ทันทีที่ คสช. ประกาศรัฐประหารเพื่อยึดอำนาจมาหลายเดือน มาจนถึงวันนี้ที่กระทรวงเกษตรฯได้รับมอบหมายจาก คสช. ให้เดินหน้าสะสางปัญหาภาคการเกษตรฯยกระดับความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นเพื่อให้อาชีพเกษตรกรมีความยั่งยืน ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมา การเดินหน้าภาคการเกษตร ถือเป็นบทพิสูจน์การทำงานของข้าราชการ ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การครอบงำของนักการเมือง ถือว่าเดินหน้าได้ค่อนข้างรวดเร็ว โดยงานนี้ต้องยอมรับฝีไม้ลายมือการบริหารงานของปลัด “ชวลิต ชูขจร” ทั้งในฐานะปลัดกระทรวงเกษตรฯ และรักษาการ รมว.เกษตรฯ ทำงานเดินหน้าแก้ปัญหาภาคการเกษตรได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งมาจนถึงวันนี้ถึงแม้จะว่าทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ พร้อมกับทีมงานของกระทรวงเกษตรฯ ถือว่าคุ้มค่าเหนื่อยกันเลยทีเดียว
โดยเริ่มจากงานสะสางปัญหาเรื่องของการบริหารงานบุคคล ที่หลายคนไม่ให้ความร่วมมือ อ้างนายสั่ง วันนี้ได้เห็นความร่วมไม้ร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แม้จะมีปัญหาบ้างแต่การเดินหน้าแบบบูรณาการโดยเฉพาะเรื่องของการลดต้นทุนการผลิต การแก้ปัญหาปากท้องประชาชนก็เดินในทางที่ถูกที่ควร โดยงานด้านการลดต้นทุนการผลิตวันนี้ได้เห็นหลายกรมร่วมมือกันทำงาน ไม่ว่าจะเป็นกรมส่งเสริมการเกษตร ได้ทำหน้าที่ส่งเสริมแนะนำตามที่ควรจะเป็นในขณะที่กรมพัฒนาที่ดิน ก็ได้เห็นเร่งทำการส่งเสริมเรื่องของ ธนาคารปุ๋ยอินทรีย์ ตามแนววิถีพอเพียง ด้านกรมวิชาการเกษตร ก็ได้เห็นเร่งปราบปรามปุ๋ยเคมีไร้คุณภาพ และกรมการข้าวก็เดินหน้าลุยตรวจสอบเมล็ดพันธุ์ หากพบจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ไม่ได้คุณภาพฟันไม่เลี้ยงเช่นกัน
มาวันนี้การเดินหน้าปฏิรูปภาคเกษตรไทยเพื่อคืนความสุขให้ประชาชน ตามนโยบายเร่งด่วน คสช. จากนี้ไป ท่านปลัด “ชวลิต” บอกว่าเรื่องนี้จะมุ่งเน้นการพัฒนาภาคการเกษตร เน้นหัวใจสำคัญ 4 ด้าน เจาะกลุ่มเกษตรกร สินค้าเกษตร ทรัพยากรเกษตร และการบริหารจัดการภาครัฐโดยจากการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการปฏิรูปภาคเกษตรไทยจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ที่เกี่ยวข้องด้านการเกษตรทุกภาคส่วน เพื่อนำข้อคิดเห็นที่ได้มาประมวลจัดทำเป็นแนวทางการปฏิรูปภาคเกษตรของประเทศสู่การพัฒนาการเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน รวมทั้งเตรียมข้อเสนอประเด็นการปฏิรูปด้านการเกษตรของประเทศสู่สภาปฏิรูปแห่งชาติ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปประเทศ
พบว่า หัวใจสำคัญของการปฏิรูปภาคเกษตรไทย คือ การมุ่งเน้นในการพัฒนาการเกษตรใน 4 ด้านสำคัญ ประกอบด้วย 1.ด้านเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร ให้ความสำคัญกับการรวมกลุ่มเป็นสถาบันเกษตรกรและเกษตรกรรายย่อย เน้นการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการผลิต ให้เป็นเกษตรกรปราดเปรื่อง 2.ด้านสินค้าเกษตร ทั้งด้านพืช ประมง และปศุสัตว์ มุ่งเน้นการผลิตสินค้าเกษตร โดยพิจารณาความต้องการของตลาด รวมทั้งผลักดันการวางแผนการผลิตดังกล่าวเป็นวาระสำคัญของกระทรวงในรายสินค้าสำคัญ ได้แก่ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน อ้อยโรงงาน และกุ้ง ซึ่งให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การเข้าถึงตลาด รวมทั้งการปรับเปลี่ยนการผลิตให้สอดคล้องกับเขตเกษตรเศรษฐกิจ (Zoning)
ส่วนที่ 3 ด้านทรัพยากรการเกษตร ให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านแหล่งน้ำ และการขยายพื้นที่ชลประทาน เพิ่มแหล่งน้ำขนาดเล็กในไร่นา เน้นการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่มีภารกิจด้านน้ำ รวมทั้งมุ่งเน้นให้มีการผลิตทางการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในรูปแบบเกษตรสีเขียว และ 4.ด้านการบริหารจัดการภาครัฐ ส่งเสริมให้ภาครัฐและทุกภาคส่วนร่วมผลักดันแนวทางการปฏิรูปภาคการเกษตรไปสู่การปฏิบัติ โดยยึดแนวพระราชดำรัส “เข้าใจ-เข้าถึง -พัฒนา” กับทุกภาคีที่มีส่วนร่วมพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งและมีธรรมาภิบาลซึ่งจากนี้ไป ต้องดูฝีไม้ลายมือข้าราชการเกษตรฯของไทยภายใต้การไม่ถูกครอบงำจากนักการเมืองจะเดินหน้าได้ขนาดไหน และอาจนำไปสู่การแก้ปัญหาชาติ จากการปฏิรูปการเมืองสาปส่งให้นักการเมืองตัดขาด การครอบงำต่อไปงานนี้ต้องวัดใจ
หมิงเทียน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี