กรมชลฯพร้อมรับมือพื้นที่น้ำท่วม สั่งจนท.ตรวจเช็คเครื่องมือให้ดี
วันพุธ ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2557, 13.26 น.
Tag :
13 ส.ค. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่าที่ร้อยตรี ไพเจน มากสุวรรณ์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จกการประเมิณสถานกรณ์ น้ำท่วมในปีนี้ที่คาดว่าอาจประสบปัญหาน้ำท่วมขึ้นได้นั้นเบื้องต้น กรมชลประทานได้เตรียมการเพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูฝนปี 2557 ทั้งในด้านการบริหารจัดการและความพร้อมของระบบป้องกันน้ำท่วม การซ่อมแซมสถานีสูบน้ำและเครื่องสูบน้ำ อาคารชลประทาน รวมทั้งการขุดลอกและกำจัดวัชพืชในคลองสายต่าง ๆ ที่สำคัญได้สั่งการให้มีการตรวจสอบศักยภาพของเครื่องจักรเครื่องมือขนาดใหญ่ของกรมชลประทานให้มีสภาพพร้อมใช้งานเร่งระบายน้ำช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร พื้นที่ในเขตเศรษฐกิจและที่พักอาศัยที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขัง
สำหรับเครื่องจักรเครื่องมือกว่า 1,000 รายการที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ประกอบด้วยเครื่องสูบน้ำชนิดต่าง ๆ เช่น เครื่องสูบน้ำขับด้วยระบบไฮดรอลิค รถสูบน้ำด้วยไฟฟ้าเคลื่อนที่ เครื่องสูบน้ำชนิดหอยโข่ง ที่สามารถเคลื่อนย้ายไปยังจุดที่ประสบปัญหาได้ทันที เครื่องจักรเครื่องเครื่องมือที่ใช้ในการกำจัดวัชพืช เช่น เรือกำจัดวัชพืช รวมทั้งที่ใช้งานเพื่อซ่อมแซมคันดินคันกั้นน้ำ(พนังกั้นน้ำ) เช่น รถลากจูง เรือลากจูง และมีเครื่องผลักดันน้ำ พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบซึ่งปฏิบัติงานที่ปฏิบัติงานอยู่ในศูนย์ปฏิบัติการเครื่องจักรกล 7 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งประกอบด้วยภาคเหนือตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่และพิษณุโลก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมาและขอนแก่น ภาคกลางตั้งอยู่ที่จังหวัดอยุธยาและจังหวัดนนทบุรี ส่วนภาคใต้ตั้งอยู่จังหวัดสงขลา ให้สามารถทำหน้าที่และจัดส่งเครื่องจักรเครื่องมือเข้าช่วยเหลือพื้นที่ที่อาจประสบปัญหาน้ำท่วมขังได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะพื้นที่ที่เคยประสบปัญหาน้ำท่วมขังเป็นประจำเช่นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ และพื้นที่ในเขตตัวเมืองที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังเนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน
ทั้งนี้ในส่วนการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝนนั้นจะต้องมีการติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดโดยในส่วนของกรมชลประทานได้มีศูนย์ประสานและติดตามสถานการณ์น้ำ ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญมากโดยหน้าที่หลักคือการติดตามสภาพภูมิอากาศและแนวโน้มการเกิดฝนจากกรมอุตุนิยมวิทยา รวมทั้งรับส่งข้อมูลข่าวสารสภาพน้ำในแหล่งเก็บกักน้ำและลำน้ำสายต่าง ๆ โดยใช้ระบบโทรมาตรอุทกวิทยาตรวจวัดสภาพน้ำในแม่น้ำซึ่งมีความแม่นยำ รวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ และมีประสิทธิภาพเพื่อให้สามารถวางแผนบริหารจัดการน้ำและจัดส่งเครื่องจักรเครื่องมือออกไปช่วยเหลือพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับสภาวการณ์