28 ม.ค.58 เมื่อเวลา 12.30 น. พลตำรวจโทประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ในอำเภอสวนผึ้งเพื่อติดตามผลการเข้าตรวจสอบการกระทำความผิดการรุกล้ำพื้นที่ป่า และการสร้างฝายเก็บกักน้ำเพื่อใช้ในธุรกิจส่วนตน โดยมี พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รรท.ผบช.ก.) และพลตำรวจโทรวีระพงษ์ ชื่นภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภาค 7 และ พันตำรวจเอก มนตรี แป้นเจริญ รอง ผบก.ปทส. เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาลงที่ ลานสนามอเนกประสงค์หน้าโรงเรียนสินแร่สยาม ตำบลสวนผึ้ง พร้อมนำทีมสื่อมวลชน ร่วมกับ เจ้าหน้าที่กรมธนารักษ์ และเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลพัฒนาท 1 ค่ายศรีสุริยวงศ์เจ้าหน้าที่ทหารจากกรมการทหารช่างราชบุรี เข้าตรวจสอบบริเวณฝายกั้นลำน้ำห้วยบ่อ ตำบลสวนผึ้ง ที่ทางผู้ประกอบการสวนผึ้งรีสอร์ทได้ก่อสร้างเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในประโยชน์ส่วนตน ส่งผลให้ชาวบ้านในพื้นที่ท้ายน้ำ ได้รับความเดือดร้อน พร้อมทั้งขึ้นไปตรวจสอบอาคารรีสอร์ทที่ก่อสร้างด้วยหิน ที่มีปล่อยให้นักท่องเที่ยวเข้าพักด้วยราคาสูงถึง 1 แสน บาทต่อคืน ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ ปทส.ได้ตำกับยึดไว้เป็นของกางและอยู่ในระหว่างการดำเนินคดี
จากนั้นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางเข้าตรวจสอบฝายกั้นน้ำที่ ทาง Veneto ตลาดน้ำสวนผึ้ง ที่ทาง ปทส.ได้ตรวจสอบและทำการอายัดไว้ โดยมีการสร้างฝายและสิ่งกีดขวางรุกล้ำลำน้ำ จนส่งผลกระทบเดือดร้อน่อชาวบ้านจากการร้องเรียน พร้อมทั้งมอบให้ทางอำเภอและ กรมธนารักษ์และป่าไม้ ตรวจสอบพื้นที่โดยอย่างระเอียด โดยเฉพาะการรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ป่าไม้ที่ไม่ได้รับใบอนุญาตให้ครอบครองและมีการก่อสร้างอาคารหรือสถานที่ก็ให้ทำการตรวจยึดและดำเนินคดีต่อไป
นอกจากนี้ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เดินทางเข้าไปตรวจการสร้างฝายรุกน้ำลำน้ำที่ภูผาผึ้งรีสอร์ท ที่ทาง ปทส.ได้ทำการตรวจพบเช่นกัน ซึ่งภูผาผึ้งได้มีการก่อสร้างด้วยการเทซีเมนต์เป็นแนวยาวขวางลำน้ำในห้วยเพื่อชะลอน้ำ และเก็บกักน้ำไว้ใช้เองในธุรกิจส่วนตน สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านในตำบลสวนผึ้งได้มีการร้องเรีนไปยังหน่วยงานต่างๆแต่ก็ไม่ได้การช่วยเหลือโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ และการแอบอ้างเบื้องสูงของกลุ่มบุคคลเพื่อข่มขู่ชาวบ้าน
พลตำรวจโทรประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า หลังจากที่ชาวบ้านได้ร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมของจังหวัดราชบุรีและตำรวจกองปราบ จากความเดือดร้อนของชาวบ้านในตำบลสวนผึ้ง ที่ทางผู้ประกอบการรีสอร์ทได้มีการก่อสร้างฝายเก็บกักน้ำจนทำให้ชาวบ้านที่อยู่ท้ายน้ำได้รับความเดือดร้อนทำให้น้ำไม่มีใช้ เมื่อตรวจสอบแล้วก็พบมีผู้กระทำวามผิดหลาราย รายแรกคือที่สวนผึ้งรีสอร์ทที่อยู่ต้นน้ำซึ่งกักเก็บน้ำไว้เป็นจำนวนมากและไม่มีปรูระบายน้ำที่เหมาะสม หลังจากนี้ไปก็จะดำเนินการปรับปรุงเขื่อนนี้เพื่อให้ใช้ประโยชน์ โดให้จังหวัดเป็นผู้ดูแล โดจะดูความต้องการของผู้ใช้น้ำว่ามีวามเดือดร้อนอ่างไร นอกจากนี้ยังมีการตรวจพบอีก 3 แห่งที่มีการกระทำวามผิดลักษณะนี้เช่นกัน ซึ่งก็จะบริการจัดการไปในทิศทางเดียวกันเพื่อไม่ให้ชาวบ้านเดือดร้อน
ส่วนเรื่องการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมหรือไม่กับเจ้าของรีสอร์ทนั้น ตอนนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบรีสอร์ทเพิ่มเติมอีก 3 แห่ง เบื้องต้นที่ได้รับรายงานพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่และไม่มีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง ขณะนี้ก็ได้สั่งให้ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบอย่างระเอียดอีกครั้งเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป
สำหรับคดีของรีสอร์ทสวนผึ้ง พลตำรวจโทรประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เร่งติดตามคดี พร้อมทั้งส่งทีมเจ้าหน้าหลายฝ่าย ได้เข้ามาติดตามคดีเพิ่มเติม โดยเฉพาะการบุกรุกพื้นที่และการใช้พื้นที่ป่าบนเชิงเขาในการปลูกสิ่งก่อสร้างที่พัก ที่ผ่านมาทางกรมธนารักษ์ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้เนื่องจากโดนผู้มีอิทธิพลข่มขู่และแอบอ้างเบื้องสูงต่อเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ จนปล่อยปะละเลย ให้มีการกระทำอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งทาง ปทส. ก็ได้เข้ามาตรวจยึดและแจ้งความผิดพร้อมทั้งดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกราย นอกจากนี้ได้มอบให้ทาง ปทส.นำสัตว์ป่าสงวนที่ทำการตรวจยึดไว้เช่นกวาง ม้า ส่งให้ทางหน่วยดูแลสัตว์ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี