การเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปทรงเยือนจีนของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เมื่อ พ.ศ.2543 จึงเป็นที่ประจักษ์ชัดถึงพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นและพระราชปรีชาญาณที่ลุ่มลึกและกว้างไกลในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนให้ดำเนินไปอย่างแน่นแฟ้นและมีไมตรีจิตต่อกันฉันมิตร
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชปรีชาญาณและสายพระเนตรที่ลึกซึ้งยาวไกลต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีน ซึ่งจำเป็นจะต้องปลูกฝังและสืบสานให้เกิดความเข้มแข็ง เนื่องด้วยทรงเข้าพระราชหฤทัยดีว่าจีนเป็นประเทศใหญ่มีความรู้ที่หลากหลายรอบด้าน สามารถยังประโยชน์ให้กับประเทศไทยได้ในหลายภาคส่วน จึงมีพระราชดำริในการสานสัมพันธ์กับจีนมาโดยตลอด
ทั้งนี้ เมื่อปี 2560 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยสถาบันเอเชียศึกษา ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนที่มีประวัติศาสตร์เกี่ยวพันกันมายาวนานจนกลายเป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่ง รองศาสตราจารย์ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จีนถือเป็นประเทศมหาอำนาจที่มีบทบาทสำคัญในเอเชีย ซึ่งในที่นี้รวมถึงภูมิภาคอาเซียน กล่าวได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนนั้น แบ่งเป็น 2 มิติคือ 1) มิติภายในประเทศ ประเทศไทยนับว่าเป็นประเทศที่มีชาวจีนมาตั้งรกรากอยู่เป็นจำนวนมากชาวไทยเชื้อสายจีน คือ ชาวจีนที่เกิดในประเทศไทยและเป็นเชื้อสายของผู้อพยพชาวจีนหรือชาวจีนโพ้นทะเล คนไทยเชื้อสายจีนมีประมาณ 8 ล้านคน ในประเทศไทย หรือร้อยละ 14 ของประชากรทั้งประเทศ และยังมีอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่สามารถนับได้ เพราะกลมกลืนกับคนไทยโดยการแต่งงานข้ามเชื้อชาติ และ 2) มิติภายนอกประเทศคือสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ทรงตระหนักในความสำคัญของจีนทั้ง 2 มิติ
อาจารย์ดลยา เทียนทอง นักวิจัยประจำสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ที่สัมพันธ์กับจีนในมิติภายนอกประเทศนั้น มีปรากฏครั้งสำคัญที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย นั่นคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปทรงเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนหรือจีนแผ่นดินใหญ่พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อปีพ.ศ.2543 ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของ นายเจียง เจ๋อ หมิน (Jiang Zemin) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและภริยา การเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปทรงเยือนจีนครั้งนั้นมีขึ้นระหว่างวันที่ 16-31 ตุลาคม 2543 เพื่อเฉลิมฉลอง25 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและจีน และถือเป็นปีปฐมของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9ในการเสด็จพระราชดำเนินแทนองค์พระประมุขไปทรงเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการ โดยรัฐบาลจีนได้ถวายการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ มีการจัดพิธีสวนสนามและทรงตรวจแถวกองทหารเกียรติยศสามเหล่าทัพอย่างสง่างามและยิ่งใหญ่ ณ ลานหน้ามหาศาลาประชาชน โดยมี นายหู จิ่น เทา(Hu Jintao) รองประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ
ทั้งนี้ ในตลอดระยะเวลา 15 วัน แห่งการเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปทรงเยือนจีน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ได้ทรงพำนักและปฏิบัติพระราชกรณียกิจในเมืองสำคัญหลายแห่งได้แก่ กรุงปักกิ่ง (Bejing) นครซีอาน (Xi’an) เมืองซูโจว (Suzhou) มหานครเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) เมืองลั่วหยาง (Luoyang) เมืองเจิ้งโจว (Zhengzhou) เมืองไคเฟิง (Kaifeng) และเมืองกุ้ยหลิน (Guilin) โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรและมีความสนพระราชหฤทัยในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และเรื่องราวต่างๆในด้านศิลปวัฒนธรรมของจีน อาทิ การเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมชมสถาบันวิจัยศิลปหัตถกรรมเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Arts and Crafts Research Institute) และพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ของแต่ละมณฑล เป็นต้น และในขณะเดียวกันก็ทรงเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยสู่สายตาผู้นำและบุคคลสำคัญในวงสังคมจีนด้วย ที่สำคัญทรงจัดแสดงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ อันเป็นศิลป์แห่งแผ่นดินที่วิจิตรตระการตาและเป็นภูมิปัญญาไทยมาแต่โบราณ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นงานฝีมือที่ประณีตงดงามของชาวนาชาวไร่ที่มีฐานะยากจนในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทยที่พระองค์ทรงนำมาฝึกสอนทั้งสิ้น ทำให้นายหู จิ่น เทา (Hu Jintao) รองประธานาธิบดีและผู้เข้าร่วมงานต่างชื่นชมในพระบารมีและตระหนักถึงความล้ำค่าในศิลปวัฒนธรรมไทยโดยทั่วกัน
ไม่เพียงเท่านั้น มิตรไมตรีระหว่างประมุขแห่งรัฐของสองประเทศยังดำเนินไปอย่างงอกงามและเป็นรูปธรรมในก่อนหน้านี้เมื่อรัฐบาลจีนได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายสุกรพันธุ์จินหัว (Jinhua) 2 คู่ และเป็ดอี้เหลียง (Yi-Liang) จำนวน 65 ตัว แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2542 โดยสุกรพันธุ์จินหัวนี้มีถิ่นกําเนิดในจังหวัดซีเจียง (Zhejiang) มีลักษณะลําตัวสีขาวและมีสีดำที่ส่วนหัวและสะโพก ซึ่งส่วนสะโพกของสุกรจินหัว เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อของจินหัวแฮม (Jinhua ham) จะมีรสชาติอร่อย สีสวยสด และมีชื่อเสียงมากในตลาดระดับสูงของโลก ส่วนเป็ดอี้เหลียงเป็นเป็ดเนื้อพันธุ์พื้นถิ่นของเมืองคุณหมิง (Kuming) มณฑลยูนนาน (Yunnan) นิยมทำเป็ดปักกิ่ง เนื่องจากตัวเล็ก เนื้อนุ่ม และหนังกรอบ มีรสชาติอร่อย (สัตว์ท้องถิ่นทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นสัตว์สงวนที่รัฐบาลจีนหวงแหนมาก และไม่เคยส่งแม่พันธุ์ออกนอกประเทศเลย ยกเว้นผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปแล้ว ทำให้ไม่สามารถแจกจ่ายพันธุ์ให้เกษตรกรไทยเพาะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ได้) ปัจจุบันสุกรจินหัวและเป็ดอี้เหลียง ถูกเลี้ยงขยายพันธุ์และมีจำหน่ายในลักษณะผลิตภัณฑ์แปรรูปในโครงการฟาร์มตัวอย่างหลายจังหวัด ได้แก่ อ่างทอง ราชบุรี และเชียงใหม่
ด้วยพระราชจริยาวัตรอันงดงามพระราชอัธยาศัยที่นุ่มนวลอ่อนโยน พระปรีชาสามารถที่เข้าถึงจิตใจผู้คน ตลอดถึงการเอาพระราชหฤทัยใส่ในรายละเอียดของบุคคลต่างๆ ที่มีพระราชปฏิสันถาร พระราชวิริยอุตสาหะที่ปราศจากความเหน็ดเหนื่อยในตลอดช่วงเวลาแห่งการเสด็จพระราชดำเนินและพระอัจฉริยภาพในเรื่องต่างๆ ได้นำมาซึ่งความประทับใจและความปีติยินดีเป็นอย่างยิ่งแก่ผู้นำและประชาชนชาวจีนที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในแต่ละโอกาส ยิ่งไปกว่านั้นทรงได้รับการยกย่องเทิดทูนในการที่ทรงมีพระราชปณิธานอันแน่วแน่ต่อการเชิดชูคุณค่าและเอกลักษณ์ของศิลปวัฒนธรรมไทยมาโดยตลอด ซึ่งส่งผลให้เกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของประเทศไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และประชาชนชาวไทยก็มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทยมากยิ่งขึ้น
การเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปทรงเยือนจีนของ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เมื่อ พ.ศ.2543 จึงเป็นที่ประจักษ์ชัดถึงพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นและพระราชปรีชาญาณที่ลุ่มลึกและกว้างไกลในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนให้ดำเนินไปอย่างแน่นแฟ้นและมีไมตรีจิตต่อกันฉันมิตร ซึ่งไม่เพียงเป็นการปูทางไปสู่การเรียนรู้และทำความเข้าใจอย่างให้เกียรติซึ่งกันและกันเท่านั้น หากทว่าจะนำมาซึ่งความร่วมมือในระดับต่างๆ ที่สอดคล้องกลมเกลียวได้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี