เมื่อเวลา 13.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุระเบิด ที่ลานจอดรถห้างเซ็นทรัล เฟสติวัล เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ขณะนี้มีความคืบหน้ามาก เริ่มมีการจับกุมตัวผู้ก่อเหตุแล้ว ส่วนจะขยายผลถึงอดีตนักการเมืองตามที่มีรายงานข่าวหรือไม่นั้น ตนไม่รู้ ยังไม่มีรายงาน คดีนี้ต้องไว้ใจและปล่อยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่ ส่วนในช่วงวันหยุดยาว ต้นเดือนพฤษภาคมนี้ ประชาชนไม่ต้องเป็นห่วง เพราะตนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้มงวดทุกวันอยู่แล้ว ขณะเดียวกันประชาชนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีเพียงบางกลุ่มเท่านั้น แต่อย่าไปทำอะไรเลย สื่อช่วยบอกหน่อย ผู้สื่อข่าวถามว่าจะให้บอกใคร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ผมจะไปรู้ได้ยังไง บอกใครผมก็ไม่รู้”
พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาราชการแทนผู้บังคับการปราบปราม กล่าวว่า คดีนี้ มีความยุ่งยากซับซ้อน เกี่ยวข้องหลายพื้นที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)จึงมีนโยบายที่จะโอนให้กองปราบปรามเป็นหน่วยงานหลักในการทำคดี ซึ่งเบื้องต้น พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ กองปราบปราม เสนอรายชื่อชุดพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อร่วมติดตามความคืบหน้าของคดี แต่ขณะนี้ยังไม่มีหนังสือคำสั่ง ให้กองปราบปราม ทำคดีอย่างเป็นทางการ
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว ได้นำภาพสเก็ตช์ของบุคคลต้องสงสัยตามคำให้การของพยาน มายังสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน จ.ปัตตานี เพื่อตรวจสอบภาพสเก็ตช์ดังกล่าวกับภาพในแฟ้มประวัติอาชญากรรมของผู้ก่อการร้ายใน จ.ปัตตานี ซึ่งพบว่า ใกล้เคียงกับภาพของ นายอัสมีน กาเต็มมาดี และนายฮากีม ดอเลาะ 2 คนร้ายในกลุ่มแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน ที่ก่อเหตุวางระเบิดใน อ.เมือง จ.ปัตตานี 32 จุด เมื่อ ปี พ.ศ.2556 และมีหมายจับตาม พรก.ฉุกเฉิน ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี
พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนฯ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบวิธีการประกอบระเบิด และอุปกรณ์ ที่คนร้ายใช้ในการประกอบระเบิด พบว่าเป็นวิธีของแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน ที่ใช้ก่อคดีในพื้นที่ จ.ปัตตานี จึงมั่นใจว่าคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังการทำคาร์บอมบ์ ที่ห้างเซ็นทรัลฯ เป็นทีมของแนวร่วม จ.ปัตตานี ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการลงพื้นที่ จ.ปัตตานี เพื่อหาจุดเชื่อมโยง และหาหลักฐานเพื่อจับกุมคนร้าย
ด้าน พ.ต.อ.ปพนวัฒน์ ขัตติยะวรานนท์ ผกก.สภ.ยะหา เปิดเผยว่า ในส่วนของคดีปล้นรถยนต์ยี่ห้อ มาสด้า ของ อบต.ละแอ อ.ยะหา ไปประกอบเป็นคาร์บอมบ์ มีการออกหมายจับตาม พรก.ฉุกเฉิน 2 คน คือ นายอับดุลราซะ ดูมีแด พนักงานขับรถของ อบต.ละแอ และ นายอับดุลรอนิง ดือราแม พนักงานขับรถ สำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.ปัตตานี ส่วนผู้ที่ยังถูกควบคุมตัวอยู่ที่กรมทหารพรานที่ 41 จ.ยะลา อีก 2 คน เพื่อเข้าสู่ขบวนการซักถามคือนาย ซาบีดิง ซาและดิง ซึ่งควบคุมตัวจากพื้นที่ ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา และ นายคอศซาพี ดือเระ ซึ่งควบคุมตัวมาจาก จ.ปัตตานี
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวในศูนย์ซักถาม เปิดเผยว่า นายอับดุลรอนิง ดือราแม ยอมรับว่า เป็นผู้ที่ซื้อรถยนต์ยี่ห้อ อีซูซุ ดีแม็กซ์ 4 ประตู มาจากเต็นท์รถจริง โดยซื้อมาตั้งปี 2551 และได้ขายไปนานแล้ว เนื่องจากเป็นงานพิเศษ ซื้อรถมาแล้วขายเอากำไร แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ติดตามไปสอบสวนผู้ที่ซื้อรถไป พบว่ามีการขายต่อไปแล้ว จนถึงขณะนี้มีการขายไปแล้ว 5 ทอด และตอบไม่ได้ว่า สุดท้ายรถยนต์คันนี้ อยู่ในความครอบครองของใคร เนื่องจากทะเบียนรถยังเป็นชื่อของนายอับดุลรอนิง เนื่องจากยังไม่ได้มีการโอนให้กับผู้ซื้อรายแรก แต่มีการขายไปอีกหลายต่อ
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า มีประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวนมาก ที่ซื้อ-ขายรถ โดยไม่มีการโอนทะเบียนเป็นชื่อตนเอง และผู้ที่ซื้อต่อก็ไม่มีการโอนเช่นกัน ในขณะที่บางรายซื้อ-ขาย ด้วยการโอนลอยไว้ ส่วนผู้ซื้อจะขายต่อให้ใคร ค่อยดำเนินการกรอกชื่อในภายหลัง ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก ทำให้การติดตามรถทั้ง 3 คัน สร้างความสับสนให้กับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี