจการต่อเมื่อปีกว่าๆ ที่ผ่านมา พร้อมกับนำเสนอบริการใหม่ๆ ให้กับวงการนวดบ้านเรา
วรอนงค์ หรือ บัว ผู้บริหารสาววัย 36 ปี เล่าว่า คุณพ่อเปิด ร่วมฤดี เฮลท์ มาสสาจจ์ มาตั้งแต่เธอยังเรียนหนังสือ ซึ่งเกิดจากไลฟ์สไตล์ของคุณพ่อที่ชอบกีฬากอล์ฟ เวลาออกรอบต้องเดินหลายชั่วโมง ทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าแต่เมื่อย้อนไปเมื่อ15 ปีที่ผ่านมา ร้านนวดผ่อนคลายที่ให้บริการแบบมีมาตรฐานก็ยังมีไม่มากนัก จึงจุดประกายให้คุณพ่อเปิดกิจการร้านนวดขึ้นมา
“จุดเด่นของ ร่วมฤดี เฮลท์ มาสสาจจ์ นอกจากจะเป็นทำเลแล้ว สิ่งที่คุณพ่อเน้นย้ำมาตั้งแต่เปิดก็คือ การบริการ ซึ่งพนักงานนวดทุกคนมีความรู้ มีประสบการณ์ด้านการนวดกดจุด ที่ผ่านการเรียนการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี เพราะการนวดแบบนี้หากพนักงานนวดไม่มีความรู้ ถ้าไปจับเส้นลูกค้าผิด ก็ไม่ปลอดภัย เราจึงเน้นเรื่องมาตรฐานของฝีมือพนักงานมาเป็นอันดับหนึ่ง ต่อมาคือเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่นำมาใช้ อย่างสมุนไพรต่างๆ เราก็คัดสรรมาเป็นอย่างดี ตามตำราสมุนไพร และอันดับต่อมาคือสถานที่ต้องมีความสะอาด”
ในฐานะเจนเนอเรชั่นที่สอง วรอนงค์ บอกว่า การรักษามาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ ร่วมฤดี เฮลท์มาสสาจจ์ ยังคงเป็นที่หนึ่งอยู่ได้ และยังต้องหาสิ่งใหม่ๆ มาตอบสนองความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ
“บัวคงไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมากนะคะ สิ่งที่ดีเราต้องรักษาไว้ กระตุ้นพนักงานให้รักษามาตรฐานของแบรนด์อยู่ตลอดเวลา แต่สิ่งที่บัวต้องทำก็คือ การหาสิ่งใหม่ๆ เข้ามา ไม่อย่างนั้นเราก็จะไม่แตกต่างกับร้านนวดทั่วๆ ไปที่ปัจจุบันมีมากมายแทบจะทุกถนน โดยปกติทั่วไปจะเป็นการนวดเท้า นวดน้ำมัน ขัดตัว นวดหน้า เป็นสิ่งที่ทุกคนก็ทำอยู่ อย่างนวดประคบคนอื่นก็มี แต่สิ่งที่เราแตกต่างจากร้านอื่นคือเราใช้ หม้อเกลือ เป็นหม้อดินเผาใส่เกลือและก็ไปเผาในความร้อนห่อด้วยสมุนไพรซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของร่วมฤดีฯ เน้นการปรุงสด ซึ่งลูกประคบของเราค่อนข้างลูกใหญ่แต่ว่าน้ำหนักได้ ทำให้เก็บความร้อนได้นานกว่า”
อีกหนึ่งความแตกต่างที่เพิ่งเปิดตัวไปกับการนวดผ่อนคลายที่ผู้บริหารสาวคิดค้นขึ้นคือ โปรแกรม “Digital Syndrome” ที่เธอใช้ประสบการณ์ตรงในการสร้างสรรค์โปรแกรมนวดนี้ขึ้น
“ปัจจุบันเราทุกคนใช้อุปกรณ์ดิจิตอลติดต่อเป็นเวลานาน ตัวบัวเองก็หนีไม่พ้นเหมือนกัน ยิ่งเราทำงานบริหารก็ต้องคอยเช็คข่าวสาร ทำงานผ่านแท็บเลต สมาร์ทโฟน จนแทบจะกลายเป็นอวัยวะที่ 33 ทำให้เกิดความปวดและเมื่อยล้าแทบจะทุกส่วนของร่างกาย พอเราใช้งานไปนานๆ อาการปวดเมื่อยต่างๆ ก็กลายเป็นอาการเรื้อรัง Digital Syndrome เป็นโปรแกรมที่บัวกับพนักงานนวดที่เป็นระดับอาจารย์ของร้านช่วยกันคิดขึ้น เป็นการนวดแบบผสมผสานเพื่อผ่อนคลาย ลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ เพิ่มการประคบร้อนด้วยหม้อเกลือสมุนไพรช่วยการไหลเวียนของโลหิต”
