พะยูนไทยใกล้สูญพันธุ์!! “สุชาติ”สั่งกรมทะเลฯเร่งเดินหน้าเข้ม 5มาตรการ ปราบล่าตัดหัวเอาเขี้ยวทำของขลัง สั่งสืบด่วน”ยุติแค่การนับศพ ต้องเปลี่ยนเป็นรักษาชีวิต”
วันที่ 11 ตุลาคม 2568 สถานการณ์พะยูนในประเทศไทยเข้าขั้นวิกฤต หลังจำนวนประชากรลดฮวบจาก 280 ตัวเหลือเพียง 203 ตัวในช่วง 3 ปี ท่ามกลางภัยคุกคามจากการลักลอบตัดเขี้ยวและหัวเพื่อความเชื่อผิดๆนั้น นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการด่วนให้หน่วยงานเกี่ยวข้องสืบสวนหาผู้กระทำผิด พร้อมประกาศมาตรการเชิงรุกบูรณาการ เพื่อเปลี่ยนจาก "นับศพ" เป็น "รักษาชีวิต" พะยูน ซึ่งไม่เพียงเป็นสัตว์ทะเลหายาก แต่ยังเป็นตัวชี้วัดสุขภาพระบบนิเวศชายฝั่งไทย ในขณะที่มีรายงานล่าสุด เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2568 ว่าเจ้าหน้าที่พบศพพะยูนถูกตัดหัวบริเวณหน้าหาดบ้านหลังเกาะ หมู่ 7 ตำบลเกาะศรีบอยา อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนปัญหาการลักลอบล่าอย่างชัดเจน
นายสุชาติ เปิดเผยออีกว่า สถิติที่น่าตกใจว่า ในปีงบประมาณ 2566-2568 มีพะยูนเกยตื้นทั้งสิ้น 112 ตัว โดยถูกตัดเขี้ยวและหัวไป 8 ตัว จนถึงปีงบประมาณปัจจุบัน 2569 พบพะยูนเกยตื้น 2 ตัว ในสภาพถูกตัดเขี้ยว/หัว 1 ตัว โดยการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นหลังสัตว์ตายแล้ว ดังนั้น ขอกำชับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เพิ่มความเข้มงวดเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอย โดยสั่งการกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ดำเนินการสืบสวนอย่างเร่งด่วน ต่อไปนี้"ไม่ใช่แค่นับศพ แต่ต้องเปลี่ยนเป็นรักษาชีวิต"
ด้าน ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยเพิ่มเติมว่า กรมฯ ได้หารือร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เพื่อวางแผนป้องกันและปราบปรามการตัดเขี้ยวพะยูน โดยเน้นมาตรการเชิงรุกแบบบูรณาการ ครอบคลุมภาครัฐ เอกชน และชุมชน ผ่านแนวทางหลัก 5 ประการ ได้แก่ 1)การเฝ้าระวังและป้องกัน จัดตั้งทีมลาดตระเวนในแหล่งหญ้าทะเล ใช้เทคโนโลยีโดรนและระบบ citizen science (การมีส่วนร่วมของประชาชนในการติดตาม) เพื่อเฝ้าติดตามพะยูน พร้อมพิจารณาประกาศเขตคุ้มครองใหม่ 2)การช่วยเหลือฉุกเฉิน โดยตั้งทีมกู้ชีพสัตว์ทะเล พร้อมสัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลสัตว์ทะเลหายากในภูเก็ตและตรัง เพื่อให้การรักษาทันท่วงที 3)การป้องกันการล่าและลักลอบ ให้ดำเนินการสืบสวนร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมถึงตำรวจท้องที่ โดยบังคับใช้พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ซึ่งมีโทษสูงสุดจำคุก 15 ปี หรือปรับ 1.5 ล้านบาท
4)การพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการวินิจฉัยและเก็บข้อมูลตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสืบสวน 5)การฟื้นฟูถิ่นอาศัยและสร้างการมีส่วนร่วม เพาะพันธุ์หญ้าทะเลในบ่อกุ้งร้าง กั้นคอกฟื้นฟูหญ้า และฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเลเสื่อมโทรม พร้อมจัดอบรมเครือข่ายชาวประมงและอาสาสมัครช่วยพะยูน รวมถึงรณรงค์สื่อสารเพื่อลบล้างความเชื่อผิดๆ ที่ว่า"เขี้ยวพะยูนเป็นของขลัง" และสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของพะยูนต่อสังคม
ดร.ปิ่นสักก์ ยังชี้แจงถึงสถานการณ์ประชากรพะยูนว่า ปัจจุบันอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วง โดยลดลงต่อเนื่องจากประมาณ 280 ตัวในปีงบประมาณ 2565 เหลือเพียง 203 ตัว แบ่งเป็นฝั่งอันดามัน 187 ตัว และฝั่งอ่าวไทย 16 ตัว สาเหตุหลักคือการเสื่อมโทรมของแหล่งหญ้าทะเล ซึ่งเป็นอาหารหลักของพะยูน อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจล่าสุด หลายพื้นที่เริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้พะยูนบางส่วนกลับมาอาศัยในถิ่นเดิม "อย่าให้ความเชื่อผิดๆ มาทำลาย 1 ชีวิต อย่างไร้ค่า เพราะพะยูนไม่ใช่เพียงสัตว์ทะเลหายาก แต่เป็นตัวชี้วัดสุขภาพของทะเลไทย การปกป้องพะยูนจึงไม่ใช่แค่การอนุรักษ์สัตว์ชนิดหนึ่ง แต่คือการรักษาระบบนิเวศชายฝั่งที่เป็นทุนชีวิตของชุมชน และเป็นพันธสัญญาของไทยต่อประชาคมโลก ซึ่งมาตรการเหล่านี้คาดว่าจะช่วยพลิกฟื้นสถานการณ์พะยูนให้ดีขึ้น ท่ามกลางความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อรักษาสมดุลธรรมชาติและมรดกทางทะเลของไทยให้ยั่งยืนต่อไป”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี