‘ออฟฟิศซินโดรม’ ป่วยเล็กๆ ไม่ควรมองข้าม

‘ออฟฟิศซินโดรม’ ป่วยเล็กๆ ไม่ควรมองข้าม

วันจันทร์ ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

คนเรามักเริ่มต้นวัยทำงานในช่วงอายุ 23 ปี ไปจนเกษียณอายุ 60 ปี แม้ร่างกายจะยังแข็งแรง ไม่ค่อยเจ็บป่วยง่าย แต่ลักษณะการทำงานบางอาชีพ โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศที่ต้องนั่งโต๊ะตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ก็มีความเสี่ยงเกิดอาการออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) ที่เริ่มจาก ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ปวดคอ หากไม่ปรับพฤติกรรมหรือรักษา ก็อาจลุกลามทำให้ร่างกายเสียสมดุลนำไปสู่การเจ็บป่วยอื่นๆ ในอนาคต

นายแพทย์วศิน กุลสมบูรณ์ แพทย์หัวหน้าแผนกเวช ศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เผยว่า ออฟฟิศซินโดรม เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นกับคนทำงานในออฟฟิศ ต้องนั่งหน้าคอมพ์หรือทำงานด้วยท่าทางซ้ำๆ ต่อเนื่องมากกว่า 6 ชม.ต่อวันหรือท่าการทำงานที่ไม่เหมาะสม เช่น นั่งหลังค่อมท่าก้มหรือเงยคอมากเกินไป จนอาจส่งผลให้เกิดโรคและอาการผิดปกติในระบบต่างๆ ของร่างกาย อาทิระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ ระบบย่อยอาหารและการดูดซึม ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบฮอร์โมน นัยน์ตาและการมองเห็น

นายแพทย์วศิน กุลสมบูรณ์ และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คลินิกกายภาพบำบัดบำรุงราษฎร์


“วงจรชีวิตการทำงานคือ 23-60 ปี ถ้ามีอาการต่อเนื่อง 3-5 ปี จะเริ่มมีปัญหาจะส่งผลต่อปัจจัยอื่นๆ เช่น กระดูกต้นคอเสื่อม กระดูกหลังเสื่อมเพราะตัวกล้ามเนื้อและกระดูกถูกธรรมชาติออกแบบให้เคลื่อนไหว เมื่อไหร่ที่นั่งทำงานนานๆ ทำให้ระบบทุกอย่างในร่างกายไม่สมดุลกัน”

อาการออฟฟิศซินโดรมที่พบได้บ่อย ได้แก่ กล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง (myofascial painsyndrome) เอ็นรัดข้อมืออักเสบกดทับเส้นประสาท (carpal tunnel syndrome) ความผิดปกติของความตึงตัวของเส้นประสาท (nerve tension) กล้ามเนื้อบริเวณแขนท่อนล่างด้านนอกอักเสบ (tennis elbow) ปลอกหุ้มเอ็นกล้ามเนื้อบริเวณฐานนิ้วโป้งอักเสบ (De QuervainSyndrome) นิ้วล็อก (triggerfinger) เอ็นกล้ามเนื้ออักเสบ(tendinitis) และ หลังยึดติดในท่าแอ่น (back dysfunction)

นายแพทย์วศิน เผยอีกว่า วิธีหลีกเลี่ยงอาการออฟฟิศซินโดรมทำได้ง่ายมาก ควรลุกหรือเคลื่อนไหวร่างกายทุกๆครึ่งชั่วโมงก็ช่วยได้ แต่ต้องเคลื่อนไหวแบบยืดตัวในทางวิชาการออฟฟิศซินโดรม แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ระดับที่ 1 ปวดเมื่อยเมื่อทำงานไประยะหนึ่ง แต่พักแล้วดีขึ้นทันที แนวทางแก้ไขคือพักสลับทำงานเป็นระยะๆ การยืดกล้ามเนื้อเพื่อผ่อนคลาย นวดเพื่อผ่อนคลาย และออกกำลังกาย ระดับที่ 2 มีอาการเกิดขึ้นแม้จะพักผ่อนนอนหลับแล้ว แต่ยังคงมีอาการอยู่ อาจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงาน หรือรับการรักษาที่ถูกต้องและระดับที่ 3 มีอาการปวดมากแม้ทำงานเพียงเบาๆ พักแล้วอาการก็ยังไม่ทุเลาลง หากอาการระดับนี้ ต้องพักงาน ปรับเปลี่ยนงานและรับการรักษาที่ถูกต้อง

“เมื่อมีอาการ แม้ไม่ถึงขั้นต้องรักษาด้วยเครื่องมือหรือตัวยา ก็ควรมาพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาเพื่อตรวจสอบเกิดจากกล้ามเนื้อและกระดูกจริงๆ หรือเกิดจากภาวะซ่อนเร้นอื่นๆ เช่น ปลายประสาท หรือ ผิดปกติของกระดูก เพื่อจะได้วิเคราะห์ต้นเหตุได้อย่างถูกต้องต่อไป

แนวทางการรักษา ขึ้นอยู่กับอาการและระดับความรุนแรง ตั้งแต่รักษาด้วยยา รักษาด้วยวิธีทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูและทำกายภาพบำบัดเพื่อยืดกล้ามเนื้อและปรับอิริยาบถให้ถูกต้อง การปรับการทำงาน ตลอดจนรักษาด้วยศาสตร์ทางเลือกเช่นฝังเข็ม นวดแผนไทยการรักษาต้องใช้เวลาพอสมควร เช่น ถ้าระยะเริ่มต้น อย่างเร็ว 1-3 เดือนถึงจะหาย และมีข้อแม้ว่าต้องดูแลตัวเองไปเรื่อยๆไม่ให้กลับมาเป็นอีก อีกทั้ง การทำกายภาพบำบัด เป็นขั้นตอนสำคัญในการรักษาอาการออฟฟิศซินโดรมที่เกี่ยวกับระบบกล้ามเนื้อและกระดูก เพื่อฟื้นฟูให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้”

ทั้งนี้ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จะเปิดให้บริการ“คลินิกกายภาพบำบัดบำรุงราษฎร์” ในวันที่ 5 ตุลาคม2559 ณ ชั้น 2 อาคารเอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ นับเป็นคลินิกแห่งแรกที่แยกออกมาตั้งนอกพื้นที่ของโรงพยาบาล เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วย รวมทั้งขยายไปยังกลุ่มคนวัยทำงาน และกลุ่มประชากรที่พักอาศัยในย่านนี้ สามารถเข้าถึงการรักษาฟื้นฟูได้มากขึ้น

คลินิกกายภาพบำบัดแห่งนี้จัดเตรียมนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำแบบครบวงจร เปิดให้บริการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-20.00 น. และเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-17.00 น. ติดต่อสอบถามได้ที่ โทร.02-667-1305หรือ อี-เมล์ info@bumrungrad.com

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top