5 ก.ค.58 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “สังคมไทยคิดอย่างไรกับเพศที่ 3” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 1 – 2 ก.ค.58 จากประชาชนทั่วประเทศ กระจาย ทั่วทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,250 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับทัศนคติที่มีต่อเพศที่ 3
จากการสำรวจ เมื่อถามถึงการยอมรับของประชาชนกรณีหากมีเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานในองค์กรเป็นเพศที่ 3 พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 88.72 ระบุว่า ยอมรับได้ เพราะ ควรวัดกันที่ความสามารถและนิสัยใจคอเป็นหลัก ไม่ควรเอาเรื่องเพศมาตัดสิน ถือเป็นคนในสังคมเหมือนกันทุกคน อีกทั้งมีเพื่อนเป็นเพศที่ 3 ที่คอยสร้างความสนุกสนานและเพิ่มสีสันให้กับชีวิต ร้อยละ 10.00 ระบุว่า ไม่สามารถยอมรับได้ เพราะไม่ชอบเป็นการส่วนบุคคล และร้อยละ 1.28 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
ด้านการยอมรับของประชาชนกรณีหากมีสมาชิกหรือคนในครอบครัวเป็นเพศที่ 3 พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 79.92 ระบุว่า ยอมรับได้ เพราะ ในเมื่อเป็นไปแล้วก็ต้องทำใจยอมรับ ยังถือว่าเป็นคนในครอบครัว ไม่สามารถตัดขาดกันได้ เพียงแต่ขอให้เป็นคนดี สามารถดูแลตัวเองได้ก็พอ และในบางครอบครัวก็มีสมาชิกเป็นเพศที่ 3 อยู่เหมือนกัน รองลงมา ร้อยละ 16.80 ระบุว่า ไม่สามารถยอมรับได้ เพราะ เป็นการฝืนธรรมชาติ ถือเป็นภาพลักษณ์ของครอบครัว ไม่ชอบเป็นการส่วนบุคคล และร้อยละ 3.28 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
สำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่อการอนุญาตให้เพศที่ 3 สามารถเปลี่ยนคำนำหน้านามได้ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ เกินครึ่ง ร้อยละ 53.20 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะ บางคนไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นเพศไหน อาจเกิดความสับสนวุ่นวายตามมา เช่น การตามหาตัวบุคคล การติดต่อเอกสารหน่วยงานต่าง ๆ ควรใช้คำนำหน้าตามเพศสภาพเดิม ขณะที่ ร้อยละ 39.44 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะ ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับใคร ถือว่าทุกเพศควรมีสิทธิเท่าเทียมกัน แต่ควรเน้นไปที่กลุ่มเพศที่ 3 ที่แปลงเพศแล้ว และร้อยละ 7.36 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ ซึ่งในจำนวนผู้ที่ระบุว่าเห็นด้วยนั้น ร้อยละ 95.33 ระบุว่า ควรอนุญาตให้เพศที่ 3 กลุ่มกระเทยที่แปลงเพศแล้วสามารถเปลี่ยนคำนำหน้านามได้ รองลงมา ร้อยละ 90.06 ระบุว่า ควรรวมถึงกลุ่มทอมที่แปลงเพศแล้วด้วย ร้อยละ 30.83 ระบุว่า ควรรวมถึงกลุ่มทอมที่ยังไม่แปลงเพศ และร้อยละ 28.60 ระบุว่า ควรรวมถึงกลุ่มกระเทยที่ยังไม่แปลงเพศด้วย
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อการออกกฎหมายยอมรับการจดทะเบียนคู่ชีวิต (สมรส) ของบุคคลเพศเดียวกัน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 59.20 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะ ถือเป็นเรื่องความรักของคนสองคน ควรมีสิทธิเท่าเทียมเหมือนกันกับชาย – หญิง ทั่วไป ซึ่งเราไม่สามารถไปบังคับจิตใจใครได้ ประกอบกับยุคสมัยเปลี่ยนไป สังคมที่เปิดกว้างมากขึ้น ดังจะเห็นได้ในต่างประเทศและสังคมทั่วไปที่เพศเดียวกันคบหากันมากขึ้น รองลงมา ร้อยละ 35.04 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะ เป็นการฝืนกฎธรรมชาติที่ว่า เพศชายต้องคู่กับเพศหญิง และยังขัดต่อหลักของศาสนาในบางศาสนา และอาจมีผลกระทบในทางกฎหมายเมื่อถึงคราวต้องเลิกรากันไป และร้อยละ 5.76 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการเพิ่มทางเลือกในการกรอกข้อมูลด้านเพศของเอกสารราชการทุกชนิด ให้มีคำว่า เพศที่ 3 หรือ เพศทางเลือก นอกเหนือไปจาก เพศชายและเพศหญิง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 59.36 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะ จะได้เป็นการระบุให้ชัดเจน เป็นการเพิ่มช่องเพศให้ตรงกับเพศที่อยากจะเป็น และง่ายต่อการระบุหรือจัดประเภท รองลงมา ร้อยละ 35.12 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะ ไม่สามารถแยกแยะเพศสภาพที่แท้จริงได้ อาจเกิดปัญหาตามมา ควรระบุให้ตรงกับเพศสภาพภายนอกเช่นเดิม และร้อยละ 5.52 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
อย่างไรก็ดี จากการสำรวจในครั้งนี้ ภาพโดยรวมได้ยอมรับเพศที่ 3 มากขึ้นเมื่อเทียบกับผลสำรวจ ปี 2556
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี