เตรียมจัดงานฉลองสายสัมพันธ์จีน-ไทยฯ ยิ่งใหญ่

เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ

การแสดงเชิดสิงโต ที่นำมาเปิดการแสดงในงาน

เนื่องในโอกาสมหามงคล ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในปีนี้ และเพื่อฉลองครบรอบ 41 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย ทางศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน สภาวัฒนธรรมไทย-จีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ ร่วมกับ มูลนิธิสวนหลวง ร.9 จัดงาน “สายสัมพันธ์จีน-ไทย ร่วมใจเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 84 พรรษา ตรุษจีน 2559”เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมี หลาน ซู่หงผู้อำนวยการศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน พร้อมด้วย ม.ล.อนุพร เกษมสันต์ กรรมการบริหารสวนหลวง ร.9 และ บัณฑิต ศิริตันหยง รองประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีน และส่งเสริมความสัมพันธ์ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องนิทรรศการ ชั้น 1อาคารศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ เมื่อหลายวันที่ผ่านมา

หลาน ซู่หง ผอ.ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน

หลาน ซู่หง ผู้อำนวยการศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน กล่าวว่า “เทศกาลตรุษจีนเป็นเทศกาลสำคัญของประชาชนชาวเชื้อสายจีนที่เปรียบเป็นสื่อในการสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมจีน รัฐบาลจีนจึงสนับสนุนให้มีการจัดงานเฉลิมฉลองขึ้นในประเทศต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนและเผยแพร่วัฒนธรรม งานตรุษจีนหรรษาของไทยได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาแล้ว 12 ปีนับตั้งแต่ ปีพ.ศ.2547 ซึ่งปัจจุบันนี้กลายเป็นงานสำคัญประจำปีที่ทั้ง 2 ประเทศร่วมกันจัดขึ้นทุกปี ในฐานะผู้แทนศูนย์วัฒนธรรมจีนและประชาชนชาวจีน เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการจัดงาน “สายสัมพันธ์จีน-ไทย ร่วมใจเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ84 พรรษา ตรุษจีน 2559” เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ และเปิดโอกาสให้คนไทยได้รำลึกถึงการเสด็จเยือนประเทศจีนของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในครั้งนั้น จึงเตรียมจัดกิจกรรมอย่างยิ่งใหญ่ที่เป็นการเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกัน ผลักดันความสัมพันธ์แบบญาติพี่น้องระหว่างจีนไทยให้มีความใกล้ชิดแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น”

ม.ล.อนุพร เกษมสันต์ กรรมการบริหารสวนหลวง ร.9

สำหรับกิจกรรมในงาน “สายสัมพันธ์จีน-ไทย ร่วมใจเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 84 พรรษา ตรุษจีน 2559” ประกอบไปด้วย กายกรรมจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มณฑลซานตง ที่ได้รับรางวัลและความนิยมอย่างมากในประเทศจีน โดยได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง 3 ครั้ง ในการแข่งขันกายกรรมมอนติ คาร์โล ซึ่งเป็นการแข่งขันระดับนานาชาติ โดยจะนำกายกรรมที่ได้รับความชื่นชอบจากผู้ชมในประเทศต่างๆ ทั่วโลกมาจัดแสดง เช่น การเล่นหมวกบิน ทักษะการบังคับรถ การไต่กลอง การปั่นจักรยาน การตีลังกาผาดโผน เป็นต้น รวมไปถึงการแสดงมังกรไฟ ที่ได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประเภทการต่อตัว 2 ปีซ้อน ในปี 2553 และ 2554 และการแสดงเชิดสิงโต และการแสดงอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อสร้างความบันเทิงให้แก่ประชาชนที่มาร่วมงาน ในวันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา16.00–20.30 น. ณ สวนหลวง ร.9

บัณฑิต ศิริตันหยง รองประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีน และส่งเสริมความสัมพันธ์

ด้าน ม.ล.อนุพร เกษมสันต์ กรรมการบริหารสวนหลวง ร.9 กล่าวว่า “การร่วมมือกันจัดงานสายสัมพันธ์จีน-ไทยร่วมใจเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ 84 พรรษา ตรุษจีน 2559 ในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่ทั้ง 3 องค์กรมีเป้าหมายร่วมกันในด้านการสืบสานความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ โดยสวนหลวง ร.9 เองเป็นสถานที่ซึ่งแสดงความร่วมมืออย่างดีของมิตรประเทศ 7 ชาติ ที่ได้สนับสนุนให้มีสวนสัญลักษณ์น้อยๆ อยู่ในพื้นที่ 500 ไร่และหนึ่งในนั้นก็คือ สวนจีน ซึ่งถือเป็นอนุสรณ์แสดงสายใยแห่งมิตรภาพของทั้งสองประเทศ สร้างขึ้นด้วยความร่วมมือของรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งใจมอบเป็นของขวัญถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 60 พรรษา สวนจีนแห่งนี้จึงเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ทั้งยังเป็นสถานที่ให้ผู้คนระลึกถึงสายสัมพันธ์อันดีงามนี้อีกด้วย”

บัณฑิต ศิริตันหยง รองประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีน และส่งเสริมความสัมพันธ์ กล่าวว่า “ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นมาแต่ครั้งอดีต โดยในพ.ศ. 2543 ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ที่เติมเต็มความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้งสองประเทศ เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะผู้แทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทั้งสองพระองค์ทรงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้นำจีนและประชาชนแดนมังกร การเสด็จฯ ทรงเยือนจีนในครั้งนั้น ไม่เพียงถักทอสายใยแห่งความสัมพันธ์ทางการทูต หากยังเป็นความทรงจำทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการกล่าวขานมาจนทุกวันนี้”