เตือนกรุงเก่าเตรียมอพยพ
จับตาน้ำท่วมเข้าขั้นวิกฤติ
เหยื่อเกาะช้าง-นางรองเป็นศพ
ประยุทธ์กำชับเร่งช่วยชาวบ้าน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 กันยายน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสำรวจสถานการณ์น้ำที่ ม.5 ต.หัวเวียง อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย พบว่าระดับน้ำล้นตลิ่งเข้าไปใต้ถุนบ้าน โดยระดับน้ำสูงจากพื้นประมาณ 60 ซม. ทำให้ไม่สามารถเดินทางสัญจรไป-มาได้
นายสมนึก สุวรรณหงส์ ผู้ใหญ่บ้าน ม. 5 ต.หัวเวียง เปิดเผยว่า ระดับน้ำที่สูงขึ้นขณะนี้เป็นภาวะปกติที่เกิดขึ้นทุกปี เนื่องจากอยู่ริมแม่น้ำน้อยและแม่น้ำเจ้าพระยา ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับผลกระทบ นอกจากการเดินทางที่บางจุดต้องใช้เรือพาย ซึ่งทุกหลังมีอยู่แล้ว โดยระดับน้ำหากสูงกว่า 1.50 ม. ก็อาจจะต้องมีการขนย้ายข้าวของบางครอบครัว เนื่องจากพื้นที่บ้านต่ำ แต่ส่วนใหญ่พื้นบ้านสูงเกือบทั้งหมด
เผยเตรียมแผนอพยพไว้พร้อมแล้ว
นายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ระดับน้ำวันนี้ สูงขึ้น 5-10 ซม. เท่านั้น ทำให้ระดับน้ำใน อ.เสนา บางบาล และผักไห่ บางหมู่บ้านมีน้ำล้นตลิ่ง แต่ยังไม่พบว่ามีการอพยพ อย่างไรก็ตามทางจังหวัดได้เตรียมแผนป้องกันเอาไว้แล้ว โดยทุกหมู่บ้านจะมีผู้นำ แล้วรายงานไปยังผู้ใหญ่บ้านกำนัน เทศบาล เพื่อขอความช่วยเหลือตามลำดับ ซึ่งหากสถานการณ์รุนแรงทุกหมู่บ้านก็จะอพยพคนไปยังศาลาที่มีการสร้างเอาไว้
อยุธยาสั่งถ่ายภาพบ้านเรือน6อำเภอ
นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.อยุธยา ได้สั่งการไปยังนายอำเภอ บางบาล เสนา ผักไห่ บางปะอิน บางไทรและ อ.พระนครศรีอยุธยา รวม 6 อำเภอ ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ และถูกน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งในช่วงฤดูน้ำเหนือไหลหลากลงมาเป็นประจำ ประสานกับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. และ เทศบาล ถ่ายทำประวัติ บ้าน ทรัพย์สิน เรือ นาข้าว พืชสวน ก่อนน้ำท่วม ระหว่างน้ำท่วมและหลังน้ำท่วม เพื่อเป็นหลักฐานการช่วยเหลือเยียวยาตามความเป็นจริงและเป็นธรรมแก่ผู้ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าการช่วยเหลือจ่ายเงินชดเชยเยียวยาเกิดการร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเป็นจำนวนมาก และวิตกว่าจะมีการแจ้งความเสียหายเกินความเป็นจริง สร้างความเสียแก่ภาครัฐ
ท่วมทุ่งนาพรหมพิรามกว่า3หมื่นไร่
นายระพี ผ่องบุพกิจ ผวจ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า น้ำจากสุโขทัยกำลังไหล่บ่าท่วมทุ่งนาในเขตทางเหนือด้าน อ.พรหมพิราม ที่คลองเมม หรือแม่น้ำยมสายเก่าล้นตลิ่ง เริ่มท่วมพื้นที่ใน 4 ตำบลของ อ.พรหมพิราม ได้แก่ ต.วังวน หนองแขม พรหมพิราม ท่าช้าง เนื้อที่ 30,000 ไร่ โดยส่วนใหญ่ท่วมพื้นที่ทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวแล้ว เนื่องจากทางจังหวัดได้ออกประกาศเตือนล่วงหน้า 2 สัปดาห์ ขณะนี้น้ำแช่อยู่บางระกำ 250 ล้าน ลบ.ม. คาดว่าน่าจะอยู่เป็นเดือน เพราะพื้นที่เป็นแก้มลิง ทั้งนี้ หากไม่ยอมให้ท่วม น้ำก็บ่าเข้าเขตเศรษฐกิจของ จ.สุโขทัย
พบร่างแรงงานเขมรถูกน้ำซัดที่เกาะช้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดฝนตกหนักใน อ.เกาะช้างตลอด2 วันที่ผ่านมาทำให้เกิดน้ำท่วม ต.เกาะช้าง และต.เกาะช้างใต้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ไม่สามารถเดินทางออกมาได้ โดยพื้นที่ที่หนักที่สุดคือ บ้านธารมะยมที่เกิดน้ำป่าไหลหลาก และได้พัดบ้านพักคนงานของโรงน้ำแข็งที่พักอาศัยอยู่ 3 คนหายไป และบ้านพังทั้งหลัง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือ และสามารถช่วยเหลือมาได้ 2 คน และมาพบผู้เสียชีวิตแล้ว คือนายลีเจียง อายุ 45 ปี คนงานชาวกัมพูชา
เกาะช้างใต้ถูกตัดขาด
นายพีระ เอี่ยมสุนทร นายอำเภอเกาะช้าง ยอมรับว่า ถนนสายสำคัญที่เชื่อมไปยัง ต.เกาะช้างใต้ และถนนบางช่วงชำรุดจากการถูกน้ำท่วมกัดเซาะ ซึ่งรถยนต์ไม่สามารถเดินทางไปได้ทำให้ ต.เกาะช้างใต้ถูกตัดขาดทันที อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น้ำท่วมเกาะช้างขณะนี้เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เนื่องจากน้ำได้ไหลลงสู่ทะเลอย่างรวดเร็ว และไม่มีฝนตกลงมาซ้ำอีก และเจ้าหน้าที่จะประสานกับชาวบ้านเคลียร์พื้นที่ต่อไป
พบศพนักท่องเที่ยวที่น้ำตกนางรองแล้ว
ที่ จ.นครนายนก จากกรณี นายต่วน ดวงเขียว อายุ 37 ปี เป็นพนักงานบริษัท เนเจอร์คอนเนอร์ กรุงเทพฯ นักท่องเที่ยวที่แอบขึ้นน้ำตกนางรองแล้วถูกกระแสน้ำพัดหายไปตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยจุดหินตั้ง ได้ระดมอาสาสมัครกว่า 30 นาย ร่วมกันค้นหานั้น ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้พบร่างของนายต่วนแล้ว โดยเสียชีวิตติดอยู่กับกอไม้ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 ม.
เพื่อนผู้ตายเล่านาทีระทึก
นายวิษณุ สิงอังกุระ อายุ 45 ปี เพื่อนของผู้ตาย กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. วันเกิดเหตุ ซึ่งทางอุทยานยังไม่เปิดให้บริการ นายต่วน และเพื่อนๆ รวมกัน 4 คน ได้ออกมาจากรีสอร์ตที่อยู่บริเวณด้านหน้าปากทางเข้าอุทยานน้ำตกนางรอง เดินขึ้นมาเพื่อชมบรรยากาศธรรมชาติและออกกำลังกาย จนกระทั่งมาถึงยังสะพานจุดชมวิว ได้เห็นนายต่วนได้ลงนอนราบด้านล่างบริเวณโขดหิน ซึ่งตนได้เรียกให้ขึ้นมา เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย สักพักก็เห็นนายต่วนไหลไปกับกระแสน้ำ หายไปต่อหน้าต่อตา
เขื่อนสิริกิติ์ปรับแผนปล่อยน้ำวันละ2ลบ.ม.
ที่ จ.อุตรดิตถ์ ดร.สุเทพ เลิศศรีมงคล ผู้อำนวยการเขื่อนสิริกิติ์ เปิดเผยว่า ทางเขื่อนได้ปรับแผนการระบายน้ำตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์จริงในปัจจุบัน โดยตั้งแต่วันที่ 8-14 กันยายน มีการปรับแผนการระบายน้ำลดเหลือเพียง 2 ล้าน ลบ.ม./วัน เท่านั้น เพื่อการอุปโภค-บริโภค และช่วยเหลือการเลี้ยงปลาในกระชังเท่านั้น ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อเหตุการณ์น้ำขึ้นสูงในพื้นที่ภาคกลางอย่างแน่นอน
นายกฯ สั่งมท.เร่งดูแลประชาชน
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย(มท.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ มท. โดยกรมป้องกันและบรรเทาสารณภัย(ปภ.) กรมโยธาธิการและผังเมือง นายอำเภอ รวมถึงระดับตำบล หมู่บ้าน และร่วมกับส่วนราชการอื่นๆ เช่น ทหารตำรวจ กรมชลประทาน กระทรวงสาธารณสุข ทำงานร่วมกันในการป้องกันและช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยส่วนของจังหวัดมี ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ประสานงาน ส่วนจังหวัดที่ยังไม่ท่วมก็ต้องจับตาปริมาณน้ำฝนหรือน้ำที่อยู่เหนือเขื่อน ซึ่งจะไหลลงสู่ข้างล่าง
คาดท่วมเฉพาะ.พื้นที่ลุ่มต่ำเหมือนที่เคย
นายวิบูลย์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ คาดการณ์ได้ว่า น้ำคงจะท่วมใต้เขื่อนเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ซึ่งเป็น ที่รู้กันทุกปียกตัวอย่างเช่น ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา หรือ อ.เสนา อ.ผักไห่ บางส่วน ส่วนทางด้านอื่นถ้าไม่ได้ผันออกไปทางสุพรรณ สิงห์บุรี ลพบุรี ก็คาดว่าจะไม่มีผลกระทบเราต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ และให้ความช่วยเหลือต่อไป
ปภ.สรุปเหลือ5จว.ประสบอุทกภัย
ทางด้าน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดี ปภ. เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม จนถึงปัจจุบัน เกิดสถานการณ์อุทกภัยใน29 จังหวัด 73 อำเภอ 181ตำบล 761 หมู่บ้านประชาชนได้รับผลกระทบ 15,087 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 10 รายขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 24 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 5 จังหวัด 14 อำเภอ 58 ตำบล ได้แก่ สุโขทัย เชียงราย ตาก นครสวรรค์ และพิจิตร ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังและทรัพยากร ออกปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ พร้อมเร่งตรวจสอบและสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี