คงได้ “ยิ้มแก้มปริ” กันอีกครั้งสำหรับนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเมื่อสื่อมวลชนดังสำนักหนึ่งของสหรัฐอเมริกาอย่าง U.S. News (หรือ U.S. News & World Report)จัดอันดับ “ประเทศที่ดีที่สุดในโลก” ประจำปี 2561 (2018 Best Countries Ranking GlobalPerformance) ซึ่งไทยยังคงครองแชมป์อันดับ 1 จากทั้งหมด 80 ประเทศทั่วโลก ในเรื่องการเป็นประเทศที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มธุรกิจ (Best Countries to Strat a Business) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
เรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยโดย พล.ท.สรรเสริญแก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อ 29 ม.ค. 2561 อีกทั้งการจัดอันดับครั้งนี้ ไทยยังเป็นประเทศที่น่าลงทุน (Best Countries to Invest In) อันดับที่ 8 จาก 25 ประเทศทั่วโลกเป็นประเทศที่ดีที่สุดอันดับ 5 ในการไปศึกษาต่อ อันดับ 9สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว และอันดับ 4 ประเทศที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามมากที่สุด
ทีมงาน “แนวหน้าวาไรตี้” เคยนำเสนอผลการจัดอันดับนี้ของปี 2560 ไปก่อนหน้าแล้วครั้งหนึ่ง (2 มุม “บวก-ลบ” โลกมองไทย ฟังให้ครบ...อะไรดีอะไรต้องแก้ : นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่ 23 พ.ค. 2560) ดังนั้นเมื่อมีการจัดอันดับครั้งใหม่ก็ขอพาไปไล่ดูกัน “ทีละเรื่องทีละมุม” ว่าเรื่องไหนที่นานาชาติ “ชื่นชม” และเรื่องไหนที่ “ติติง”โดยหวังว่าผู้เกี่ยวข้องจะนำไปปรับปรุงต่อไป
รายงานนี้สามารถค้นหาบนอินเตอร์เนตได้โดยใช้ Keyword ว่า “Best Countries 2018 Global rankings, international news and data insights” มีประเทศที่เข้าร่วมการจัดอันดับทั้งหมด 80 ประเทศ ใน 9 ด้าน ซึ่ง “ในภาพรวม”ปี 2561 ไทยนั้นอยู่อันดับที่ 27 “ร่วงลง 1 อันดับ” จากปี 2560 ที่อยู่ในอันดับ 26 จาก 80 ประเทศเช่นเดียวกัน ส่วน “ท็อปไฟว์” 5 อันดับประเทศที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2561 อันดับ 1 สวิตเซอร์แลนด์อันดับ 2 แคนาดา อันดับ 3 เยอรมนี อันดับ 4 อังกฤษ และอันดับ 5 ญี่ปุ่น
เมื่อ “ไล่ดูเป็นรายเรื่อง” พบว่าด้านที่“โดดเด่น” ของไทยยังคงเป็นหมวดที่เกี่ยวกับ “การท่องเที่ยว” อาทิ “Adventure” หรือการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย ประเทศไทยอยู่ใน “อันดับ 4”จาก 80 ประเทศ เป็นรองเพียงบราซิล อิตาลี และสเปน เท่านั้น โดยเมื่อดูตัวชี้วัดด้านย่อยๆ “Scenic”หรือทัศนียภาพ ไทยได้คะแนนด้านนี้มากที่สุด9.2 เต็ม 10 คะแนน รองลงมา “Friendly”ความเป็นมิตรของผู้คน ได้ 7.9 เต็ม 10 “Fun” ความสนุกสนาน ได้ 7.8 เต็ม 10 “Pleasantclimate” อากาศดี 7 เต็ม 10 และ “Sexy” ความตื่นเต้นเร้าใจ ได้ 6.3 เต็ม 10
เช่นเดียวกับ “Movers” อันหมายถึงประเทศที่มีอัตลักษณ์เฉพาะในตนเอง มีความยืดหยุ่น ไทยได้อันดับ 6 จาก 80 ประเทศ ได้ 8.2 เต็ม 10 หรือจะเป็นเรื่องของ “Heritage” มรดกทางวัฒนธรรมประเพณี ในภาพรวมไทยได้ 7.4 เต็ม 10 ในหมวดนี้ “อาหารอร่อย” (Has great food) ได้มากที่สุด 8.9 เต็ม 10 รองลงมา “แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมหลากหลาย” (Many cultural attractions) ไทยได้ 8.4 เต็ม 10เป็นต้น
นอกจากอันดับในหมวดใหญ่ทั้ง 9 ด้านแล้ว ยังมีการจัดอันดับด้านย่อยๆ อีกหลายด้านที่ประเทศไทยโดดเด่นระดับ “ท็อปเท็น” 10 อันดับแรกประกอบด้วย ความเหมาะสมสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ (Best Countries to Start a Business)อยู่อันดับ 1, ความน่าไปศึกษาต่อ (Best Countries to Study Abroad) อยู่อันดับ 5, ความน่าลงทุน (Best Countries to Invest In) อยู่อันดับ 8 และประเทศที่คนเดียวก็เที่ยวได้ (Best Countries to Travel Alone) อยู่อันดับ 9
ทั้งหมดนั้นคือ “มุมดีๆ” แต่อีกด้านหนึ่งก็มี“มุมที่ต้องปรับปรุง” ที่การจัดอันดับครั้งนี้กล่าวถึงประเทศไทย อาทิ “Power” หรืออำนาจของประเทศ พบว่า “เต็ม 10 แต่ได้ไม่ถึง 1 คะแนนแม้แต่ตัวชี้วัดเดียว” เช่น ความมีอิทธิพลทางการเมือง (Politically influential) ได้ 0.3, กองทัพที่แข็งแกร่ง (Strong military) ได้ 0.5, พันธมิตรระหว่างประเทศที่เข้มแข็ง (Strong international alliances) ได้ 0.5, ผู้นำ (Leader) ได้ 0.6 และความมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจ (Economicallyinfluential) ได้ 0.7
ด้านต่อมา “Citizenship” หรือความเป็นพลเมือง เรื่องนี้แปลง่ายๆ คือเกี่ยวกับ “การเมือง” โดยตรง พบว่า “สอบตก” ไม่ต่างกันเช่น การกระจายอำนาจ (Well-distributedpolitical power) ได้ 0.2, สิทธิมนุษยชน (Cares about human rights) ได้ 0.4, เคารพในสิทธิทรัพย์สิน (Respects property rights) ได้ 0.4, ความซื่อสัตย์สุจริตน่าเชื่อถือ (Trustworthy)ได้ 0.5, ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Cares about the environment) ได้ 0.7, ความเท่าเทียมทางเพศ (Gender equality) ได้ 0.9 เป็นต้น
ในด้าน “Quality of Life” หรือคุณภาพชีวิตในภาพรวมไทยได้ 2.3 คะแนน ทว่ามีเพียงตัวแปรเดียวคือ “ค่าครองชีพไม่แพง” (Affordable) ที่ได้คะแนนสูงถึง 10 คะแนนเต็ม แต่ที่เหลือสอบตกทั้งหมด เช่น การลดความเหลื่อมล้ำ (Incomeequality), ระบบสาธารณสุข/ระบบการศึกษาที่พัฒนาอย่างดี (Well-developed public education/health system), ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ/การเมือง (Politically/Economically stable) รวมถึงความปลอดภัย (Safe)
แม้กระทั่งในด้าน “Open for Business” หรือโอกาสเปิดกว้างทางเศรษฐกิจ ที่การจัดอันดับในปีก่อนประเทศไทยได้อันดับที่ 13 จาก 80 ประเทศ มาปีนี้ “ร่วงลง 2 อันดับ” โดยปัจจัยต้นทุนการผลิตยังค่อนข้างราคาถูก (Cheap manufacturing costs) ยังเป็นตัวชี้วัดเดียวที่ไทยสอบผ่าน อยู่ที่ 9.9 คะแนน ที่เหลือสอบตกทั้งหมด และในจำนวนนี้ที่น่าห่วงคือ “การทุจริต” (Corrupt) ที่การจัดอันดับในปี 2560 อยู่ที่ 3.2 คะแนน แต่ปี 2561 กลับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.4 คะแนน ซึ่งตัวชี้วัดนี้ “ยิ่งเพิ่มคือยิ่งไม่ดี” หมายถึงมีปัญหาทุจริตเพิ่มสูงขึ้น
ปิดท้ายด้วยคะแนนหมวด “ความเป็นผู้ประกอบการ” (Entrepreneurship) ที่ไทยได้ 1.4 เต็ม 10 อยู่ในอันดับ 38 โดยตัวชี้วัดที่ได้น้อยที่สุดคือ การพัฒนาโครงสร้างทางกฎหมายที่ดี(Well-developed legal framework) ได้เพียง 0.1 คะแนน นอกจากนี้ การศึกษาของประชากร (Educated population) ได้ 0.3 การดำเนินธุรกิจที่โปร่งใส (Transparent business practices) ได้ 0.6 หรือแม้แต่ที่ได้สูงสุดในหมวดนี้อย่าง การเชื่อมโยงกับนานาชาติ (Connected to the rest of the world)ก็ได้เพียง 4.4 จากเต็ม 10 คะแนน
และอีกด้านที่อาจเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวได้อย่าง “Cultural Influence” (อิทธิพลทางวัฒนธรรม) พบว่ามีเพียงด้าน “Culturallysignificant in terms of entertainment” (ความสำคัญทางวัฒนธรรมในด้านความบันเทิง) ที่ได้คะแนนสูงถึง 7 เต็ม 10, ความสุข (Happy)ได้ 6 เต็ม 10 และ Has an influential culture (มีวัฒนธรรมที่มีอิทธิพล) ได้ 5 เต็ม 10 เท่านั้นที่เหลือได้คะแนนต่ำกว่า 5 ทั้งสิ้น
ฉะนั้นแม้นายกฯ และรัฐบาล คสช. จะยิ้มได้กับข่าวการจัดอันดับครั้งนี้ แต่ยังคงมี “งาน” ที่ต้องทำกันอีกยาว!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี