จากกรณีมีรายงานข่าวว่า องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) สำนักเลขาธิการใหญ่ ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อกระตุ้นให้ทางการไทยจัดทำข้อตกลงชั่วคราวเพื่อพักใช้การประหารชีวิตอย่างเร่งด่วน และมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อขจัดโทษประหารชีวิตออกจากกฎหมายไทยสำหรับความผิดทุกประเภท ในวันเดียวกัน มีการเผยแพร่ข้อความในจดหมายฉบับดังกล่าว ระบุดังนี้..
เรียน พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
เรื่อง จดหมายเปิดผนึกเรื่องการรื้อฟื้นการประหารชีวิตในประเทศไทย
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เขียนจดหมายถึงท่านเนื่องในโอกาสครบรอบหนึ่งเดือนนับแต่มีข่าวที่คาดไม่ถึงว่า ประเทศไทยได้รื้อฟื้นการประหารชีวิต หลังหยุดไปเป็นเวลาแปดปี ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้รัฐบาลของท่านจัดทำข้อตกลงชั่วคราวเพื่อพักใช้การประหารชีวิตอย่างเร่งด่วน และมีมาตรการเพิ่มเติม เพื่อขจัดโทษประหารชีวิตออกจากกฎหมายไทยสำหรับความผิดทุกประเภท
“นายธีรศักดิ์ หลง จินักโทษเด็ดขาดที่ต้องโทษประหารชีวิตจากข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยทารุณ ได้ถูกประหารด้วยการฉีดยาที่เรือนจำกลางบางขวางเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2561 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ขอประณามการตัดสินใจใช้การประหารชีวิตครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิในการมีชีวิต และถือเป็นการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมและย่ำ ยีศักดิ์ศรี”
ในช่วงก่อนจะเข้าสู่สิบปีที่ไม่มีการประหารชีวิตในประเทศไทย กระทรวงของท่านได้มีการจัดเวทีอภิปรายหลายครั้ง เกี่ยวกับประโยชน์จากการยกเลิกโทษประหารชีวิต รวมทั้งความจำเป็นที่จะต้องชี้แจงให้สาธารณะทราบถึงแง่มุมด้านสิทธิมนุษยชน มีการยกเลิกโทษประหารชีวิตเชิงบังคับสำหรับความผิดฐานจำหน่ายยาเสพติด และที่สำคัญ ทางการไทยได้ให้พันธะสัญญาหลายครั้ง ทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ ที่จะดำเนินการเพื่อยกเลิกโทษประหารชีวิต การประกาศว่าได้ประหารชีวิตธีรศักดิ์ หลงจิ จึงถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และก่อให้เกิดข้อกังวลหลายประการ
“แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ยังคงกังวลว่า อาจมีนักโทษประหารคนอื่นที่อาจถูกประหารชีวิตตามไปด้วย จากข้อมูลของ กระทรวงของท่านที่ให้ไว้กับทางองค์การของเรา จนถึงเดือนมีนาคม 2561 ยังมีนักโทษประหารอยู่อย่างน้อย 193 คนซึ่งล้วนเป็นนักโทษเด็ดขาดทั้งสิ้น ในจำนวนนี้ประกอบด้วยผู้กระทำความผิดในคดียาเสพติด 85 คน ซึ่งการกำหนดโทษประหารชีวิตให้บุคคลเหล่านี้ ถือเป็นการละเมิดกฎหมายและมาตรฐานระหว่างประเทศ”
เรามีความกังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากครอบครัวของธีรศักดิ์ หลงจิ เหยื่อโทษประหารได้ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนของไทยว่า พวกเขาถูกปฏิเสธไม่ให้มีโอกาสกล่าวคำลากับญาติของตน โดยได้รับแจ้งกำหนดการประหารชีวิตเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนการประหารจะเกิดขึ้น หน่วยงานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศเคยมีความเห็นว่า การปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการประหารเป็นความลับ และการไม่แจ้งให้ครอบครัวทราบถึงกำหนดการประหารชีวิตล่วงหน้าอย่างเพียงพอ เป็นการกระทำที่ละเมิดข้อห้ามต่อการปฏิบัติที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม และย่ำยีศักดิ์ศรี
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ยังตั้งคำถามกับ “ข้ออ้างที่ว่าโทษประหารชีวิตมีผลช่วยยับยั้งการก่ออาชญากรรม” ของรัฐบาล จากการรื้อฟื้นการประหารชีวิต และเสียใจที่ดูเหมือนว่ารัฐบาลของท่าน เสนอให้ใช้โทษประหารชีวิตเป็นทางออกต่อการแก้ปัญหาการกระทำความผิดอาญา งานวิจัยจากหลายภูมิภาคทั่วโลกไม่สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจนว่า โทษประหารชีวิตมีผลทำให้บุคคลเกิดความยับยั้งชั่งใจที่จะก่ออาชญากรรม
“อัตราการเกิดอาชญากรรมในประเทศซึ่งยกเลิกโทษประหารชีวิตไปแล้ว ไม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่กลับมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น การประหารชีวิตบุคคลเพียงเพื่อตอบโต้อาชญากรรม และเพื่อแสดงถึงความเข้มงวดของระบบยุติธรรมทางอาญา ถือเป็นการกระทำโดยพลการ ตามข้อสังเกตในรายงานเมื่อปี 2557 ของผู้เชี่ยวชาญพิเศษว่าด้วยการสังหารนอกกระบวนการยุติธรรม การสังหารโดยรวบรัดหรือโดยพลการ โทษประหารชีวิต เป็นการกระทำที่ไม่สามารถแก้ไขกลับคืนได้และเป็นการส่งเสริมวงจรความรุนแรงในสังคม”
การบังคับใช้โทษประหารชีวิตมีความเสี่ยงว่าอาจเกิดการเลือกปฏิบัติ และอาจมีความผิดพลาดในระบบยุติธรรม โดยเฉพาะกรณีที่ไม่มีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดการทรมานหรือการปฏิบัติที่โหดร้ายอย่างอื่นเพื่อบังคับให้จำเลย “รับสารภาพ” การประหารชีวิตไม่ได้แก้ปัญหาอาชญากรรม แต่กลับส่งเสริมวงจรความรุนแรงที่ทางการพยายามหาทางหยุดยั้ง ซึ่งจะเห็นได้จากจำนวนที่เพิ่มขึ้นของเหยื่ออาชญากรรมหรือครอบครัว ที่ออกมารณรงค์ต่อต้านการประหารชีวิตอย่างเปิดเผย
หนึ่งเดือนหลังการรื้อฟื้นการประหารชีวิต ผมเขียนจดหมายนี้ด้วยความหวังอีกครั้งหนึ่งว่า ทางการไทยจะปฏิบัติตามพันธกิจที่ให้ไว้ในประเทศและระหว่างประเทศ ในการเดินหน้ายกเลิกโทษประหารชีวิต และหาวิธีการอย่างอื่นเพื่อปกป้องประชาชนจากอาชญากรรม พร้อมกับสามารถปฏิบัติตามความรับผิดชอบที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนด้วย
เราขอเรียกร้องรัฐบาลไทยให้จัดทำข้อตกลงอย่างเป็นทางการเพื่อยุติการประหารชีวิต อย่างเร่งด่วน และเปลี่ยนแปลงโทษสำหรับนักโทษประหารทุกคน รวมทั้งกำหนดให้การยกเลิกโทษประหารชีวิตเป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งของแผนแม่บทด้านสิทธิมนุษยชน แห่งชาติฉบับที่ 4 ของประเทศไทย เมื่อเราหันหลังให้กับการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมและย่ำยีศักดิ์ศรีเมื่อใด เมื่อนั้นเราจะสร้างสังคมที่มีการุณยภาพและมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น!!!
มินาร์ พิมเพิล (Minar Pimple)
ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายดำเนินงานระดับโลก
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ผิดแบบไหนก็ห้ามฆ่า! 'แอมเนสตี้' กดดันไทยทำข้อตกลงเลิกใช้โทษประหาร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี