ผู้บริหาร นำโดย มร.มาร์ติน รูแอค (ที่ 2 จากขวา) ร่วมสร้างฝายกึ่งถาวร

รู้จักน้ำ เข้าใจน้ำ พลิกฟื้นความแห้งแล้งให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ ร่วมกันทำความดีเพื่อพ่อของแผ่นดิน ล่าสุด แอกซ่า รวมพลังองค์การแคร์นานาชาติ ในนามมูลนิธิรักษ์ไทย อาสาสมัครแอกซ่า และชาวชุมชนฯ จัดโครงการ “ฝนตกที่ไหน?” สร้างฝายชะลอน้ำตามแนวพระราชดำริ ที่บ้านแจ่มหลวง ต.บ้านจันทร์ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่

มร.มาร์ติน รูแอค กรรมการผู้อำนวยการบริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน)เผยว่า “กลุ่มแอกซ่าได้สานต่อร่วมมือกับองค์การแคร์นานาชาติอีก 3 ปี ในงานวิจัยเพื่อศึกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการมอบทุนประมาณ 100 ล้านบาทในปี 2557 และจากผลการวิจัยพบว่า หนึ่งในแนวทางที่จะช่วยให้ชุมชนปรับตัว กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศสำหรับไทย คือโครงการสร้างฝายชะลอน้ำตามแนวพระราชดำริ ที่จะช่วยบริหารจัดการน้ำ ให้ชาวบ้านมีน้ำกินน้ำใช้ น้ำเพื่อการเกษตร โดยครั้งนี้เป็นปีที่ 3 ที่มาสร้างฝาย รู้สึกดีใจที่ได้ร่วมทำงาน จริงแล้ว ในปีแรก ก็ยังไม่เห็นภาพว่าช่วยได้อย่างไร แต่ยิ่งมาทุกปี และเห็นว่าชุมชนรับประโยชน์โดยตรง ก็ยิ่งเห็นภาพที่ชัดเจน และเห็นถึงความสำคัญของฝาย ว่าสามารถพัฒนาชีวิตชาวชุมชน หัวใจหลักของกิจกรรม คือ ให้ชุมชนเรียนรู้ที่จะรับมือกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง และปรับตัวอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน”

ว่าที่ ร.ต.ณรงค์ชัย จินดาพันธ์ นายอำเภอกัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ และ มร.มาร์ติน รูแอค

ว่าที่ ร.ต.ณรงค์ชัย จินดาพันธ์ นายอำเภอกัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ เจ้าของพื้นที่เผยว่า “ในหลวงรัชกาลที่9 พระราชทานชื่ออำเภอกัลยาณิวัฒนา ในปี 2552 ภูมิประเทศห่างไกลอยู่บนพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากกว่า 1,000 เมตร ชาวบ้านเป็นชนเผ่าทั้งหมด มีกะเหรี่ยงม้ง และลีซอ อยู่ด้วยกัน 3 ตำบลบ้านจันทร์ แม่แดดและแจ่มหลวง ประชากร 3,700ครัวเรือน มีอาชีพทำไร่ ทำนา ทำสวน และทอผ้าเป็นอาชีพเสริม แต่เดิมพื้นที่ เคยมีห้วยใหญ่ แต่มีคนตัดไม้ ทำลายป่า ทำให้น้ำแล้ง ไม่มีน้ำกิน ทั้งที่มีฝนตก แต่ชาวบ้านก็ไม่มีน้ำใช้เมื่อปีที่ผ่านมา แอกซ่ามาช่วยสร้างฝายชะลอน้ำที่หมู่บ้านแจ่มน้อย แค่ 3 ชั่วโมง หลังจากสร้างเสร็จ ห้วยที่เคยแห้งไปแล้ว มีน้ำขึ้นมาครึ่งฝายเลยทีเดียว จริงแล้ว ถ้าศึกษาเส้นทางน้ำ จะเห็นว่าป่าไม้ที่นี่ เป็นต้นน้ำ ที่ส่งน้ำจำนวนมากไปยังแม่น้ำปิง เข้าเขื่อนภูมิพล ไหลลงนครสวรรค์ถ้าเราช่วยกันจัดการน้ำที่นี่ไม่ได้ช่วยแค่ชาวบ้านที่นี่ แต่ทุกคนได้ใช้ประโยชน์”

ดิเรก เครือจินลิ (กลาง) ผู้ประสานงานโครงการ มูลนิธิรักษ์ไทย เชียงใหม่

ดิเรก เครือจินลิ ผู้ประสานงานโครงการ มูลนิธิรักษ์ไทย สำนักงานเชียงใหม่ เผยว่า “ทางมูลนิธิรักษ์ไทยช่วยถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจเรื่องระบบนิเวศน์ ช่วยกำหนดทิศทาง เทคนิค กระบวนการวิเคราะห์ เพื่อบริหารจัดการน้ำได้อย่างถูกต้อง ที่เลือกสร้างฝายที่นี่ เพราะแม้ที่นี่เป็นต้นน้ำ แต่มีปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก เมื่อเรารู้ถึงปัญหา จัดทำแผนที่ด้วยระบบจีไอเอส ข้อมูลเชิงลึก ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ แบบวัดพิกัดได้ ตรงไหนป่า ตรงไหนลำห้วย มีกี่ลำห้วย มีคนใช้น้ำกี่คน ฯลฯ นำมาเป็นข้อมูลเพื่อแก้ปัญหา เราได้เห็นผลชัดเจนมาก อย่างที่บ้านแจ่มน้อยที่แอกซ่ามาสร้างฝายปีที่ผ่านมา และชาวบ้านได้สร้างเพิ่มขึ้นอีก แต่เดิมประสบภัยแล้งทุกปี เมื่อจัดทำฝายชะลอน้ำ น้ำไหลช้า ซึมลงสู่ชั้นดิน ทำให้ดินชุ่มชื้น พืชพันธุ์งอกงาม สัตว์ป่ากลับมา หน้าแล้งที่ผ่านมาตั้งแต่มกราคมถึงพฤษภาคม ชาวบ้านมีน้ำเพียงพอทั้งกิน ใช้ทำเกษตร และยังตื่นตัว สร้างถังกักเก็บน้ำ ไว้เพาะต้นกล้าปลูกต้นไม้อื่นๆ เสริม เพื่อเตรียมรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนอีกด้วย จริงแล้วผมมีความฝันที่ว่า อยากให้ป่าต้นน้ำนี้ กลับมาสมบูรณ์เหมือนเมื่อ 5 ปีก่อน”

“ไม่ว่าฝนตกที่ไหน ฝนมาเมื่อไร แล้งมากเพียงใด อย่างน้อยฝายชะลอน้ำที่พวกเราช่วยลงแรงสร้างกันตลอด 3 ปีนี้ รวมถึงบ้านแจ่มหลวงในวันนี้ เป็นอีกทางที่จะช่วยรับมือ และให้ชาวบ้านปรับตัวอยู่ร่วมกับธรรมชาติที่เปลี่ยนไปได้”