รุมกระทืบสไนเปอร์
ญาติ‘เปาอินทร์’แค้น
ปัดพานทิ้งไม่อโหสิ
ปักใจเชื่อคนมีสีเอี่ยว
วันที่ 25 พฤษภาคม พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 แถลงข่าวจับกุม นายเขมทัต เลิศลักขณากุล หรือ คิม มือปืนผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยาวติดลำกล้องแบบสไนเปอร์ยิง นายทิวพันธ์ เปาอินทร์ อายุ 31 ปี ลูกชาย พ.ต.อ.อนันต์ เปาอินทร์ และเป็นหลานของ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เสียชีวิตที่หน้าบ้านพักย่านนนทบุรีขณะที่ยังอุ้มลูกสาววัย 1 ขวบไว้ในอก เหตุเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม
พล.ต.ท.อำนวย กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือสังหาร นายทิวพันธ์ จริง โดยมีสาเหตุจากความแค้นใจที่ผู้ตายติดค้างเงินส่วนแบ่งจากการซื้อขายรถเอาไว้ถึง 4 ล้านบาท เมื่อถูกทวงถามก็พยายามบ่ายเบี่ยงและยังพูดข่มขู่ จึงเกิดความโกรธ ประกอบกับเห็นว่าผู้ตายมีความขัดแย้งกับบุคคลหลายกลุ่ม จึงอาศัยเป็นจังหวะปลิดชีวิตผู้ตาย
ต่อมาแวลา 15.20 น. เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุในป่าบริเวณจุดซุ่มท้ายซอยห่างจากตัวบ้านไป 120 เมตร โดยใช้เวลาทำแผนประมาณ 30 นาที จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาไปขอขมากับพ่อ แม่ และญาติพี่น้องผู้เสียชีวิต โดยพ่อกับแม่ของ นายทิวพันธ์ กล่าวกับผู้ต้องหาว่า “ไม่คิดเลยว่า คิมจะเป็นคนลงมือทำได้ ดูแลดีกันทุกอย่าง ไม่นึกเลยทำไมถึงโหดเหี้ยมเช่นนี้” ขณะที่ญาติของผู้เสียชีวิตบางคนได้เข้ามาโยนพานขอขมาทิ้ง เพราะไม่ยอมรับการขอขมา ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้น โดยบรรดาญาติและเพื่อนของผู้ตายจำนวนหนึ่งกรูเข้ามาจะรุมประชาทัณฑ์ นายเขมทัต ด้วยความโกรธแค้น แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถกันตัวเอาไว้ได้ทันและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างที่เกิดการชุลมุนกันขึ้น ยังมีญาติของผู้ตายอีกส่วนหนึ่งเดินมาที่ประตูหน้าบ้าน พร้อมกับตะโกนว่า “ไม่เชื่อหรอว่า ผู้ต้องหาจะลงมือเพียงคนเดียว ขอให้ดูอาวุธปืนก็จะรู้ว่า มีคนมีสีเกี่ยวข้องอีก” จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวผู้ต้องหาเดินทางออกจากจุดเกิดเหตุทันที
ทั้งนี้สำหรับเบื้องหลังที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวมือปืนรายนี้ได้อย่างรวดเร็ว สืบเนื่องจาก ชุดสืบสวนจากกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ที่เข้าร่วมสืบสวนคลี่คลายคดี ได้รับการประสานจากเจ้าของเต๊นท์ซื้อ-ขายรถยนต์มือสองแห่งหนึ่ง เพื่อให้ช่วยตรวจสอบรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค สีขาว ทะเบียน กน 1552 ลพบุรี เนื่องจากพบว่าประวัติการครอบครองมีพิรุธ มีการเปลี่ยนมือติดต่อกันหลายครั้ง ทั้งยังทราบข่าวจากทางสื่อมวลชนว่าคนร้ายที่ก่อเหตุยิง นายทิวพันธ์ ใช้รถยนต์ลักษณ์ใกล้เคียงกันเป็นพาหนะ จึงต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจและขอให้ช่วยตรวจสอบ
จากนั้นเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดี บก.ป. และ บช.ภ.1 ได้ร่วมกันสืบสวนจนทราบว่า รถคันดังกล่าวมีความเกี่ยวโยงกับเหตุลอบสังหาร โดยในคืนเกิดเหตุ นายเขมทัต เป็นผู้ขับรถคันดังกล่าวไปลงทางด่วนดาวคะนอง ก่อนมีการนำไปเปลี่ยนป้ายทะเบียนจากป้ายแดงเป็นป้ายขาวทะเบียน กน 1552 ลพบุรี แล้วย้อนกลับมาขึ้นทางด่วนดาวคะนองอีกครั้ง เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังออกติดตามจับกุม นายเขมทัต ได้ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านเจริญกรุง โดยผู้ต้องหาได้รับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือสังหาร นายทิวพันธุ์ จริง และลงมือเพียงคนเดียวไม่มีใครจ้างวาน ส่วนอาวุธปืน ถูกนำไปทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยาไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การดังกล่าว ซึ่งจะมีการสอบสวนเพื่อขยายผลต่อไป
ขระที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวว่า ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อง่ายๆ ว่า นายเขมทัต เป็นคนยิง เพราะจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เชื่อว่าคดีนี้มือปืนน่าจะเป็นระดับนักแม่นปืน ไม่เชื่อว่า นายเขมทัต จะยิงปืนแม่นขนาดนั้น ไม่น่าจะมีศักยภาพในการใช้อาวุธยิง จึงสั่งการให้ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 สืบสวนคดีจนถึงที่สุด ส่วนประเด็นการสังหารไม่น่าจะเป็นเพียงแค่การทวงหนี้ ซึ่งนายเขมทัต อาจไม่ใช่มือปืน แต่อาจเกี่ยวข้องในขบวนการซึ่งจะต้องสืบสวนให้ชัดเจนอีกครั้ง ไม่ได้เร่งรัด แต่ให้ดำเนินการอย่างรอบคอบที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี