ฟัน‘เสี่ยตือ’รวยผิดปกติ
ปมบ้าน16ล้าน
ปปช.ชงศาล‘ยึดทรัพย์’
ชี้แจงที่มาสมบัติไม่ได้
ในสมัยนั่งเก้าอี้รมว.ศธ.
‘สมศักดิ์’ยันยอมรับมติ
นัดเปิดใจอีกรอบ1มิ.ย.นี้
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงที่กล่าวหานายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง
รมว.ศึกษาธิการ ในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรีว่าร่ำรวยผิดปกติ และให้ไต่สวนดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สินของนายสมศักดิ์ ที่ได้ยื่นแสดงไว้ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินในตำแหน่งต่าง ๆ ทุกกรณี
ต่อมาคณะกรรมการป.ป.ช. ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 259-6/2554 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2554 ว่านายสมศักดิ์ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ในกรณีไม่แสดงเงินฝากของตนและหรือของคู่สมรสที่ฝากไว้ในบัญชีเงินฝากต่างๆและไม่แสดงบ้านพักอาศัยเลขที่ 5/5 ต.ไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้เสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย ซึ่งศาลฎีกาฯได้มีคำพิพากษาว่านายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามคดีหมายเลขดำที อม. 4/2554 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 3/2555
กรณีการการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหานายสมศักดิ์ ว่าร่ำรวยผิดปกติ นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณารายงานผลการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหา นายสมศักดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ ว่าร่ำรวยผิดปกติ แล้วเห็นว่า นายสมศักดิ์ ได้เริ่มปลูกสร้างบ้านเลขที่ 5/5 ต.ไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 ในช่วงที่นายสมศักดิ์ ดำรงตำแหน่ง รมช.ศึกษาธิการ และมีการก่อสร้างต่อเนื่องในขณะที่นายสมศักดิ์ ดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ โดยมาปลูกสร้างแล้วเสร็จ เมื่อปี พ.ศ. 2554 ใช้เงินในการปลูกสร้างประมาณ 16 ล้านบาทเศษ
นายสรรเสริญ ยังระบุว่า ส่วนที่นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ได้ชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาและคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล นำมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้วเห็นว่า คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายสมศักดิ์ รับฟังไม่ได้ จึงมีมติด้วยคะแนนเสียงข้างมากว่า นายสมศักดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ ได้แก่ บ้านพักอาศัยเลขที่ 5/5 ต.ไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง มูลค่าประมาณ 16 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่บนโฉนดที่ดินเลขที่ 14360 เนื้อที่ 3 ไร่ 24.1 ตารางวา ให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด (อสส.)ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อขอศาลสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดินต่อไป ตามมาตรา 80 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542
ด้านนายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ภายหลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลนายสมศักดิ์ กรณีร่ำรวยผิดปกติไปแล้ว จะส่งเรื่องให้ อสส. ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ เพื่อขอศาลสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งคดีนี้เป็นเรื่องทางแพ่ง จึงไม่มีโทษจำคุก
ขณะที่นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล หรือ”เสี่ยตือ”ซึ่งอยู่ในระหว่างการทัวร์ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่าทราบมติของ ป.ป.ช.แล้วขณะนี้อยู่ต่างประเทศ เรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องเก่าและตนได้ชี้แจงต่อคณะกรรมการป.ป.ช.มาเป็นระยะๆ ทั้งนี้ตนยอมรับในมตินั้น แต่เท่าที่ทราบเสียงในคณะกรรมการป.ป.ช.ก็มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยก่อนที่จะลงคะแนนอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ ประมาณ 6 ต่อ 3 อย่างไรก็ตามตนจะเปิดแถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าวในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. ที่พรรคชาติไทยพัฒนา
วันเดียวกัน ที่โรงแรมดวงจิต จ.ภูเก็ต สำนักงาน ปปช. จัดกิจกรรมการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง ประสานพลังการสื่อสารเพื่อขับเคลื่อนเครือข่ายต้านการทุจริตในระดับจังหวัด
โดยนายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า งานประชาสัมพันธ์ถึงแม้จะมีอยู่แล้วก็ต้องให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่ายุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการปราบปรามการทุจริต เพราะถือว่าเป็นตัวจักรสำคัญในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ดังนั้น นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.ได้ให้ความสำคัญและพยายามที่จะตั้งคณะกรรมการในหารกลั่นกรองข่าวสาร การตั้งคณะกรรมการโฆษกหรือการจัดให้มีรางวัลช่อสะอาดอีกทั้งยังต้องเชิญชูสื่อมวลชนที่ดีเพื่อให้สังคมรู้ว่าการที่ได้รับยกย่อง เพราะได้ทำสิ่งดีและหากถูกกลั่นแกล้งสังคมก็จะได้รู้และไม่ยอมรับ
นายประหยัด กล่าวอีกว่า การจัดกิจกรรมหนเพื่อที่จะทำยุทธศาสตร์เพื่อการต่อต้านทุจริต โดยต้องการให้โครงการในภูมิภาคเข้ามาอยู่ในยุทธศาสตร์นี้ด้วย เลยให้ภูมิภาคเสนอแนวทางประชาสัมพันธ์เพื่อให้สอดคล้องกับพื้นที่ อย่างไรก็ตาม หากมีการประชาสัมพันธ์ที่ดีกับสังคมและชาวต่างชาติได้ ก็จะเปลี่ยนทัศนะคติในการทุจริตของประเทศไทยไปในทางที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ยังมีสิ่งที่ต้องพัฒนาอีกโดยเฉพาะกลไกของเราเองที่จะต้องขับเคลื่อนสิ่งใหม่เหล่านี้ เช่นการทำข่าวประชาสัมพันธ์ที่จะต้องมีมากขึ้น นอกจากนั้นยังเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความสำคัญ ซึ่งเห็นว่ารัฐบาลนี้ก็ให้ความห่วงใยต่อการทุจริต
รองเลขาธิการ ปปช.ยังกล่าวด้วยว่า หลังจาการปฏิวัติโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) การทุจริตถือว่ามีจำนวนลดลง เนื่องจากผู้นำมีความจริงจังและยืนหยัดที่จะแก้ปัญหา ไม่เฉพาะในช่วงที่มีการปฏิวัติเท่านั้น หากในช่วงที่มีรัฐบาลปกติ ถ้าผู้นำมีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาการทุจริตในประเทศไทยก็จะลดลงได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี