พื้นที่ภาคตะวันออก นับเป็นแหล่งปลูกไม้ผลที่สำคัญของประเทศ ซึ่งปัญหาของเกษตรกรผู้ปลูกไม้ผลส่วนใหญ่จะอยู่ที่ต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะค่าปุ๋ยเคมีและสารเคมีทางการเกษตร เนื่องจากพื้นที่มีการใช้ประโยชน์มาอย่างต่อเนื่อง และอาจขาดการปรับปรุงบำรุงดินอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ทำให้ดินเสื่อมโทรม กระทบต่อผลผลิต ดังนั้น เกษตรกรจึงต้องใส่ปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มผลผลิต สิ่งที่ตามมาคือต้นทุนที่สูงขึ้น
วิชาญ เขียวพันธุ์
นายวิชาญ เขียวพันธุ์ หมอดินอาสาประจำหมู่บ้าน บ้านทุ่งใหญ่ หมู่ที่ 12 ตำบลทุ่งเบญจา อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เล่าว่า ตนเป็นเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน ที่ประสบปัญหาเรื่องต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีทางการเกษตร เนื่องจากตนปลูกทุเรียนโดยพึ่งพาแต่เคมีเป็นหลัก ซึ่งในสมัยก่อนราคาปุ๋ยเคมีราคาค่อนข้างต่ำ ระยะหลังมานี้มีการปรับขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่คุณภาพด้อยลงจากที่เคยใช้ในอัตราปกติก็ต้องเพิ่มปริมาณขึ้นไปอีกเท่าตัว แต่ผลที่ออกมาก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นด้วย จึงเริ่มคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะอยู่ได้ จนกระทั่งทางเจ้าหน้าที่จากสถานีพัฒนาที่ดินจันทบุรี สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 2 เข้ามาถ่ายทอดความรู้ ทั้งเรื่องการปรับปรุงบำรุงดิน รวมถึงการลดต้นทุนการผลิตโดยการผลิตปุ๋ยจากวัสดุเหลือใช้ในไร่นาและในครัวเรือนไว้ใช้เอง ลดการใช้ปุ๋ยเคมี
จากนั้นตนก็เริ่มดำเนินการตามคำแนะนำของสถานีพัฒนาที่ดินจันทบุรี ซึ่งมีทั้งการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากสารเร่งซุปเปอร์ พด.1 และน้ำหมักชีวภาพจาก สารเร่งซุปเปอร์ พด.2 ควบคู่กับการปรับปรุงบำรุงดินตามหลักวิชาการ ต่อมาได้รับการคัดเลือกให้เป็นหมอดินอาสาประจำหมู่บ้าน ซึ่งตนก็ได้ถ่ายทอดความรู้ที่ได้มานี้สู่เกษตรกรในหมู่บ้าน ส่งเสริมให้รวมกลุ่มผลิตปุ๋ยใช้เอง โดยในระยะแรกมีเกษตรกรประมาณ 20% ที่ให้ความสนใจเท่านั้น เนื่องจากเกษตรกรอีกหลายรายยังไม่เข้าใจว่าปุ๋ยที่ผลิตเองดีอย่างไร จนกระทั่งมีโครงการเมืองเกษตรสีเขียว ทางสถานีพัฒนาที่ดินจันทบุรี ได้เชิญวิทยากรมาอบรมถ่ายทอดความรู้ พร้อมทั้งแจกวัสดุในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ให้เกษตรกรไปลองทำใช้เอง ทำให้เกษตรกรสนใจเพิ่มขึ้นเป็น 60-70% ประจวบเหมาะกับช่วงนั้นได้รับงบจากรัฐในโครงการ SML จำนวน 300,000 บาท จึงมีการรวมกลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์ไว้ใช้เองในกลุ่ม
ปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตเองนี้มีคุณภาพใกล้เคียงกับปุ๋ยเคมีที่ซื้อในตลาด แต่ต้นทุนการผลิตถูกกว่ามาก กิโลกรัมละ 2.50 บาท ซึ่งทางกลุ่มได้ตัดสินใจว่าถ้าให้ไปใช้ฟรีๆ จะไม่เห็นคุณค่า จึงมีการจำหน่ายในราคาถูกกระสอบละ 100 กว่าบาท ทั้งนี้ ต้องการให้เกษตรกรหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์กันมากขึ้น เพราะปุ๋ยอินทรีย์ราคาถูกกว่าปุ๋ยเคมีจริงอยู่ แต่ก็ต้องใช้ปริมาณที่มาก
กว่าเช่นกัน ถ้าต้นทุนปุ๋ยอินทรีย์ถูกกว่าปุ๋ยเคมีเกษตรกรก็จะใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพิ่มขึ้น ซึ่งสิ่งหนึ่งที่จะได้ตามมาคือได้ปรับ
สภาพดินให้โปร่งร่วนซุยขึ้น มีไส้เดือนหรือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดินเพิ่มขึ้น สภาพสิ่งแวดล้อมในสวนก็จะดีขึ้น และเมื่อระบบนิเวศน์ในสวนเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดี เกษตรกรก็มีโอกาสที่จะเพิ่มผลผลิต สร้างรายได้ที่ดีขึ้น ก่อให้เกิดความยั่งยืนในอนาคต
อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้จะสามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์ไว้ใช้เองได้แล้ว แต่ยังคงต้องพึ่งพาปุ๋ยเคมีอยู่บ้าง โดยใช้อัตราส่วนปุ๋ยอินทรีย์ 70% ปุ๋ยเคมีหรือสารเคมี 30% ใช้ผสมผสานกันไปไม่ได้มุ่งเป็นเกษตรอินทรีย์ 100% แต่เน้นเป็นการทำเกษตรปลอดภัย จะไม่ฉีดสารเคมีแบบพร่ำเพรื่อเกินความจำเป็น หรือใช้ปุ๋ยเคมีปริมาณมากเข้าว่าตามใบสั่งยาของร้านขายปุ๋ย อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เปลี่ยนวิถีการผลิตโดยลดการพึ่งพาเคมีแต่เพียงอย่างเดียว ก็ได้เห็นถึงประโยชน์มากมาย ที่เห็นชัดเจนที่สุดคือต้นทุนการผลิตลดลงจากเดิมพื้นที่ 30 ไร่ ต้องมีค่าใช้จ่ายเรื่องปุ๋ยเคมีและสารเคมีไม่ต่ำกว่า 400,000-500,000 บาทต่อปี พอมาตอนนี้ที่ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้ควบคู่ทำให้ต้นทุนลดลงเหลือไม่ถึงปีละ 200,000 กว่าบาท
ขณะที่ผลผลิตก็ดีขึ้น อย่างลองกองผลจะขยายตัวใหญ่ขึ้น เงาะก็ผลใหญ่ขึ้น ทุเรียนที่อายุต้นหลายปีที่ทรุดโทรมก็กลับมีสภาพต้นดีขึ้น และตามปกติช่วงทุเรียนออกผลจะไม่ติดใบอ่อน พอมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทำให้มีธาตุอาหารสะสมในดินอยู่ตลอด พืชสามารถนำไปใช้ได้อย่างสม่ำเสมอ เนื้อสีเหลืองและละเอียดกว่าตอนใช้เคมี น่าจะเกิดจากพืชดูดซับธาตุอาหารในดินแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่ได้มีกระบวนการเร่งเหมือนเคมี แต่ก็ต้องยอมรับว่าปริมาณผลผลิตจะสู้เคมีไม่ได้ แต่คุณภาพของเราดีกว่าและจ่ายน้อยกว่า พูดง่ายๆว่า แทนที่จะใช้เคมีผลผลิตเยอะรวยเร็วแต่ก็ตายเร็ว ตอนนี้ตนอายุ 60 กว่าปีแล้วอยากอยู่อีกนานๆ ก็ต้องหันมาทำเกษตรอินทรีย์หรือเกษตรปลอดภัยมากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี