วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
The Dead Christ and Three Mourners
นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบมิวเซียม และได้ไปเที่ยวเมืองมิลาน คงไม่พอใจเพียงแค่ไปดู Duomo,Sforza Castle และมิวเซียมในปราสาทแห่งนี้เท่านั้น มิวเซียมอีกแห่งหนึ่งที่ต้องไปให้ได้ก็คือ Pinacoteca di Brera ทั้งนี้เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมผลงานศิลปะแนวเรอเนสซองส์ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14-20 มากถึงกว่า 500 ชิ้น นอกจากนี้มิวเซียมแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงในเรื่อง Milanese Montmartre หรือเป็นแหล่งรวมร้านอาหารสไตล์สบายๆ ของเมือง และเป็นย่านที่มีตลาด และร้านค้าขายของเก่าที่มีสีสันสำหรับนักท่องเที่ยวและศิลปินอีกด้วย
Pinacoteca di Brera ตั้งอยู่ในพระราชวังที่เคยเป็นคอนแวนต์เก่าและถูกปรับปรุงโดยสถาปนิก Francesco Maria Ricchini หลังจากที่พระราชวังแห่งนี้ตกเป็นสมบัติของพระนาง Maria Theresa แห่งออสเตรียแล้ว พระนางสถาปนาที่นี่ให้เป็น Academy of Fine Arts และเริ่มสะสมทรัพย์สมบัติ รวมทั้งใช้ที่นี่เป็นแหล่งรวมศิลปะ วัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ประจำแคว้นลอมบาร์ดีด้วย ต่อมาเมื่อ Giuseppe Piermarini ได้กลายเป็นสถาปนิกคนต่อมาที่ปรับปรุงพระราชวังให้เป็นแนว Neoclassic แบบอิตาลี เขาก็ได้ปรับปรุงส่วนของห้องสมุดและทางเข้าใหม่ รวมทั้งส่วนที่เป็นสวนด้วย หลังจากที่นโปเลียนใช้มิลานเป็นแหล่งรวมของสะสมของอิตาลี เขาก็เปลี่ยนที่นี่ให้เป็นมิวเซียมที่สะสมภาพเขียนซึ่งเขาปล้นมาเมื่อฝรั่งเศสชนะสงคราม การถือกำเนิดของมิวเซียมแห่งนี้จึงมิได้เป็นผลมาจากการบริจาคของสะสมเฉกเช่นมิวเซียมอื่นๆ แต่เป็นผลมาจากการเมืองและการทหารมากกว่า
.jpg)
ผลงานชิ้นสำคัญที่สุดของมิวเซียมแห่งนี้คงไม่มีชิ้นใดเกิน The Dead Christ and Three Mourners หรือ Lamentation of the Dead Christ ของ Andrea Mantegna ภาพที่คาดกันว่าเคยอยู่ในห้องภาพของ Mantegna ในวันที่เขาเสียชีวิตและถูกขายให้กับ Cardinal Sigismondo Gonzaga ซึ่งภายหลังถูกขายไปให้กับพระเจ้า Charles I แห่งอังกฤษอีกทีหนึ่งก่อนที่จะสูญหายไปจากตลาดหลายศตวรรษ ภาพที่ผู้เศร้าโศกเสียใจสามคนรวมตัวกันรอบเตียงหินที่ถูกประพรมด้วยน้ำหอมของพระเยซูก่อนที่พระองค์จะถูกฝังนี้มีลักษณะเฉพาะกว่าภาพอื่นตรงที่ ร่างของพระเยซูอยู่ใกล้กับผู้ดูมากจนดูเหมือนว่าร่างของพระองค์สั้นกว่าปกติ ทั้งนี้เพราะศิลปินเขียนให้พระเศียรของพระเยซูดูใหญ่กว่าปกติแทนที่จะเขียนให้พระเศียรเล็กกว่าส่วนของเท้านั่นเอง แม้ภาพนี้จะดูเหมือนมีสีเพียงไม่กี่สี นั่นคือ ชมพู เทา และทอง แต่ศิลปินก็ยังสามารถเขียนได้อย่างชาญฉลาดจนมองเห็นรายละเอียดของการแข็งตัวของร่างกายจากการเสียชีวิตได้อย่างเด่นชัด อีกทั้งยังเขียนแผลที่แขนและขาจากตะปูได้อย่างสมจริงด้วย ยิ่งกว่านั้นการที่ภาพนี้ถูกเขียนให้มีลักษณะเหมือนโลงศพ และอยู่ในลักษณาการที่อึดอัดในห้องแคบๆ ช่วยขับเน้นถึงความตายหรือการปราศจากความเจ็บปวดของร่างกายได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ดี นักวิจารณ์ภาพบางท่านกลับเห็นว่า ศิลปินเขียนภาพแบบหมิ่นศาสนจักรเพราะเขาเขียนให้บาดแผลที่มือของพระเยซูเหมือนกระดาษที่ฉีกขาด และลักษณะการแข็งตัวของร่างกายก็เหมือนกับมนุษย์ทั่วไปอันสะท้อนให้เห็นว่าพระองค์มิได้สามารถฟื้นคืนมาใหม่อย่างที่กล่าวอ้าง ส่วนการที่ศิลปินไม่เขียนภาพ Mary Magdelene เข้าไปในภาพ โดยปล่อยให้มีแค่ Mary และ Saint John อยู่ในภาพแม้จะตั้งชื่อภาพว่า Three Mourners ก็ตามก็เพื่อบิดเบือนความจริงเฉกเช่นเดียวกับการวาดสีหน้าที่ทุกข์ระทมของ Mary ตามแบบอย่างของหน้ากากในแนวศิลปะแบบ Classic นั่นเอง การที่ศิลปินสามารถเขียน
ผลงานชิ้นนี้ได้อย่างโดดเด่นทำให้ The Dead Christand Three Mourners ได้รับการยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของภาพยุคเรอเนสซองส์ที่ดีที่สุดภาพหนึ่งในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนห้องภาพแห่งนี้ แม้เพียงเพื่อที่จะได้ชมภาพนี้เพียงภาพเดียวก็ถือว่าคุ้มแล้วสำหรับความพยายามในการเดินหาห้องภาพแห่งนี้ (ภาพจากหนังสือ Brera Guide to the Pinacoteca)
.jpg)
.jpg)
Brera District
.jpg)
Milano_brera_cortile
.jpg)
Inside Museum
.jpg)
Brera museum
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี