คุมผัวเมียอำมหิตทำแผน
ฆ่าโหดญี่ปุ่น!
ผลักตกบันไดเหยียบคอซ้ำ
ทำทีเรียกคนมาช่วย
ตำรวจนำตัวฝากขัง
ไร้คนประกันนอนคุก
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 25 ตุลาคมพล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา รรท.ผช.ผบ.ตร. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมชัย อินตาพวง รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ผกก.สภ.บางพลี และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ได้เบิกตัว นายสมชาย แก้วบางยาง อายุ 47 ปี และ นางพรชนก ไชยะปะ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าหั่นศพ นายโยชิโนริ ชิมาโตะ อายุ 79 ปี ครูสอนภาษาชาวญี่ปุ่น มาจาก สภ.บางเสาธง เพื่อมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่อาคารพาณิชย์ หมู่ 9 ถ.บางนา-ตราด กม.18 ฝั่งขาเข้า ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังจากที่ นายสมชาย รับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่านายคัตซึโตชิ ทานากะ อดีตสามีชาวญี่ปุ่นคนที่สองของนางพรชนก เมื่อต้นเดือนตุลาคม ปี 2546 ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการอำพรางว่าเสียชีวิตจากอุบัติเหตุตกบันได
ตั้งวงเหล้าก่อนเข้านอน
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ปลูกติดกันหลายคูหา เจ้าหน้าที่คุมตัวนายสมชายลงมาชี้จุดเกิดเหตุ โดยนายสมชาย ให้การว่า ในวันเกิดเหตุ ตนได้เดินทางมาตั้งวงดื่มสุรากับ นายคัตซึโตชิ นางพรชนก(ขณะนั้นใช้ชื่อว่า เพ็ญศรี ทานากะ) นายสมศักดิ์ แซ่ลิ้ม น้องชายของตน และนายวิชัย แซ่ลิ้ม พ่อของตน โดยที่นายคัตซึโตชิ ไม่ทราบมาก่อนว่าตนเป็นสามีคนแรกของนางพรชนก เมื่อดื่มเสร็จก็แยกย้ายกันไปเข้านอน ซึ่งพ่อและน้องชายของตนนอนที่ชั้นลอยระหว่างชั้น 2 กับชั้น 3 ส่วนนายคัตซึโตชิกับนางพรชนก นอนอยู่บนชั้น 4
สุดโหด!ผลักตกบันได-เหยียบคอซ้ำ
กระทั่งกลางดึกตนได้มาดักรอนายคาชิโตชิ ที่บันไดชั้น 3 ครึ่ง จนกระทั่งเห็นนายคัตซึโตชิ ลุกออกจากห้องนอน เพื่อมาเข้าห้องน้ำชั้น 3 ที่อยู่ติดบันได ตนจึงตัดสินใจขัดขานายคาชิโตชิ แล้วผลักจนตกบันไดทันที จากนั้นได้นำศีรษะของนายคาชิโตชิ ใส่เข้าไปบริเวณช่องซี่กรงราวบันได ก่อนเหยียบคอจนขาดอากาศหายใจ เมื่อเห็นนายคัตซึโตชิแน่นิ่ง ใบหน้าเขียวคล้ำ จึงทำทีเรียกคนในบ้านแล้วบอกว่า นายคัตซึโตชิ ตกบันไดให้รีบมาช่วย จากนั้นนางพรชนก ก็รีบลงมาดู ต่อด้วยพ่อและน้องชาย แล้วตนกับนางพรชนก ก็ช่วยกันลากร่างของนายคัตซึโตชิ ลงมาข้างล่าง ก่อนที่ทุกคนเห็นว่านายคัตซึโตชิ เสียชีวิตแล้ว จึงออกจากบ้านแล้วขับแท็กซี่ออกไปทันที ส่วนนางพรชนก ก็ดำเนินการแจ้งความว่าเป็นอุบัติเหตุ ส่วนสาเหตุที่ลงมือฆ่าทั้งนายคาชิโตชิ ทานากะ และนายโยชิโนริ ชิมาโตะ นั้น เป็นเพราะความหึงหวง และต้องการทรัพย์สินของผู้ตาย
น้องผัวแฉ“พรชนก”สั่งพยานโกหก
ด้าน นายสมศักดิ์ แซ่ลิ้ม น้องชายของนายสมชาย ระบุว่า มีบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีการตายของนายคัตซึโตชิ 2 คน คือนางพรชนกกับนายสมชาย พร้อมยืนยันว่า ในคืนวันเกิดเหตุ ผู้ตายและนางพรชนกได้มีปากเสียงกัน ก่อนจะพบผู้ตายนอนเสียชีวิตอยู่ที่บันได หลังเกิดเหตุ ก็พบว่า นางพรชนกกับนายสมชาย ยืนอยู่ที่ศพ ต่อมา นางพรชนกได้บอกพยานทุกคนให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ และกำชับไม่ให้บอกว่ามีนายสมชายอยู่ในเหตุการณ์ด้วย
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหาเพิ่มต่อนายสมชายและนางพรชนก ว่าร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน โดยพนักงานสอบสวนจะได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปโดยเร็วที่สุด
หิ้วสองผัวเมียฝากขังครั้งแรก
ต่อมาเมื่อเวลา 10.00น. วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท. สุศรันย์ ศรีบุญเจริญชัย พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ควบคุมตัวนาย สมชาย และนาง พรชนก ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่านาย โยชิโนริ ครูสอนภาษาชาวญี่ปุ่น มายื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาลผัดแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม-5 พฤศจิกายน เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ยังต้องรอสอบพยานเพิ่มเติมอีก 10 ปาก รอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง และรอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา
โดยคำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ผู้ต้องหาทั้งสองว่า เมื่อวันที่ 21 กันยายน 57 นางพรชนกได้พานายโยชิโนริที่มีอาการป่วยไปรักษาที่ รพ.บางนา 2 เมื่อแพทย์จะรับตัวผู้ตายไว้ทำการรักษา แต่นางพรชนกขอพาผู้ตายออกจาก รพ. ต่อมาวันที่ 14 ตุลาคม นายเท็ตซูโอ ชิมาโต บุตรชายผู้ตายได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวางว่า บิดาหายตัวไป โดยที่ห้องพักที่ศรีวราแมนชั่น แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. มีลักษณะพิรุธ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ พบบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียชีวิต ถูกนางพรชนกนำไปกดถอนเงินตามสถานที่ต่างๆ รวม 14 ครั้ง เป็นเงิน 720,000 บาท จึงจับกุมนางพรชนกพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ
ต่อมา นางพรชนกได้รับการประกันตัว และหลบหนีไปพร้อมกับนายสมชาย ซึ่งเจ้าหน้าที่เห็นว่าในคดีนี้มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับญี่ปุ่น จึงใช้อำนาจตามกฏอัยการศึกเชิญทั้งคู่มาซักถามอีกครั้ง ปรากฏว่านายสมชายรับสารภาพว่าฆ่าหั่นศพนายโยชิโนริที่บ้านพักของนางพรชนก จากนั้นได้ร่วมกันนำชิ้นส่วนศพไปทิ้งที่คลองบางนาง ทิ้ม หมู่ 7 ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ และได้นำสมุดบันทึก บัตรเครดิต 5-6 ใบ คีย์การ์ดที่พัก นามบัตรไปเผาทิ้ง และนำเงินสดจำนวน 3,000 บาทของผู้เสียชีวิตไป
จากนั้น เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบจุดที่ทิ้งศพ พบชิ้นส่วนศพนายโยชิโนริ ถูกชำแหละแยกบรรจุ 4 ถุง ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า ดีเอ็นเอของศพดังกล่าวตรงกับของนายเท็ตซูโอ บุตรชาย พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับ และจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองดำเนินคดี พร้อมแจ้งข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ร่วมกันลอบฝังซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิด การตาย หรือเพื่อปิดบังการตายหรือสาเหตุการตาย, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนหรือรับของโจร, ร่วมกันกระทำการใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรศพเสร็จสิ้น ในการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดี, ร่วมกันทำให้เสียหายทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ เอกสารใดของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ในชั้นสอบสวนนางพรชนกให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนนายสมชายให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา
ค้านประกัน-หวั่นหลบหนี
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ และเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อีกทั้งเกรงว่าหากได้รับการปล่อยตัวผู้ต้องหาอาจจะหลบหนี นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังขอรับตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาควบคุมไว้ที่ กก.สส.ภจ.สมุทรปราการ 7 วัน เพื่อขยายผลและรวบรวมหลักฐานต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก
ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาทั้งสองแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ ส่วนที่ผู้ร้องขอรับตัวผู้ต้องหากลับไปควบคุมไว้นั้น ตามคำร้องฝากขังนายสมชาย ผู้ต้องหาที่ 1 ให้การรับสารภาพและได้มีการเก็บพยานหลักฐานในคดีนี้ไว้บางส่วนจนผู้ร้องสามารถสอบสวนขยายผลได้โดยไม่ปรากฏเหตุจำเป็นที่ต้องนำตัวผู้ต้องหาไปควบคุมไว้อีกให้ยกคำร้องในส่วนนี้
ไร้ญาติยื่นประกัน-ส่งตัวเข้าคุก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ไม่มีญาติหรือทนายความของผู้ต้องหาทั้งสองมายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวนายสมชายไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ส่วนนางพรชนกถูกแยกไปควบคุมไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง บางเขน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี