กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผยยุทธศาสตร์ส่งเสริมข้าวไทยแบบยั่งยืนชูเอกลักษณ์ข้าวอินทรีย์ ข้าวที่มีคุณลักษณะเฉพาะ และศักยภาพชุมชนเกษตรกรไทย มุ่งเน้นคุณภาพของข้าวมากกว่าปริมาณสอดรับกับแผนการผลิตข้าวครบวงจรที่เตรียมลดการผลิตลงเหลือ25-27 ล้านตันต่อปี และสนับสนุนกรรมวิธีการผลิตแบบวิถีชุมชนเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค ตั้งเป้าส่งเสริมข้าวไทยให้ครองความเป็นผู้นำในตลาดโลกโดยเน้นด้านคุณภาพที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นแทนปริมาณ
ดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้เปิดเผยถึงยุทธศาสตร์และแผนงานส่งเสริมการส่งออกข้าวไทย ในระหว่างกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร “ถิ่นหอมมะลิภูเขาไฟ เยือนชุมชนสายยาว พบเรื่องราวข้าวยั่งยืน”พร้อมร่วมเฝ้าฯ รับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เมื่อเร็วๆ นี้ที่ จ.บุรีรัมย์ในกิจกรรมน้อมเกล้าฯ ถวายข้าวอินทรีย์ 99 ตันตาม “โครงการถวายข้าวอินทรีย์แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สืบต่อเป็นทานแผ่นดิน” โดยสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์แห่งประเทศไทย “หลายจังหวัดในประเทศไทยมีชุมชนเกษตรกรที่มีศักยภาพสูง ทั้งในด้านการผลิตพืชผล และในด้านการพัฒนาบริหารชุมชนของตนให้มีความเข้มแข็งจนสามารถพึ่งพาตนเองได้ และเป็นต้นแบบที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ชุมชนอื่นได้ ชุมชนเหล่านี้สามารถรวมตัวกันสร้างผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ เช่น ผลผลิตเกษตรอินทรีย์ ข้าวสายพันธุ์พื้นบ้านหรือข้าวที่มีคุณสมบัติพิเศษเป็นอัตลักษณ์ของแต่ละชุมชน เห็นได้ชัดว่าเกษตรกรในชุมชนมีการทำงานหลากหลายรูปแบบ โดยไม่ได้พึ่งพาการผลิตข้าวเพียงอย่างเดียว “กรมการค้าต่างประเทศได้เล็งเห็นถึงข้อดีเหล่านี้และศักยภาพที่ชุมชนเกษตรในภาคต่างๆ ทั่วประเทศมีพร้อมอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องมีผู้ให้โอกาส และให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง จึงได้วางยุทธศาสตร์การพัฒนา โดยมีเป้าหมายให้ชาวนาไทยปรับพฤติกรรมการปลูกข้าวและค้นหาความสามารถด้านอื่นๆ ให้ได้เช่นเดียวกับชุมชนตัวอย่างเหล่านี้ คือสามารถจะลดต้นทุนต่อหน่วย ปลูกข้าวคุณภาพดีที่มีความแตกต่างจากข้าวทั่วไป เพราะถึงแม้จะผลิตใน ปริมาณไม่มาก เกษตรกรก็จะมีรายได้ดี และมีอาชีพรองรับอื่นๆ ที่ตนถนัด สามารถมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข มีมิตรไมตรี มีอิสระในการเลือกทำอาชีพที่ตนมีศักยภาพ ลดการกู้หนี้ยืมสินลงได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความภาคภูมิใจในอาชีพ และนี่คือสิ่งที่เราอยากเห็น” อธิบดีดวงพรเน้นย้ำ
ในกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจรครั้งนี้กรมการค้าต่างประเทศได้นำสื่อมวลชนลงพื้นที่ชุมชนเกษตรกร 2 แห่ง ซึ่งเป็นชุมชนตัวอย่างในด้านการเกษตรแบบยั่งยืน ใน จ.บุรีรัมย์ได้แก่ ชุมชนสายยาว ต.ถลุงเหล็ก อ.เมือง และชุมชนบ้านโคกเมือง ต.จรเข้มาก อ.ประโคนชัย ชุมชนสายยาวรับหน้าที่เจ้าภาพ และตัวแทนกลุ่มเกษตรกรอีสานในปีนี้ เพื่อจัดพิธีมอบข้าวอินทรีย์ จำนวน 99 ตันในนามสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์แห่งประเทศไทย ตาม “โครงการถวายข้าวอินทรีย์แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สืบต่อเป็นทานแผ่นดิน” เป็นชุมชนที่มีศักยภาพแข็งแกร่งในการผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์คุณภาพสูง ตามมาตรฐานส่งออกมีพื้นที่ครอบคลุมชุมชนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวถึง5 ชุมชน ทำการเกษตรแบบพึ่งตนเอง สามารถปลูกข้าวอินทรีย์ โดยผลิตเมล็ดพันธุ์ปุ๋ยอินทรีย์และสารขับไล่แมลงกันเองในชุมชน อีกทั้งเป็นแหล่งองค์ความรู้หลายด้านทางการเกษตรและยังได้รับการจัดให้เป็น “หมู่บ้านท่องเที่ยววิถีเกษตรที่ยาวที่สุดในโลก” อีกด้วย ในขณะที่ ชุมชนบ้านโคกเมือง เป็นชุมชนมีชื่อเสียงในฐานะแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิภูเขาไฟแห่งเดียวของประเทศไทย ที่มีความนุ่มหอมและรสชาติดีอันเนื่องมาจากลักษณะเฉพาะของดินที่ใช้ในการเพาะปลูก อีกทั้งยังได้รับรองมาตรฐานข้าวปลอดภัย บ้านโคกเมืองเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างชุมชนเกษตรแบบพอเพียง ซึ่งมีการทำแปลงไร่นาสวนผสม ทำเกษตรอินทรีย์มีการทำธนาคารต้นไม้ ธนาคารปุ๋ยอินทรีย์ และการทำบัญชีเกษตรกร
ตามแนวยุทธศาสตร์ใหม่ของรัฐ จะพิจารณาลดปริมาณโดยมุ่งเน้นที่คุณภาพของผลิตผลโดยรุกตลาดข้าวคุณภาพดีราคาสูงกลุ่ม Niche Marketได้แก่ข้าวอินทรีย์ และข้าวที่มีคุณลักษณะเฉพาะต่างๆ “ในปี 2558 ที่ผ่านมา ตัวเลขการส่งออกข้าวไทยอยู่ที่ 9.8 ล้านตัน และในปี 2559 กรมการค้าต่างประเทศตั้งเป้าส่งออกที่ 9.5ล้านตัน โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปีได้ส่งออกไปแล้วจำนวน 3.6 ล้านตัน ทั้งนี้ ในแต่ละปีที่ผ่านมาชาวนาไทยผลิตข้าวได้ถึง ปีละ 32-35 ล้านตัน หลังจากหักจำนวนส่งออกประมาณ 10 กว่าล้านตัน กับจำหน่ายในประเทศในจำนวนที่เท่าๆ กันคือ 10 ล้านตัน ก็จะมีผลผลิตข้าวเหลือต่อปีเป็นจำนวนมาก หากลดผลผลิตข้าวให้เหลือ25-27 ล้านตันต่อปีก็จะทำให้ตลาดสามารถรองรับข้าวได้โดยไม่มีเหลือค้างสต็อกมากเกินไป และการปลูกข้าวคุณภาพดีจะได้ราคาที่ดีอีกด้วย” อธิบดีฯ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี