Ms.Roberta Clarke  กับความสำคัญ ‘วันสตรีสากล’

Ms.Roberta Clarke กับความสำคัญ ‘วันสตรีสากล’

วันเสาร์ ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
Tag :

เนื่องใน วันสตรีสากล 8 มีนาคม ของทุกปีรายการ “ผู้หญิงแนวหน้ากับคุณแหน” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางสถานี TNN2 ช่อง 784 โดยพิธีกร “ขิม-ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์” มีนัดกับ “Ms.Roberta Clarke” ผู้อำนวยการ ยูเอ็นวีเมน ภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก และเป็นผู้แทนประจำประเทศไทย ที่จะมาร่วมพูดคุยถึงความสำคัญในวันสตรีสากล

Ms.Roberta Clarke เล่าว่า “ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณสำหรับโอกาสดีๆ ครั้งนี้ที่ให้มาพูดถึงงานที่ยูเอ็นวีเมนได้ทำในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ยูเอ็นวีเมน ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ.2553 เนื่องจากประเทศสมาชิกองค์การสหประชาชาติ มุ่งมั่นจะเพิ่มทรัพยากร เพื่อให้เกิดความเสมอภาคระหว่างเพศ และสร้างเสริมพลังให้แก่สตรีทั่วโลก


อย่างที่ทราบในปีพ.ศ.2524 ระบบขององค์การสหประชาชาติอนุสัญญาว่าด้วย การขจัด-การเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (CEDAW) ที่เรารู้จักกันในนามอนุสัญญาว่าด้วยสตรีถูกบังคับใช้ ซึ่งประเทศไทยได้ลงสัตยาบันในอนุสัญญาฉบับนี้เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศในโลก ที่จริงอนุสัญญาว่าด้วยสตรีเป็นอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ที่ได้รับการลงสัตยาบันมากที่สุด

(ซ้าย) Ms.Roberta Clarke ขณะให้สัมภาษณ์กับ ขิม-ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์ พิธีกรรายการ

แต่ถึงอย่างนั้นที่เรารู้กันก็คือ ไม่มีประเทศไหนในโลกที่มีความเสมอภาคระหว่างเพศ เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงกับคนทุกเพศทุกวัย นอกจากนี้ ในหลายประเทศ จริงๆ คือทุกประเทศ แทบไม่มีผู้หญิงอยู่ในแวดวงการเมืองผู้หญิงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ยังเสี่ยงต่อการถูกทำร้ายทุกรูปแบบ นอกจากนี้ เราไม่มีโอกาสเท่าเทียมกับผู้ชายในภาคเศรษฐกิจ จึงถือเป็นข้อบังคับของสมาชิกองค์การสหประชาชาติให้เร่งสร้างความเสมอภาคระหว่างเพศ โดยใช้ทรัพยากรเข้าช่วย

เช่น เพิ่มเงินทุนสนับสนุน มีส่วนร่วมมากขึ้น เพิ่มทรัพยากรเชิงเทคนิค เพื่อจะได้ทำงานร่วมกับประเทศสมาชิก รวมทั้งองค์การสตรี องค์กรภาคประชาสังคมและสื่อ เพื่อเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐานทางสังคม รวมทั้งเปลี่ยนแปลงสถาบันและโครงสร้างเอื้อต่อการเลือกปฏิบัติและความไม่เสมอภาค

สำหรับจุดเด่นและความสำคัญของยูเอ็นวีเมนในประเทศไทยนั้น ประเทศไทยค่อนข้างเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน และเอเชีย-แปซิฟิกในการให้สัตยาบันหรือเข้าร่วมในระบบสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ

ประเทศไทย จึงเป็นผู้ลงนามอันดับต้นๆ ในอนุสัญญาว่าด้วยสตรีในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก นอกจากนี้ ยังเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ลงนามและให้สัตยาบันในพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยสตรี ซึ่งเป็นกลไกที่พลเมืองไทยแต่ละคนเลือกใช้ เพื่อท้าทายนโยบายและการปฏิบัติของรัฐไทย ที่เลือกปฏิบัติในระบบสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ประเทศไทยจึงเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่ประเทศ ที่ให้โอกาสนี้แก่ผู้พำนักอาศัยและพลเมืองของตน เพื่อให้เป็นไปตามบรรทัดฐาน ด้านสิทธิมนุษยชน พร้อมกับเยียวยาเรื่องการละเมิดสิทธิสตรี

ดิฉันพูดมาตลอดว่าประเทศไทยก็เหมือนกับที่อื่นๆ เพราะมีลักษณะรวมหลายประการในประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประเทศพัฒนาแล้วหรือกำลังพัฒนา คนทั่วโลกมีอะไรร่วมกันมากมายในฐานะเพศหญิงและชาย ในประเทศไทยปัญหาบางส่วนเป็นเรื่องความรุนแรงที่กระทำต่อสตรี งานวิจัยบางชิ้นแสดงว่าผู้หญิงหนึ่งในสามในสหภาพแรงงานในประเทศไทยถูกทำร้าย อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต โดยครอบครัวและชุมชนยังคงยอมรับความรุนแรงที่กระทำต่อสตรีอยู่มาก

นี่เป็นบางส่วนที่เราทำเรื่องการใช้ความรุนแรงต่อสตรี เราทำงานกับผู้คนเพื่อเปลี่ยนทัศนคติ ค่านิยม และการปฏิบัติตน นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับรัฐบาลเพื่อให้ผู้ใช้ความรุนแรงได้รับการลงโทษตามกฎหมาย

เราร่วมงานกับตำรวจ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สืบสวนและติดตามคดีอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้ผู้หญิงได้รับความยุติธรรม เรายังร่วมมือกับอัยการเพื่อสร้างเสริมขีดความสามารถด้านนี้ ทั้งหมดก็เพื่อให้คนเหล่านี้เข้าใจหน้าที่ของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น จะได้ดำเนินคดีอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ดิฉันยังทำงานร่วมกับผู้พิพากษา เพื่อให้แน่ใจว่าคนเหล่านี้เข้าใจข้อบังคับของอนุสัญญาว่าด้วยสตรี รวมทั้งขจัดการเลือกปฏิบัติและการกำหนดลักษณะเฉพาะประจำเพศในกระบวนการศาลด้วย

ตอนนี้ ยูเอ็นวีเมนในประเทศไทย นอกจากการทำงานด้านยุติความรุนแรงต่อสตรีแล้ว เรายังให้ผู้หญิงมีส่วนร่วมและช่วยตัดสินใจตอนนี้ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สมาชิกสภาร้อยละหกเป็นผู้หญิง ก่อนหน้านี้ดิฉันเข้าใจว่ามีประมาณร้อยละสิบหก ซึ่งไม่มากเลยและไม่เท่าเทียมกันอย่างมาก ดังนั้น เราจึงพยายามสนับสนุนการมีส่วนร่วม และมีโอกาสตัดสินใจอย่างเท่าเทียมกันในทุกระดับ ทั้งในสภา ในรัฐบาลในภาครัฐ ในภาคเอกชน

นอกจากนี้ ร่างรัฐธรรมนูญจะสนับสนุนสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เราเชื่อมั่นเหลือเกินว่าสตรีต้องมีโอกาสเท่าเทียมกันในการขับเคลื่อนการเตรียมรัฐธรรมนูญ ยูเอ็นวีเมนจึงทำงานร่วมกับองค์กรสตรีเพื่อช่วยเจรจา และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ

สำหรับวันสตรีสากล ถามว่ามีความสำคัญอย่างไร วันสตรีสากลตรงกับวันที่ 8 มีนาคม เป็นวันที่ทุกประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญ ไม่ใช่สำคัญต่อสตรี องค์กรสตรี หรือนักต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีเท่านั้น แต่สำคัญสำหรับทุกคน

เพราะเป็นวันที่เราฉลองสิ่งที่ได้ทำไป เพื่อขจัดการเลือกปฏิบัติต่อเด็กหญิงและสตรี ฉลองความสำเร็จของรัฐบาลในการส่งเสริม ปกป้อง และส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของผู้หญิง นอกจากนี้ ยังฉลองผลงานขององค์กรสตรี และองค์กรประชาสังคมอันเป็นแนวหน้าผลักดันเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการยุติความรุนแรงต่อสตรี ส่งเสริมความมีส่วนร่วมของสตรีในแวดวงการเมือง หรือส่งเสริมสิทธิแรงงานสตรี

การที่สตรีได้รับโอกาสเท่าเทียมกันในที่ทำงาน การเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐานทางสังคม และนำเสนอความเปลี่ยนแปลงนั้นๆ ในรายการโทรทัศน์ อย่างเช่น รายการผู้หญิงแนวหน้ากับคุณแหน เราฉลองให้สิ่งเหล่านี้ ให้การดำเนินงานทั้งหมด รวมทั้งความกล้าหาญของบรรดาผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชนของสตรีด้วยค่ะ

แต่ที่สำคัญคือ เราใช้วันนี้กระตุ้นความมุ่งมั่นของเรา เพราะเราทราบว่างานยังไม่จบ ยังมีอะไรต้องทำอีกมาก มีสตรีมากมายที่สังคมเพิกเฉย มีชีวิตยากลำบากเพราะถูกแสวงหาประโยชน์ ถูกทารุณ และถูกทำร้าย งานของเรายังไม่จบจนกว่าทุกคนจะใช้ชีวิตโดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ไม่ถูกทำร้าย หลายประเทศได้เข้าร่วมการประชุมผู้นำโลก (Global Leader Forum) เมื่อเดือนกันยายน 2558 เพื่อให้คำมั่นในการสร้างความเสมอภาคระหว่างเพศ ประเทศไทยส่งท่านนายกรัฐมนตรีไปในฐานะตัวแทน และ
ท่านได้ให้คำมั่นไว้หลายข้อ ทั้งเรื่องของการส่งเสริมให้เกิดบรรทัดฐานทางสังคมที่เท่าเทียมกันในระบบการศึกษา

ใช้หลักสูตรการศึกษาช่วยขัดเกลาสังคม เพื่อให้หญิง-ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ให้เกียรติกัน ให้ความเสมอภาคระหว่างเพศช่วยเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมให้ทุกคนเท่าเทียมกัน และสร้างเสริมพลังให้สตรี นอกจากนี้ท่านยังให้คำมั่นว่าทุกหน่วยงานรัฐ ต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อตอบสนองความต้องการของประชากรหญิง-ชายทุกวัยในทุกภาคส่วน

ดิฉันคิดว่าคุณคงทราบเรื่องที่ ยูเอ็นวีเมนมีโครงการ “สเต็ปอิทอัพ” นี่คือแผ่นพับของเรา “โลกที่เท่าเทียมภายในพ.ศ.2573” คำว่า “สเต็ปอิทอัพ” หมายความว่า เราทุกคนต้องตั้งใจทำงานกันให้รวดเร็ว เพื่อกำจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีทุกรูปแบบ เราทุกคนต้องกล้าเปิดปากแล้วส่งเสียงสู่สังคมว่า เราล้วนมีหน้าที่ที่จะต้องอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว เท่าเทียม และสันติ

ข้อความสำคัญอย่างหนึ่งในการประชุมว่าด้วยเรื่องสตรีคือ รัฐบาลของประเทศสมาชิกมีหน้าที่สร้างความมั่นใจว่าความสัมพันธ์ที่ไม่เสมอภาคระหว่างเพศนั้น ต้องถูกขจัดไปจากวัฒนธรรม ไม่ควรกำหนดลักษณะเฉพาะประจำเพศผู้หญิงไม่ควรถูกห้ามทำสิ่งที่ผู้ชายไม่ถูกห้ามผู้หญิงต้องมีที่ยืนในสังคมเช่นเดียวกับในพื้นที่ส่วนตัว มีสิทธิเท่าเทียมที่จะเข้าร่วมในการเมืองทุกระดับ รวมทั้งเรื่องของเศรษฐกิจ ทั้งระดับท้องถิ่นและทุกระดับ ผู้หญิงควรได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมที่จะใช้ชีวิตร่วมกันในสังคม

ส่วนผู้ชายก็ต้องมีโอกาสเท่าเทียม แต่ต้องร่วมรับผิดชอบงานบ้านด้วยเท่าๆ กัน ผู้ชายคือเพศพ่อและเป็นผู้ดูแล เขาเห็นใจผู้อื่นได้เช่นเดียวกับคนที่ดูแลผู้ป่วย คนสูงอายุ และเด็กอันที่จริงการใส่ใจผู้อื่นถือเป็นการใช้ชีวิตด้วยความเมตตา ซึ่งคนทุกเพศทุกวัยควรมี ดังนั้น การประชุมว่าด้วยเรื่องสตรีขอให้เราเลิกตั้งแง่กีดกันกันเอง เราต่างมีทางเลือกและมีอิสระที่จะใช้ชีวิตของตัวเอง โดยตระหนักถึงศักยภาพของตน

เรื่องความเสมอภาคระหว่างเพศ เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือครอบครัว ในที่ทำงาน ชุมชน รัฐสภา หรือตลาด เราล้วนมีหน้าที่ต้องเปิดปากและส่งเสียงบอกสังคม เปิดปากต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน และส่งเสียงบอกสังคมเพื่อกระตุ้นให้ร่วมกันต่อต้านการใช้ความรุนแรงกับสตรี เป็นกระบอกเสียงสนับสนุนผู้อื่นให้ใช้ชีวิตอย่างเสมอภาค

ดิฉันขอให้ทุกท่านอาสามาช่วยเรามีเหตุวิกฤติและบ้านพักมากมายที่รอความช่วยเหลือ ดิฉันขอให้ทุกท่านร่วมบริจาค หากมีกำลังทรัพย์ มีหลายองค์กร ทั้งองค์กรสตรีและองค์กรประชาสังคม ที่ทำงานเพื่อสนับสนุนสตรีและครอบครัวที่ประสบความยากลำบาก ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เป็นตำรวจหรือสมาชิกรัฐสภา ก็ทำหน้าที่ของตนได้ เพื่อให้มั่นใจว่านโยบายของประเทศจะส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ และสร้างเสริมพลังให้ผู้หญิง”

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top