โปรแกรม Digital Syndrome เป็นการนวดกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต เน้น มือ ไหล่ หลัง และนวดขมับศีรษะ ซึ่งจะต้องมีการประเมินอาการปวดเมื่อยที่เกิดขึ้นว่ามากน้อยแค่ไหน หรือลูกค้ามีความต้องการให้นวดบรรเทาอาการส่วนไหนเป็นพิเศษ ในการนวดจะใช้ผลิตภัณฑ์ร่วมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพช่วยการคลายกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น โดยผลลัพธ์ที่ได้คือ ช่วยลดอาการปวดศีรษะ ปวดต้นคอและลดอาการเคล็ดขัดยอก ช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอและบ่า ช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อไหล่และแขน บรรเทาอาการปวดเมื่อย ลดการเกร็งของกล้ามเนื้อ ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนคล่อง การไหลเวียนทั่วร่างกายดีขึ้น
นอกเหนือการดูแล ร่วมฤดี เฮลท์ มาสสาจจ์ แล้ว วรอนงค์ ยังนั่งเก้าอี้ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ โรงแรมโกลเด้น บีช ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจของครอบครัวอีกด้วย
“ปกติช่วงเช้าบัวก็จะไปเคลียร์งานโรงแรม ซึ่งมีออฟฟิศอยู่ที่ซอยนานา ช่วงบ่ายจึงจะเข้ามาที่ร้าน ถ้าหากไม่ติดงานอะไรสำคัญบัวจะเข้ามาดูแลร้านทุกวัน เพราะเราทำงานบริการ การที่มาร้านไม่ได้หมายความว่าเราเข้ามาคุมการทำงานของพนักงาน แต่เพราะเราทำงานบริการคุณพ่อสอนเสมอว่าทำงานบริการหรือธุรกิจอะไรก็ตาม เราต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า ยิ่งเป็นงานบริการซึ่งเกี่ยวข้องกับความรู้ของคน เราก็ต้องรับฟังคำติชมจากลูกค้า คือถ้าลูกค้ามีปัญหาอะไรเขาสามารถที่จะพูดคุยกับเราได้ เรารับฟังก็จะสร้างความรู้สึกที่ดีได้อย่างหนึ่งว่าพอมีปัญหา ก็เจอแต่พนักงาน
อย่างที่บอกว่าร้านนวดปัจจุบันมีเยอะมาก เราจะทำอย่างไรให้อยู่ได้ ไม่ใช่แค่แข่งกับคนอื่น แต่เราต้องแข่งกับตัวเองจะทำอย่างไรให้ลูกค้าประทับใจและกลับมาใช้บริการการใส่ใจลูกค้าจึงสำคัญมาก เป็นสิ่งที่คุณพ่อเน้นย้ำเสมอ อีกเรื่องคือ พนักงาน เราก็ต้องใส่ใจเมื่อมีปัญหา เขาก็จะรู้สึกว่าผู้บริหารอยู่ตรงนี้ พร้อมที่จะรับฟัง ตัวบัวเองถึงจะเป็นผู้บริหารแต่พนักงานนวดหลายคนอยู่มานานและอายุมากกว่า และเขามีประสบการณ์มากกว่า เราก็ต้องฟังความคิดเห็นหรือความต้องการของพนักงานด้วย”
วรอนงค์ บอกว่า ที่ร้าน ร่วมฤดี เฮลท์ มาสสาจจ์ มีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการ โดยช่วงที่พีคที่สุดที่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากที่สุด จะเป็นช่วงบ่ายไปจนถึงเย็นๆ และอีกช่วงหนึ่งคือ สามทุ่มถึงเที่ยงคืน ซึ่งถ้าไม่ได้จองเวลาล่วงหน้าไว้ก่อน ก็อาจจะพลาดการเข้ารับการบริการได้
“เคยคิดว่าจะขยายสาขา ร่วมฤดี เฮลท์ มาสสาจจ์ แต่ว่าเรายังติดในเรื่องของสถานที่ เพราะร่วมฤดีถือว่าเราได้เปรียบในเรื่องของสถานที่ ตั้งที่อยู่กลางเมือง เดินทางสะดวก ก็ยังไม่ขยายสาขาจะดีกว่า เพราะตอนนี้ร้านนวดแข่งขันกันเยอะมาก สำคัญคือ พนักงานนวดที่มีฝืมือและมีใจรักงานบริการหาได้ยาก ก็เลยตัดสินใจที่จะไม่ขยายสาขาหรือขายแฟรนไชส์ เพราะกลัวว่าถ้าทำแฟรนไชส์ การควบคุมคุณภาพมาตรฐานก็ทำได้ยากเหมือนกัน การมีแค่ร้านเดียวและทำให้ดีที่สุดจะเป็นการดีกว่า”
ใครที่กำลังรู้สึกปวดเมื่อยอันเนื่องมาจากการใช้เครื่องมือดิจิตอลหรือออฟฟิศ ซินโดรม ลองไปใช้บริการนวดผ่อนคลายอาการโปรแกรม Digital Syndrome ได้ที่ ร่วมฤดีเฮลท์ มาสสาจจ์ ในซอยร่วมฤดี หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.ruamrudeehealthmassage.com โทร.02-2529651 และ 02-2529639
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี