เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (กอ.รมน.) ส่วนหน้า แถลงชี้แจงกรณีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้ามีแนวคิดเปลี่ยนถังบรรจุแก๊สเป็นถังคอมโพสิต พลัสซึ่งผลิตจากโพลิเมอร์ขนาด 11 กิโลกรัม แทนถังเหล็กขนาด 15 กิโลกรัมที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยห้ามบรรจุและจำหน่ายถังเหล็กขนาด 15 กิโลกรัม ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2558 เป็นต้นไปว่า แนวคิดดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ที่ต้องการให้ประชาชนปลอดภัยจากการก่อเหตุรุนแรงด้วยการลอบวางระเบิดบรรจุในถังแก๊ส โดยมอบให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร รับผิดชอบกำหนดแนวทางดำเนินการให้เหมาะสม และไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา
พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวต่อว่า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จึงได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความเข้าใจ โดยให้บริษัทผู้ประกอบการนำถังแก๊สคอมโพสิตมาใช้แทนถังเหล็ก โดยทยอยเปลี่ยนทดแทน ซึ่งบริษัท ปตท. พร้อมดำเนินการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนบริษัทอื่นๆ หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้ทำบันทึกข้อตกลงมอบหมายให้ผู้ประกอบการรายอื่นดำเนินการแทน และให้ทยอยเรียกคืนถังเหล็กจากผู้บริโภคด้วยการชดเชยคืนค่ามัดจำถัง และนำไปใช้นอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2559
นอกจากนี้ ยังให้ควบคุมการเคลื่อนย้ายถังแก๊สเหล็กเข้า-ออกนอกจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา อีกทั้ง ให้ควบคุมสถานีบริการบรรจุแก๊ส และสถานีบริการแก๊สรถยนต์ โดยเจ้าหน้าที่ความมั่นคง เพื่อไม่ให้มีการลักลอบบรรจุน้ำแก๊สข้ามแบรนด์ และไม่ให้บรรจุแก๊สลงถังแก๊สหุงต้มในสถานีบริการแก๊สรถยนต์ ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2558 เป็นต้นไป โดยไม่ได้สั่งห้ามบรรจุ และจำหน่ายถังเหล็กตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด ระหว่างนี้ผู้บริโภคยังสามารถใช้ถังเหล็กแบบเดิมได้ แต่ให้ทยอยเปลี่ยนถังจนถึง 30 กันยายน 2559 สำหรับผู้บริโภคที่ใช้ถังเหล็กของบริษัท ปตท.สามารถนำไปเปลี่ยนเป็นถังคอมโพสิต ที่สถานีบริการของบริษัท ปตท.ได้ตั้งแต่บัดนี้ ทั้งนี้ จะไม่มีการใช้ถังเหล็กในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป
สำหรับถังแก๊สแบบโพสิต พลัสนั้น เป็นถังที่ผลิตจากโพลีเมอร์ คุณสมบัติคือ มีน้ำหนักเบา ทนอุณหภูมิร้อนและเย็น อายุการใช้งานนาน 20 ปี และไม่เป็นสนิม
ด้านพ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษก กอ.รมน.เปิดเผยผลประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกประจำเดือนสิงหาคมว่า ในที่ประชุม กอ.รมน.เสนอผลประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ครั้งที่ 2 ประจำปี 2558 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเรื่องสำคัญ อาทิ มอบให้กอ.รมน. เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการใช้งานกล้อง CCTV ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) รับผิดชอบการควบคุมและเชื่อมโยงระบบข้อมูลเครือข่าย นอกจากนี้ ผบ.ทบ.ได้สั่งการเพิ่มเติมให้เตรียมกำลังพลปฏิบัติราชการสนาม ประจำปี 2559 ตามที่ประเมินสถานการณ์และอนุมัติกรอบอัตราไปแล้ว โดยให้คัดเลือกคนมีความพร้อมเป็นหลักแทนจัดหมุนเวียนตามโควตา และให้นำยุทโธปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีสูงของหน่วยไปใช้อย่างคุ้มค่า นอกจากนี้ ผบ.ทบ.ยังเน้นงานด้านการข่าวเชิงรุก รวมถึงมาตรการเชิงรับทางยุทธวิธี โดยให้นำบทเรียนกรณีชุดคุ้มครองตำบลบาโร๊ะมาปรับปรุงแก้ไข
ช่วงเช้าวันเดียวกัน ร.ต.ท.อุทัย พันธ์ทอง ร้อยเวรสภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้ปืนเอ็ม16 ยิงร้านน้ำชาเลขที่ 75/1 ม.2 ต.รือเสาะ สอบสวนทราบว่า ขณะที่ ส.ต.อ.อรรถกร บุญชู และ ส.ต.ท.ปรารพภ์ เพ็งหนู 2 ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.รือเสาะ นั่งดื่มน้ำชาและกินข้าวเช้าในร้าน คนร้ายแต่งกายเป็นผู้หญิงอำพรางตัว ใส่เสื้อสีเหลืองสวมกางเกงขายาวสีดำและใช้ผ้าคลุมศรีษะ เดินออกมายืนที่ปากซอยฝั่งตรงข้ามร้านน้ำชา แล้วใช้ปืนเอ็ม.16 ยิงถล่มใส่ตำรวจ 2 นายที่นั่งกินข้าวอยู่ในร้าน แต่ยิงไปได้ 1 นัด ปืนของคนร้ายเกิดขัดลำกล้อง เมื่อคนร้ายคัดกระสุนออกหมายยิงถล่มตำรวจทั้ง 2 นายซ้ำ แต่ไม่สามารถยิงได้ คนร้ายจึงวิ่งไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เพื่อนที่จอดติดเครื่องรออยู่หนีไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่คาดว่า เป็นฝีมือสมาชิกแนวร่วมหวังแก้แค้นให้นายมะซูการือนอ ยะกูมอ แกนนำคนสำคัญระดับสั่งการ ที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิตที่บ้านภรรยา ต.บาตง อ.รือเสาะเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี