คณะตะลอนทัวร์ Sook travel ที่จัดโดยศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ได้เคลื่อนทัพมายังชุมชนมอญบางกระดี่ โดยคราวนี้ได้ใช้ชื่อกิจกรรมว่า “ตะลอนทัวร์บางกระดี่ ชีวิตดี๊ดี”
ทำให้ทุกคนในคณะทัวร์ได้รับรู้กันว่า เมื่อครั้งรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ คนกลุ่มแรกที่มาตั้งถิ่นฐาน ใน “ชุมชนบางกระดี่” คือทหารมอญที่อพยพมายังประเทศไทย พวกเขาได้มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารตั้งรกราก และอาศัยบนแผ่นดินไทยเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ชาวบ้านในชุมชนได้สร้างอาชีพทำกินและยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมในแบบมอญไว้อย่างเข้มแข็งซึ่งปัจจุบันชุมชนบางกระดี่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความเป็นมอญอย่างแท้จริง
เราเริ่มต้นกันที่วัดบางกระดี่ เพื่อนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประจำท้องถิ่น โดย นายธวัชพงศ์ มอญดะ ผู้ก่อตั้งศูนย์ศิลปวัฒนธรรมมอญบางกระดี่ได้เล่าถึงความโดดเด่นของวัดบางกระดี่ว่า พระภิกษุยังคงรักษาระเบียบวินัยสงฆ์อย่างเคร่งครัด สวดมนต์เป็นภาษามอญอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เพราะปกติพระจะสวดเฉพาะภาษาบาลีเท่านั้น เรายังได้รู้ว่า ทุกวันพระชาวมอญที่นี่ทั้งชายและหญิงจะหยุดทำงานเพื่อมาทำบุญที่วัด โดยแต่งกายด้วยชุดมอญเป็นการแสดงถึงศรัทธาในพระพุทธศาสนาของชาวมอญที่สืบทอดมาแต่อดีต สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด คือ พระประธานปางมารวิชัยแกะสลักตามศิลปะมอญด้วย “ไม้พรมมา” อายุ 130 ปี โดยใช้ช่างฝีมือจากพระประแดง เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ที่อยู่คู่ชุมชนมาช้านาน
“ในประเทศไทยมีวัดมอญประมาณ 4,000 กว่าวัดที่วัดบางกระดี่จะมีหอสวดมนต์ ซึ่งในสมัยก่อนจะมีการสวดมนต์ทำน้ำอมฤตด้วยบทสวดพระปริตร เพื่อไถ่บาปจากการออกรบ” นายธวัชพงศ์เล่าความสำคัญของวัดมอญแห่งนี้
จากนั้นคณะทัวร์ได้เข้าชม “ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมมอญบางกระดี่” ซึ่งนายธวัชพงศ์ได้จัดบริเวณบ้านเพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์อนุรักษ์ความเป็นมาของชาวมอญ โดยรวบรวมเครื่องใช้ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิถีความเป็นอยู่ เช่น พิธีแต่งงานพิธีบวชนาค พิธีรำผี พิธีงานศพ เพื่อคงไว้มิให้สูญหายโดยจุดเริ่มต้นของการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์เกิดขึ้นเมื่อ 19 ปีก่อน
“เริ่มตั้งพิพิธภัณฑ์ตั้งแต่สมัยเริ่มบวชเรียน เพราะเห็นรถรับซื้อของเก่ามากว้านซื้อของโบราณในชุมชนแล้วเกิดความเสียดายในวัฒนธรรมปู่ย่า หลังจากลาสิกขาบทจึงใช้พื้นที่ด้านล่างของบ้านตัวเองดัดแปลงสร้างพิพิธภัณฑ์เพื่อรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ในชุมชน และจากชาวมอญที่อื่น มาจัดแสดงและอนุรักษ์ไว้”
ภายในพิพิธภัณฑ์ได้มีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โดยจัดวางตามหมวดหมู่ตามพิธีกรรม เช่น ข้าวของเครื่องใช้ในพิธีรำผี ทางพิพิธภัณฑ์ก็ได้การรวบรวมและให้ข้อมูลแก่ผู้ที่มาเยี่ยมชม โดยการนับถือผีเป็นเอกลักษณ์ของวิถีชีวิตของชาวมอญ ทำให้ลูกหลานมีจิตสำนึกรักในบรรพบุรุษของตนถือเป็นการควบคุมความประพฤติของคนในครอบครัว
“ลูกคนโตของตระกูลจะเป็นผู้สืบทอดต้นผี ในตระกูลหนึ่งจึงมีเสาผีเพียงบ้านเดียวเท่านั้น โดยต้นผีจะดูแลคนทั้งตระกูล ระวังไม่ให้ทำผิดรีตรอยของมอญ หากคนในตระกูลเกิดละเมิดข้อห้ามใด เช่น มีหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ใช่ลูกสาวของบ้านนั้นเผลอไปยืนพิงเสาบ้านหรือนอนในบ้านหลังนั้น เชื่อว่าจะทําให้สมาชิกในตระกูลนั้นเจ็บป่วย และจะต้องรําผีเพื่อขอขมาต่อผี แต่พิธีการดังกล่าวชาวมอญถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น ฝ่ายผู้หญิงเองจึงควรสงวนตัวและรู้ว่าอะไรควรไม่ควรเพื่อไม่ให้สมาชิกในครอบครัวเดือดร้อน” นายธวัชพงษ์ เล่าถึงความสำคัญของการนับถือผี
“รูปปั้นหงส์คู่” เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของชาวมอญที่เห็นได้ทั่วไปในชุมชนบางกระดี่ โดยหงส์ทั้งคู่จะหันหน้าไปทางทิศที่ตั้งกรุงหงสาวดี เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงถิ่นฐานในอดีตของชาวมอญในประเทศพม่า เป็นที่มาของเหตุผลที่หลายบ้านนิยมประดับหงส์ไว้เพื่อไม่ให้ลูกหลานลืมรากของตนนั่นเอง
ด้านวัฒนธรรมทางดนตรีของชาวมอญ วงทะแยมอญ คณะหงส์ฟ้ารามัญ ที่จัดตั้งมาแล้วกว่า 30 ปี นำโดยนายกัลยา ปุงบางกระดี หัวหน้าคณะฯ ได้เล่าให้ฟังว่าการขับร้องมอญมีมากว่า 200-300 ปีแล้ว “ทะแยมอญ” เป็นชื่อที่คนไทยเรียกการแสดงของคนมอญ ซึ่งเพี้ยนมาจากคำแต็ะแหฺย็ะฮ์ ในภาษามอญ หมายถึง การขับร้อง ส่วนที่มีการจัดตั้งคณะหงส์ฟ้ารามัญขึ้นมาก็เพื่อสืบสานการขับร้องในแบบฉบับชาวมอญ ซึ่ง ณ ตอนนี้หงส์ห้ารามัญนับเป็นวงดนตรีมอญวงเดียวที่เหลืออยู่ในประเทศไทย
“เราเล่นเครื่องดนตรีเกือบทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็นจะยาม (จะเข้) ปุงตัง (เปิงมาง) อะโลด (ขลุ่ย) หะเด (ฉิ่ง)และโกรเจิกป๊อย (ซอสามสายมอญ) และคงความเป็นเอกลักษณ์ด้วยการใช้คนขับร้องเป็นชาย 2 คน และหญิง 2 คน เป็นลูกหลานมอญของเราเอง”
เมื่อรากฐานทางวัฒนธรรมได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น “บางกระดี่” จึงเป็นอีกชุมชนมอญในประเทศไทยที่มีความเข้มแข็ง งดงาม และคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์อย่างไม่เสื่อมคลาย
ปานมณี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี