ต้องปรบมือดังๆ ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กับการตัดสินใจ “เลือก” ที่จะชะลอการเปิดให้ยื่นขอสัมปทานสำรวจปิโตรเลียมครั้งที่ 21 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 16 มีนาคมนี้
ออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด เพื่อให้มีการพิจารณาแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องการให้สัมปทานการสำรวจ
ขุด เจาะ แหล่งพลังงานต่างๆ ให้ประเทศไทยและคนไทยได้ผลได้รับผลตอบแทนอย่างเป็นธรรมที่สุด
เวลานี้คงยังไม่มีใครบอกได้ว่า การตัดสินใจครั้งนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง และส่งผลกระทบใดๆ ตามมาอีกหรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ และวิกฤติขาดแคลนพลังงานที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ดังที่ฝ่ายผู้สนับสนุนให้เร่งเปิดสัมปทาน ไล่มาตั้งแต่รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง กรมกองต่างๆ รวมทั้งบริษัทน้ำมัน พยายาม
ยกมาเป็นข้ออ้างในช่วงที่ผ่านมา
แต่สิ่งที่ตอบได้แน่ๆ การตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้นถูกต้องแล้ว
เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่คาใจคนไทยมาตลอดในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา คือ คำถามว่า “เรากำลังถูกเอาเปรียบจากบริษัทน้ำมันต่างๆ อยู่หรือไม่”
ไปต้องไปดูตัวอย่างจากที่ไหนไกลครับ แค่การปรับขึ้นลงของราคาน้ำมันแต่ละครั้งในช่วงที่ผ่านมาก็น่าสงสัยมากพออยู่แล้ว
ลองนึกดูสิครับ ราคาในตลาดโลกร่วงเอาๆ มานานเป็นอาทิตย์ แต่กว่าที่บริษัทน้ำมันในบ้านเราจะประกาศลดราคาลงแต่ละครั้งได้ แทบจะเรียกได้ว่ายากเย็นแสนเข็ญ ซึ่งตรงกันข้ามกับเวลาที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้นไปไม่กี่วัน บ้านเราก็ปรับไล่ตามหลังได้ทันที
ด้วยพฤติกรรมเหล่านี้นั่นแหละ ที่ทำให้คนไทยไม่เชื่อใจกระทรวงพลังงาน ไม่เชื่อใจบริษัทน้ำมัน และคิดว่า มีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น เพราะบ้านเราก็ใช่ย่อยเสียที่ไหน มีแหล่งน้ำมัน แหล่งพลังงานไม่รู้กี่แห่งต่อกี่แห่ง ดังนั้นจึงสมควรแล้วครับที่จะต้องเริ่มต้นกันเสียทีกับ “การปฏิรูปพลังงาน”
นอกจากนี้ การตัดสินใจดังกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังสะท้อนให้เห็นถึงการยอมละเลยที่จะรับฟังเสียงข้างน้อยของประชาชน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการปฏิรูปประเทศเราให้เดินหน้าต่อไป
อย่างไรก็ตาม ไหนๆ พล.อ.ประยุทธ์ ก็แสดงเจตนารมณ์ออกมาอย่างชัดเจนถึงการรับฟังเสียงประชาชนแล้ว และก่อนหน้านี้ก็ได้แสดงท่าทีอันชัดเจ้งถึงการไม่ยอมให้เกิดกรณีการทุจริตประพฤติไม่ชอบขึ้นมาอย่างเด็ดขาด
ดังนั้นบรรทัดนี้ จึงต้องขอฝากกลับไปยังนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ให้ช่วยตรวจสอบเงื่อนปมอัน “คาใจ” ของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง
นั่นคือ การตรวจสอบสัญญาซื้อขายยางในสต๊อกให้กับเอกชนของจีน ที่ว่ากันว่า มีการแอบสอดไส้สัญญาแนบท้าย เปิดทางให้เอกชน “กดราคา” รับซื้อได้ตามคุณภาพของยาง ซึ่งผลที่ตามมาไม่ได้เพียงแค่ทำให้รัฐเสียเปรียบเท่านั้น แต่ยังเท่ากับเป็นการ “กดดัน” ราคายางในตลาดให้ร่วงดิ่งเหวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีอีกประเด็น คือ การรับซื้อยางในตลาดกลางตามโครงการมูลภัณฑ์กันชนที่เอาแต่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มพ่อค้า ขณะที่เกษตรกรรายย่อยตัวจริงยังคงต้องขายในราคาต่ำอยู่เช่นเดิมต่อไป
งานนี้แว่วๆ ว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายยางดิบในโครงการดังกล่าว ได้รายงานในเบื้องต้นมาแล้วว่า ยางที่ องค์การสวนยาง (อสย.) ไปรับซื้อจากตลาดกลางมานั้น ไม่ใช่ของเกษตรกรแน่นอน เพราะมีมากถึง 3,000 ตันต่อวัน ซึ่งเกินกำลังที่เกษตรกร หรือสหกรณ์ชาวสวนยางจะสามารถผลิตได้
ดังนั้น งานนี้จึงจำเป็นต้องสะสางให้เรียบร้อย เคลียร์ออกมาให้ชัดว่า อะไรเป็นอะไร จะปล่อยให้ผ่านเลยไปไม่ได้
มันต้องคืนความเป็นธรรมให้กันบ้าง
อย่าปล่อยให้ชาวสวนยางคิดว่าตัวเองเป็นแค่ “ลูกเมียน้อย” ไม่เคยได้รับความสนใจเด็ดขาด
มะลิลา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี