ลอบค้าเลื่อยยนต์เถื่อน
‘วิลาศ’แฉ
ใช้โค่นป่าภาคอีสาน
ปูด‘บิ๊กทหาร’เอี่ยว
เตรียมหอบหลักฐาน
แจ้ง‘ดาว์พงษ์’เชือด
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต สส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) แถลงข่าวเปิดโปงข้อมูลกระบวนการตัดไม้ทำลายป่าในภาคอิสาน หลังได้ข้อมูลจากผู้หวังดีว่ามีการลักลอบนำเข้าเลื่อยยนต์ผิดกฎหมาย
โดยนายวิลาศกล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น และป้องกันการบุกรุกป่าเป็นเรื่องเร่งด่วนนั้น ตนพร้อมให้การสนับสนุน ซึ่งช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ตนรับทราบข้อมูลจากผู้หวังดีว่ามีการลักลอบน้ำเข้าเลื่อยยนต์ผิดกฎหมาย จึงได้ประสานกับนายทหารระดับนายพล 3-4 คน ที่ดูแลในพื้นที่ดังกล่าว พร้อมจัดทีมลงหาข้อมูล กับนายทหารระดับนายพัน 2-3คน ไปยังร้านขายของแห่งหนึ่ง โดยตนทำทีไปขอซื้อโซ่เลื่อยยนต์ 1 เครื่อง อ้างว่าจะนำไปตัดต้นยาง และแอบอัดเทปการพูดคุยและถ่ายภาพไว้ด้วยซึ่งทางร้านได้แนะนำใบเลื่อยขนาดต่างๆ และวิธีการใช้ว่า ถ้าต้องการตัดต้นไม้ขนาด 3-4 คนโอบต้องใช้ใบเลื่อย (บาร์) ขนาด 20-30 นิ้ว โดยทางร้านก็มีขายสามารถสั่งซื้อได้ไม่เกินพันเครื่อง
นายวิลาศ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลที่ได้มา เชื่อว่าสินค้าที่อยู่ในร้านเป็นเครื่องที่ผิดกฎหมายและหลบหลีกภาษีด้วย โดยเจ้าของร้านนำเครื่องมาเสนอตนมี 2 ยี่ห้อคือ สติล ผลิตในประเทศเยอรมัน และมากีต้า ผลิตในประเทศญี่ปุ่น แต่เมื่อมาดูกลับพบว่าทั้งสองยี่ห้อผลิตในประเทศจีน ทั้งที่ในช่วงปิดป่าของพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตรมว.เกษตรและสหกรณ์ในสมัยนั้นออกกฎหมายห้ามนำเข้าเลื่อยยนต์เด็ดขาด จนเมื่อเมืองไทยมีการทำสวนยางจำนวนมาก ก็ได้อนุญาตให้นำเข้าขนาดไม่เกิน 12 นิ้ว
ทั้งนี้ หลังตนได้ข้อมูลบางส่วนแล้ว ก็นำมาพูดคุยกับนายทหารระดับนายพลในพื้นที่ถึงพฤติกรรมร้านค้าดังกล่าว ปรากฎว่าผ่านไป 1 เดือนก็ยังไม่มีความคืบหน้า กระทั่งวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ตนกลับไปยังร้านค้าดังกล่าวอีกครั้ง แต่พบว่ามีเหตุการณ์ไม่ปกติคือ ก่อนหน้านี้ ร้านค้าไม่มีกล้องวงจรปิด แต่กลับไปอีกครั้งพบว่ามีการติดตั้งกล้อง 3-4 จุด จึงไม่สามารถถ่ายรูป และอัดเทปได้เหมือนกับมีการใช้เครื่องตัดสัญญาณ และเมื่อตนไปถึงร้านก็มีคนเดินประกบตลอด
“มีประโยคหนึ่งผมถามไปว่า รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่ทำผิดกฎหมาย ก็มีคนที่อยู่ในร้านพูดกลับออกมาประโยคหนึ่งว่า “ทหารก็กินข้าวเหมือนกัน” กับประโยคที่ว่า” เรื่องนี้เคลียร์ได้กับทุกระดับ” และยังมีอีกหลายประโยคที่ผมพูดไม่ได้ เพราะไม่ได้อัดเทป เกรงว่าจะเป็นการใส่ร้าย ผมจึงอยากตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าเป็นเช่นนี้นโยบายปราบปรามทุจริตของพล.อ.ประยุทธ์จะทำได้จริงหรือไม่ เพราะถือว่าข่าวรั่วหรือไม่ เนื่องจากคนที่รู้เรื่องนี้มีทีมงานผม 4 คน ส่วนที่เหลือเป็นนายทหารระดับใหญ่ทั้งหมด แต่เชื่อว่าไม่ได้รั่วจากตรงนั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นไปคุยกับใครบ้าง ก็อยากฝากนายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้รีบแก้ไข เพราะจะกลายเป็นว่าพวกที่ใจถึง เงินถึง บารมีถึง จะอยู่รอดปลอดภัย นโยบายก็ไร้ประโยชน์”นายวิลาศกล่าว
และยืนยันว่า ตนมีทั้งภาพถ่าย มีรายชื่อที่ชัดเจนพร้อมกับมีเสียงการสนทนาว่าเกี่ยวข้องโยงถึงใครบ้างหรือเป็นพวกปฏิบัติหรือไม่ ตนจะให้เวลารัฐบาลสะสาง 1 สัปดาห์ จากนั้นถ้าไม่คืบหน้า ตนจะเปิดเผยผ่านสื่อว่ามีนายทหารชื่ออะไรบ้าง เข้าเป็นพระเอกในเรื่องนี้ และช่วงบ่ายวันที่ 20 ตุลาคม ตนจะเข้าพบพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ข้อมูลและพบนายทหารที่เกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนถึงเวลาที่นายวิลาศจะเปิดแถลงข่าว มีโทรศัพท์จากระดับ บิ๊กทหารคนหนึ่ง โทรเข้ามาขอร้องไม่ให้นายวิลาศแถลง แต่ให้นำข้อมูลมาดูและมาพูดคุยกันก่อน เพื่อความรอบคอบ ซึ่งนายวิลาศตอบปฏิเสธไปว่า นัดนักข่าวไว้แล้ว และยืนยันไปว่าปรารถนาดีต่อรัฐบาลชุดนี้ และอยากสนับสนุนการปราบปรามพวกตัดไม้ทำลายป่า และบอกด้วยว่าถ้าตนไม่ทำอะไรเลย จะทำให้ผู้ปฏิบัติงานระดับล่างไม่มีกำลังใจในการทำงานและขาดแรงกระตุ้นไปถึงระดับบน และยอมรับว่างานนี้เสี่ยง เพราะเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล ขนาดตนเป็นอดีต ส.ส.ลงไปหาข้อมูลครั้งที่สองยังถูกตามประกบ แม้พฤติกรรมไม่ใช่การข่มขู่ แต่ก็เหมือนการข่มขู่
ทั้งนี้ ระหว่างแถลงข่าวนายวิลาศนำเครื่องโซ่เลื่อยยนต์ขนาด 12 นิ้ว พร้อมทั้งแผ่นซีดีที่มีการบันทึกเสียงการพูดคุยสนทนา และภาพนิ่งที่ถ่ายเป็นหลักฐานระหว่างลงพื้นที่หาข้อมูลมาประกอบการแถลงด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี