คุ้นหน้าคุ้นตาในงานสังคมอยู่เนืองๆ ในฐานะเซเลบริตี้รุ่นใหม่ อ้อมแอ้ม-ศรัณย์ภัค เพ็ญชาติ ลูกสาวของศรัณย์ และ ณัฏฐกา เพ็ญชาติ ที่เพิ่งเรียนจบปริญญาโท จากประเทศอังกฤษ และกำลังสนุกกับงานด้านการสื่อสารการตลาดและประชาสัมพันธ์ ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม และ ดิ เอ็มควอเทียร์ พอมีเวลาว่างเลยเชื้อเชิญเธอมาอัพเดทชีวิตที่เป็นมากกว่าเซเลบริตี้ที่เราเห็น
“เข้าสู่ชีวิตวัยทำงานมาเกือบปี ทำให้แอ้มได้เรียนรู้อะไรมากมาย ทำให้เห็นโลกมากขึ้น เรียนรู้ในการทำงานในแต่ละที่ รู้จักคนมากขึ้น เพราะสิ่งที่เราเรียนมามันต่างจากการทำงานจริงๆ คือตอนเรียนเราอาจจะมองเห็นแค่มุมเดียว แต่เมื่อมาทำงานทำให้เราเห็นอีกหลายๆ มุมในเรื่องเดียวกัน จึงต้องมองอะไรที่ไกลขึ้นกว้างขึ้น การตื่นขึ้นมาทำงานในแต่ละวันคือการเรียนรู้ และเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเราก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว”
อ้อมแอ้ม เรียนจบจาก MA Luxury Brand Management ที่ Regent’s University London ประเทศอังกฤษ เป็นสาขาวิชาที่ยังไม่เป็นที่รู้จักนักในบ้านเรา เธออธิบายถึงสิ่งที่ร่ำเรียนมาให้ฟัง
“Luxury Brand เป็นคำที่เราได้ยินบ่อยๆ และตีความว่าคือ แบรนด์ชั้นสูงที่เป็นแฟชั่นแบรนด์เท่านั้น แต่จริงๆ แล้วคือแบรนด์สินค้าและบริการทุกประเภท ไม่ว่าจะยานยนต์ ร้านอาหาร สาขาที่อ้อมแอ้มเรียนเป็นเรื่องของการบริหารแบรนด์ เป็นการทำมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับตอนเรียนปริญญาตรี ที่เรียนอักษรศาสตร์ เพราะแอ้มมองว่าตอนเรียนปริญญาตรี เราเลือกเรียนในสิ่งที่ชอบคือภาษา แต่พอจะต้องเรียนในระดับสูงขึ้นเจาะลึกมากขึ้นจึงเลือกเรียนในสิ่งที่เราจะไปใช้งานจริงได้ จึงได้เลือก MA Luxury Brand Management พอมาทำงานที่นี่ถึงแม้จะไม่ตรงสายงาน แต่ก็ทำให้ได้ใช้วิชาความรู้ที่เรียนมาปรับใช้กับการทำงานจริง งานพีอาร์เป็นงานที่สนุกและท้าทายความสามารถ เพราะต้องทำงานกับหลายฝ่าย ประสานสิบทิศเพื่อให้หน้างาน
หลังงานออกมาดีที่สุด”
ด้วยภาพคุ้นตามาตลอดว่าเธอคือ “เซเลบริตี้”หรืออีกนัยหนึ่งที่เรียกติดปากกันว่า “ไฮโซ” ที่มีชีวิตไม่ธรรมดา ซึ่งเรื่องนี้ อ้อมแอ้ม ปฏิเสธอย่างอารมณ์ดีว่า “หนูก็คนธรรมดาๆ นี่ล่ะค่ะ”
“ด้วยลุคของแอ้ม คนอื่นอาจจะมองว่าเราเป็นเซเลบฯ ต้องหยิ่งแน่ๆ วันๆ แต่งตัวสวยไปงานแบบนั้น แอ้มอยากบอกว่ามันเป็นแค่ภาพภายนอก แอ้มก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง มีชีวิตที่ปกติ ถ้าได้มารู้จักตัวจริงจะรู้ว่าจริงๆ แล้ว แอ้มเป็นคนง่ายๆ สบายๆ แต่ก็จะมีมุมโลกส่วนตัวสูงบ้างในบ้างครั้ง ไม่ได้เข้าถึงยาก อย่างตอนมาทำงานใหม่ๆ ก็มีคนมองเหมือนกันว่าเป็นเซเลบฯ จะทำงานได้ไหม แต่เกือบปีที่ทำงานที่นี่แอ้มก็ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเราสามารถทำงานได้จริงๆ ทำผิด ทำถูก แต่ก็พร้อมที่จะเรียนรู้ทุกอย่าง แอ้มเชื่อว่าวันนี้พี่ๆ เพื่อนๆ ในแผนกก็คงเห็นแล้วว่าตัวจริงแอ้มออกจะต๊องๆ ด้วยซ้ำไป”
อีกหนึ่งความสงสัยของผู้คนที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงนี้ รวมถึงนามสกุล ที่ใครเห็นก็มองว่าไม่ต้องทำงานก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างสะดวกสบาย แล้วทำไมต้องออกมาทำงานเป็นลูกจ้างรับเงินเดือน
“ถ้าถามว่าอยู่ได้ไหมแบบไม่ทำงาน ก็คงอยู่ได้แหละ แอ้มอาจจะโชคดีที่เกิดในครอบครัวที่พร้อมในระดับหนึ่ง แต่แอ้มไม่ได้ถูกสอนมาแบบนั้น คุณพ่อ คุณแม่คงไม่ได้เสียเงินส่งเสียให้เราเรียนสูงๆ มาเพื่ออยู่บ้านเฉยๆ และคุณปู่ คุณพ่อ จะสอนเสมอว่าคุณค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน การที่เราทำงาน หาเงินเองได้เราจะรู้ได้ถึงคุณค่าของตัวเอง หรือสิ่งของที่เราหาซื้อมาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของเรา เพียงแต่ว่าแอ้มคงไม่ทำงานหาเงินเพื่อที่จะมีมากไปกว่านี้ เพราะเท่าที่เรามีมันพอแล้ว ฉะนั้นการที่เราทำงานก็เพราะมันทำให้เรามีคุณค่า มีศักดิ์ศรี และได้พบเจออะไรใหม่ๆ จากการทำงาน”
กิจกรรมโปรดที่เซเลบฯ พีอาร์สาวห้างดังย่านสุขุมวิทชอบทำเสมอๆ ในวันว่าง นั่นคือการเดินทางท่องเที่ยว และที่โปรดสุดๆ ต้องยกให้การเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ซึ่งดูจะขัดกับบุคลิกสาวทันสมัยอย่างมาก“เวลาไปเที่ยว แอ้มมักไม่ค่อยวางแผนล่วงหน้า ยิ่งถ้าจะไปกับก๊วนเพื่อน วางแผนทีไรล่มทุกที ส่วนใหญ่จึงเป็นทริปไฟไหม้แทบทุกครั้ง แต่ถ้าแอ้มอยู่ในโหมดโลกส่วนตัวสูงก็จะไปเที่ยวคนเดียว ไปวัด ไปพิพิธภัณฑ์ ไปดูงานศิลปะแบบนั้น เพราะเพื่อนน้อยคนจะชอบอะไรเหมือนเรา แล้วการไปชมพิพิธภัณฑ์มันต้องใช้เวลาในการซึมซับ อย่างตอนเรียนอยู่อังกฤษ ไม่เคยพลาดเวลาที่พระราชวังบักกิ้งแฮมเปิดให้เข้าชม เพราะนานทีปีหนถึงจะเปิด เพราะพิพิธภัณฑ์เป็นสถานที่ทำให้เรารู้ทั้งประวัติศาสตร์ ศิลปะ และรากเหง้าความเป็นมาของประเทศ คนในที่ที่แห่งนั้น อีกอย่างการออกไปเที่ยว นอกจากความสุขแล้วทำให้เราได้เห็นอะไรใหม่ๆเห็นการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ถือเป็นการเปิดโลกทัศน์ของตัวเองไปในตัว แต่ถ้าเวลาไม่พอที่จะเดินทางจริง เวลาว่างแอ้มก็ชอบออกกำลังกาย หรืออยู่กับบ้านเปิดเพลงเพราะๆฟังเป็นการพักผ่อนชาร์จแบตให้กับตัวเอง”
อนาคตข้างหน้าจากนี้ 5-10 ปี อ้อมแอ้ม วางแผนชีวิตตัวเองไว้ว่าจะนำวิชาความรู้การบริหาร Luxury Brand มาใช้ให้เกิดประโยชน์
“แอ้มอยากทำงานในสิ่งที่เราเรียนมา อย่างเช่น เข้าไปทำงานโครงการหลวง ก็ถือว่าเป็น Luxury Brand หรือแบรนด์ที่เป็นลักษณะคล้ายๆ กัน เพราะเราจะได้วิชาความรู้ของตัวเองในการมีส่วนช่วยคนอื่น เงินเดือนไม่เยอะ แต่ได้ทำงานที่เกิดประโยชน์กับผู้อื่น กับสังคม นอกจากจะเป็นการสร้างคุณค่าให้กับตัวเองแล้วยังทำให้พ่อแม่ภูมิใจสมกับที่ท่านส่งเสียเลี้ยงดูเรามาด้วยค่ะ”
...แอ้มอาจจะโชคดีที่เกิด
ในครอบครัวที่พร้อมในระดับหนึ่ง
แต่แอ้มไม่ได้ถูกสอนมาแบบนั้น
คุณพ่อ คุณแม่ คงไม่ได้เสียเงิน
ส่งเสียให้เราเรียนสูงๆ
มาเพื่ออยู่บ้านเฉยๆ และคุณปู่ คุณพ่อ จะสอนเสมอว่า
คุณค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน
การที่เราทำงาน หาเงินเองได้
เราจะรู้ได้ถึงคุณค่าของตัวเอง...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี