ล้างเครือข่าย‘แดง ติ๊บเล็ก’
อายัด110ล.
แก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่
บุกค้นบ้านเมีย-แม่-สมาชิก
หลังปปส.สะกดรอยนาน3ปี
ทั่วประเทศจับยานรกอื้อซ่า
นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)นำกำลังชุดปฏิบัติการ“อินทรีแดง” สนธิกำลังร่วมกับตำรวจ สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)
กองบัญการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) ทหารจากกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน กองพันทหารสารวัตร ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดกองทัพอากาศ ร.2รอ. ม.พัน1รอ. ร.31รอ.กว่า 100 นาย ลงพื้นที่พร้อมกัน 6 จุดเป้าหมายหลังสืบทราบว่ามีข้อมูลเชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพติดใน กทม.ของนายแดง หรือ “ติ๊บเล็ก สาดพุ่ม” อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ข้อหาพยายามฆ่า ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนความผิดตาม พรบ.อาวุธปืนและข้อหาร่วมกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
ค้นบ้านเมียอายัดทรัพย์
ปฎิบัติการดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อบ่ายวันที่ 2 สิงหาคม โดยจุดแรกเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นภายในบ้านเลขที่ 99/105 หมู่บ้านลัดดารมย์ มูลค่ากว่า 12 ล้านบาท ย่านบางกรวยจ.นนทบุรี พบน.ส.ภัทรศศิร์นันทโชเดโชพัฒน์ อายุ 32 ปี ภรรยาของนายแดง อยู่ในบ้าน เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดบ้านพร้อมที่ดินทองคำรูปพรรณ์ เครื่องประดับและรถยนต์ออดี้ คิว5 สีขาว หมายเลขทะเบียน จก 59 กทม. รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 28 ล้านบาท โดยน.ส.ภัทรศศิร์ เปิดเผยว่า เคยเป็นภรรยาของนายแดงมาก่อนทำอาชีพค้าขายเสื้อผ้า ที่ผ่านมาไม่เคยทราบมาก่อนว่าสามีมีพฤติกรรมค้ายาเสพติด ส่วนบ้านหลังนี้ตนซื้อมาเองเมื่อ 5 ปีก่อน อยู่ระหว่างผ่อนดาวน์ ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ นั้นได้มาจากการค้าขายไม่เกี่ยวข้องกับนายแดง
แม่ยันไม่มีเอี่ยวทรัพย์สินลูกชาย
เจ้าหน้าที่อีกชุดได้เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 2/8 หมู่10 ซอยนครอินทร์ 8 อ.เมืองจ.นนทบุรีก็พบ นางศรีกัลยา แสนสุข อายุ 57 ปี แม่ของนายแดงอยู่ภายในบ้านเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดทรัพย์สินประกอบด้วยเงินสด ทองรูปพรรณ บัญชีเงินฝากธนาคารบัญชีเงินกู้ โฉนดที่ดินไปตรวจสอบเบื้องต้น นางศรีกัลยาให้การว่า ทำอาชีพปล่อยเงินกู้เท่านั้นไม่เคยเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ลูกชายค้ายาเสพติดเลย ที่ผ่านมาลูกชายก็ไม่เคยนำทรัพย์สินอะไรมาให้ด้วย
ไล่ยึดเพิ่มอีก4จุดรวม110ล้าน
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่อีก 4 ชุดได้เข้าตรวจค้นอีก 4จุด พร้อมกันประกอบด้วยบ้านเลขที่ 88/169 หมู่บ้านวรารมย์ถนนพหลโยธิน-สายไหมแขวง-เขตสายไหม บ้านเลขที่ 50/35 หมู่บ้านธนาภาซอยสายไหม 56 ห้องชุดเลขที่ 1512 ไดมอนด์คอนโดมิเนียมซอยสุขุมวิท 48 แขวง-เขตพระโขนง และบ้านเลขที่ 47/139 หมู่บ้านปิ่นทอง 2 ซอยช่างอากาศอุทิศแขวง-เขตดอนเมือง ผลปรากฏว่าสามารถตรวจยึดทรัพย์สินได้ทั้งหมดรวมมูลค่าประมาณ 110 ล้านบาท
เผย ป.ป.ส.ติดตามมานานกว่า3ปี
นายเพิ่มพงษ์ เปิดเผยว่า ทาง ป.ป.ส.เฝ้าติดตามหาข้อมูลเครือข่ายนายแดงมานานกว่า3 ปีโดยเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญ มีพฤติกรรมเป็นกลุ่มอันธพาลพกพาอาวุธปืนและทำงานเป็นขบวนการ เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนตามเส้นทางการเงินของเครือข่ายพบว่ามีสมาชิกในเครือข่ายเป็นผู้โอนเงินจากการค้ายาเสพติดเข้าบัญชีธนาคารที่เจ้าของบัญชีมีความเกี่ยวข้องกับนายแดงทั้งหมด รวมทั้งพฤติการณ์ของผู้เกี่ยวข้องยังมีความเชื่อมโยงกับบัญชีเงินฝากทั้งหมดอีกจำนวนหนึ่ง โดยทาง ป.ป.ส.จะได้ขยายผลและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเชื่อว่าเครือข่ายยังมีอีกมากเพราะเป็นเครือข่ายใหญ่ โดยหลังจากนี้จะเชิญตัวผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์สินทั้งหมดที่ตรวจยึดได้มาทำการสอบปากคำเพื่อให้ชี้แจงถึงที่มาที่ไปของทรัพย์สิน
แฉ“ติ๊บเล็ก”คดีติดตัวเพียบ
สำหรับเครือข่ายยาเสพติดนายแดงนั้นมีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือมาจำหน่ายในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล รวมทั้งพื้นที่ภาคกลางมีแหล่งพักยาเสพติดในชุมชนวัดมะกอกและพื้นที่เขตสายไหม ซึ่ง ป.ป.ส.ได้ทำการติดตามพฤติการณ์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2548 ต่อมาในปี 2552 สน.ห้วยขวางได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับนายแดง ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น จากนั้นปี 53 เจ้าตัวก็ถูกออกหมายจับ ฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ในพื้นที่ สน.มักกะสันและได้หลบหนีหลังศาลอาญาอนุญาตให้ประกันตัวเพื่ออุทธรณ์
จนกระทั่งปีนี้ก็ถูกออกหมายจับเพิ่มอีกในข้อหา สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดโดยร่วมกันมียาเสพติดประเภท1(ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย หลังจากพบว่ามีส่วนเกี่ยวโยงกับการจับกุมยาเสพติดอีกหลายคดีในพื้นที่ กทม. และล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายแดงได้เมื่อเดือนก่อน ขณะนี้ถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำคลองเปรม
จับแก๊งยาคารถโดยสาร
เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ พล.ต.ศรายุทธ รังษี ผบ.มทบ.33 พ.ต.อ.วีรวุธ เนียมน้อย รอง.ผบก.จว.เชียงใหม่ พ.ต.อ.ปิยพันธ์ ภัทรพงษ์สินธ์ ผกก.สภ.เชียงดาว ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด ประกอบด้วย นายพิชัย จารุไทร อายุ 37 ปี บ้านเลขที่ 230 ม.3 ต.บ้านเป้า อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ นายจักรพันธ์ พัชรถาบุตร อายุ 43 ปี 143 ม.6 ต.เมืองคอง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 50,000 เม็ด รถยนต์ยี่ห้ออีซูซุสีเทา ทะเบียน ผม-677 ชม.1 คัน โทรศัพย์มือถือ 2 เครี่อง บัญธนาคารกรุงไทย และ กสิกรไทย สาขาเชียงดาวอย่างละ1 เล่ม ชื่อของนายจักรพัน์ ทั้ง 2 เล่ม สำหรับการจับกุมครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่31 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นรถบัสประจำทางเชียงใหม่ ฝาง วิ่งมุ่งหน้ามายังตัวเมืองเชียงใหม่ จึงส่งสัญญาณขอเข้าตรวจ พบนายพิชัย นั่งเพียงคนเดียววางกระเป๋าเดินทางไว้ข้างๆ ค้นภายในกระเป๋าพบยาบ้าจำนวน50,000 เม็ด นายพิชัย ให้การว่าได้รับจ้างจากนายจักรพันธ์ ให้นำยาบ้าไปส่งในตัวเมืองเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้นายพิชัย ติดต่อนายจักรพันธ์ ให้นำยามาส่งถึงที่นัดหมาย เมื่อนายจักรพันธ์ขับรถอีซูซุคันดังกล่าวมาถึง จึงได้แสดงตัวจับกุม กำลัง3ฝ่ายค้นชุมชนอ.เลาขวัญ
เมื่อเวลา 06.00 น. พ.ต.อ.วชิระ ลภเลิศ ผกก.สภ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี พ.ต.ท.วัฒนา สงวนศักดิ์ รอง ผกก.ป.สภ.เลาขวัญ พ.ต.ท.ชนิตร วิโรจน์ศิริ สว.สส.สภ.เลาขวัญ เจ้าหน้าที่ทหารกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง อ.เลาขวัญ ใช้กฎอัยการศึก ปิดล้อมตรวจค้นชุมชนเสี่ยงที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ ต.ทุ่งกระบ่ำ และต.หนองประดู่ อ.เลาขวัญ
รวบ4ผู้ต้องหาพร้อมยาบ้า-ปืน
ผลการตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 ราย ประกอบด้วย นายจักรกริช บูชา อายุ 22 ปี พร้อม อาวุธปืนลูกซองพกสั้นไทยประดิษฐ์ ขนาด 20 ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืนลูกซอง บรรจุอยู่ในรังเพลิง 1 นัด นายสุชัจจ์ รักษี อายุ 18 ปี พร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า) 80 เม็ด นายสมพงษ์ บานแย้ม อายุ 29 ปี พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) 4 เม็ดครึ่ง และนายพงษ์สิทธิ์ โพธิ์เรือนดี อายุ 22 ปี ข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เลาขวัญดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันเดียวกัน พ.ต.อ.วชิระ ลภเลิศ ผกก.สภ.เลาขวัญ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.อิทธิพล ศิวาธรณิศร รองผกก.สส.สภ.เลาขวัญ พ.ต.ท.ชนิตร วิโรจน์ศิริ สว.สส.สภ.เลาขวัญ นำชุดสืบสวน สายตรวจรถยนต์-จักรยานยนต์ จราจร ไปทำการล่อซื้อยาบ้า ในเขตพื้นที่ ต.หนองฝ้าย จากการล่อซื้อสามารถจับกุม น.ส.พรทิพย์ จีนแสง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 274/13 หมู่ 1 ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ของกลางยาบ้าที่ล่อซื้อ 1 เม็ด และจากการตรวจค้น พบยาบ้าอยู่ในกระเป๋ากางเกง จำนวน 63 เม็ด รวมยาบ้า 64 เม็ด จึงคุมตัวไปสอบสวนเพื่อขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป
ตชด.137ล่อซื้อยาบ้า
เมื่อเวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการด้านการข่าว ตำรวจตระเวณชายแดนที่ 137 จำนวนหนึ่ง นำโดย ร.ต.ท.สุรัตน์ ดีรื่น และร.ต.ต.บัณฑิต แจ่มจัน ทำการล่อซื้อยาบ้าจากนายปริวัฎ ตันติคะเนดี อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 148/1190 หมู่ 10 ต.เจดีย์หัก อ.เมือง จ.ราชบุรี หลังสืบทราบว่ามีพฤติกรรมเป็นเอเย่นต์จำหน่ายยาบ้า ในพื้นที่เขต อ.เมือง จ.ราชบุรี โดยได้ทำการนัดส่งยาที่บริเวณใต้สะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง หมู่ 2 ต.หลุมดิน อ.เมือง
เอเย่นต์ไหวตัวซิ่งเก๋งชนดะ
โดยเมื่อถึงเวลานัดหมาย นายปริวัฎ ได้ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน 6ษ-9648 กทม. มาจอดและจะนำยาบ้ามาส่งให้สาย เจ้าหน้าที่ ตชด. จึงได้เข้าจับกุม แต่นายปริวัฎ ไหวตัวทันขับรถหลบหนี ไปพุ่งชนรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า ฟีโน่ น้ำตาล-ขาว ทะเบียน ขพม-525 2 ราชบุรี ได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย จากนั้นได้ขับหนีมาทางถนนเพชรเกษมสายเก่าและพุ่งไปชนรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สีแดง ทะเบียน ขคค-93 ราชบุรี ที่จอดรอเพื่อที่จะข้ามถนนคู่กับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ เซฟ สีดำ ทะเบียน กต-6067 ราชบุรี จนได้รับความเสียหายทั้งสองคัน มีผู้บาดเจ็บอีก 2 คน แต่สุดท้ายก็ถูกจับกุมตัวเอาไว้ได้
พบของกลางยาบ้า-ไอซ์
จากการตรวจค้นภายในรถยนต์ของนายปริวัฎ พบยาบ้า 499 เม็ด ยาไอซ์ 0.93 กรัม โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ทั้งหมด พร้อมนำตัวนายปริวัฎ ส่ง ร.ต.อ.วรงค์พล ขวัญสุวรรณ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี ให้ดำเนินคดีในข้อ มียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย รถเสียหายถึง 3 คันดังกล่าว และจะได้ทำการสอบสวนเพื่อขยายผลต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี