‘สมชัย’ห่วงข้าวเก็บ10ปีเสี่ยงเชื้อรา
ท้าครม.กินข้าว‘ปู’
ทดลอง1เดือนสร้างความเชื่อมัน
ปชป.เย้ยลบคำพิพากษาไม่ได้
‘ภูมิธรรม’ยันกินแล้วท้องไม่เสีย
“ภูมิธรรม” โวรับประทานข้าวจำนำที่เก็บไว้ในโกดัง 10 ปี ท้องไม่เสีย เตรียมเปิดประมูลหาเงินเข้ารัฐคาดส่งไปขายแอฟริกา ด้าน “ปชป.-อดีตกกต.สมชัย” ห่วงมีการรมยาเสี่ยงต่อเชื้อรา เสี่ยงเชื้อราอัลฟาท็อกซิน ท้าให้หุงครม.-สภาผู้แทนราษฎร รับประทาน 1 เดือน เพื่อให้เกิดความมั่นใจ
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.โพสต์เฟซบุ๊กว่า เอาข้าว 10 ปี มาขาย ระวังคนจะเลิกซื้อข้าวแกงกินข้าวเก็บโกดัง 10 ปี 150,000 กระสอบ รมยาทุก 2 เดือน เท่ากับผ่านรมยา 50-60 รอบ คุณค่าทางอาหารหาย เสี่ยงสารรมยาสะสมในข้าว เสี่ยงเชื้อราอัลฟาท็อกซิน เมื่อวานทดลอง รมว. พาณิชย์ไปเชิญสื่อมวลชนพิสูจน์ ยังต้องซาวข้าว 10รอบ ถึงทานกันได้ หากจำหน่าย กิโลละ 18 บาท คงมีคนไปซื้อ ซื้อแล้วไปไหนต่อ คงไปขายให้พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยที่ต้องการลดต้นทุนข้าวแกงที่ขาย อาจเอาไปผสมกับข้าวใหม่ให้ดูดี ถึงเวลานั้น กระทรวงพาณิชย์ คงต้องปวดหัวอาจต้องมาแก้ปัญหา คนไม่กล้ากินข้าวแกงกันทั่วประเทศอีกรอบ การสร้างความเชื่อมั่นไม่ยากครับ ก่อนประมูลขายเอกชน ควรทดสอบให้มั่นใจ ให้สถาบันการศึกษาที่น่าเชื่อถือ ทดสอบ วิจัยคุณภาพข้าวและความเสี่ยงอันตรายที่อาจมีจากสารตกค้าง และเชื้อราอัลฟาท็อกซินในข้าว 10 ปีเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน ควรใช้ข้าว 10 ปี หุงเป็นอาหารกลางวันแก่คณะรัฐมนตรี 1 เดือนเต็ม
และเพื่อให้ผู้แทนปวงชนชาวไทยมีโอกาสช่วยยืนยันความเชื่อมั่น ควรใช้ข้าว 10 ปี หุงเป็นอาหารในสภาผู้แทนราษฎร อย่างน้อย 1 เดือน เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์ ขายข้าวด้วยความมั่นใจ ควรให้ข้าราชการรวมทั้งทีมงานการเมืองในกระทรวงทานข้าวที่หุงจากข้าว 10 ปี 1 เดือนเต็ม
แนะเอาไปหุงให้ครม.รับประทาน
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ยืนยันว่าข้าวที่เก็บในโกดัง 10 ปี ยังสามารถกินได้ ว่า เรื่องนี้คงไม่มีใครขัดข้องถ้าข้าวที่เก็บไว้ในโกดังยังมีคุณภาพดี สามารถบริโภคได้ หุงได้ กินได้ แต่ดูจากข้อเท็จจริงแล้วเจ้าหน้าที่นำข้าวสารไปเตรียมการก่อนหุงข้าว การซาว 13-15 น้ำนั้น น้ำซาวข้าวมีมอดลอยจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าข้าวไม่ได้คุณภาพอย่างแท้จริง นายภูมิธรรมควรเอาข้าวในโกดังดังกล่าวไปหุงให้รัฐมนตรีกินกันทั้งคณะในทุกวันอังคารที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ต้องแนะนำแม่บ้านที่หุงข้าวไม่อยากให้ซาวน้ำหลายครั้ง เพราะถ้าซาวน้ำมากกว่า 3 ครั้ง อาจทำให้สูญเสียสารอาหารและกลิ่นหอมในข้าวได้ ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและประหยัดค่าใช้จ่ายได้
ลบล้างคำพิพากษาไม่ได้
นายราเมศ กล่าวอีกว่า กระบวนการตรวจคุณภาพของข้าวว่ามีคุณภาพสามารถบริโภคได้หรือไม่ มีกระบวนการหลักการอยู่ มีหลายหน่วยงานที่สามารถเข้ามาช่วยกันได้เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าบริโภคได้แน่เพราะถ้าหากข้าวที่ไม่มีคุณภาพหลุดออกไป ประชาชนผู้บริโภคคือผู้รับกรรม การตักข้าวใส่ปากกินโชว์ของรองนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่มาตรฐานการตรวจวัดคุณภาพข้าว และภาพมันฟ้องว่าแม้แต่ตัวรองนายกรัฐมนตรีเองก็ไม่มีความกล้าเต็มร้อย เพราะเน้นกับไม่เน้นข้าว มีคนฝากถามช้อนซื้อที่ไหนตักติดแต่กับไม่ค่อยติดข้าว และอีกอย่างที่รองนายกรัฐมนตรีประสงค์จะสื่อสารคือโครงการรับจำนำข้าวไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย ซึ่งการมากินข้าวโชว์ก็เช่นกันที่ไม่สามารถมาลบล้างเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาในคดีทุจริตรับจำนำข้าวได้แม้แต่บรรทัดเดียว
“ภูมิธรรม”ยันท้องไม่เสีย
ก่อนหน้านี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่พาสื่อมวลชนและผู้ส่งออกลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ตรวจสอบข้าวจากโครงการจำนำในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งผู้สื่อข่าวถามแบบหยอกล้อว่า หลังทดลองรับประทาน วันนี้หรือเสียหรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบทันทีว่า “ไม่เสีย โอ้โหสบายมาก” เป็นการตรวจคุณภาพข้าวชิมแล้วไม่มีกลิ่นหืน ไม่มีความรู้สึกว่าจะกินไม่ได้ ความหอมอาจจะลดลงไม่เหมือนข้าวใหม่ แต่ความนุ่นนวลไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้นหลังจากตรวจสอบผู้ประมูลก็สามารถไปหาโรงสีหรือปรับปรุงคุณภาพข้าวให้ดี เมื่อวานผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ก็ไปทานด้วย อธิบดีกรมการค้าภายในก็ไปด้วย ทั้งยังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนร่วมรับประทาน
นายภูมิธรรม กล่าวว่า นอกจากนี้ ตนยังได้เข้าไปตรวจกองข้าว เพื่อไม่ให้มีการจิตนาการไปว่าจะแก้ปัญหาไม่ได้ ไม่อยากให้เอาจินตนาการมาชี้นำความจริง เรื่องนี้เราพยายามทำให้เรื่องราวต่างๆ ของประเทศจบลงด้วยดี และสามารถนำเงินกลับเข้าประเทศได้ อย่างน้อยถ้าประมูลได้ราคามาตรฐาน 17-18 บาท ก็จะมีรายได้เข้ามาถึง 200-400 ล้านบาท
ไม่เกี่ยวฟื้นคดีจำนำข้าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การไปดำเนินการส่วนนี้ จะส่งผลต่อการรื้อฟื้นคดีโครงการจำนำข้าวมาพิจารณาใหม่หรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนั้นไม่ใช่เป้าหมายของตน ตนมีหน้าที่ขนข้าวในคลังออกไปขาย ดีกว่าปล่อยให้เน่าเสียประมาณกว่า 150,000 กระสอบ ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ ก็ถึงขั้นขายไม่ได้ ตอนแรกตนเองก็ไม่มั่นใจจนได้ไปดูและลองหุงมาชิมก็รู้สึกว่าอร่อยไม่มีปัญหาอะไร พร้อมย้ำว่าอยากให้เรื่องนี้ปิดตำนานไปเสีย ส่วนในทางคดีจะเป็นอย่างไรไม่ใช่ภารกิจของตน ใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็ว่ากันไป ส่วนโรงเก็บข้าวเมื่อเคลียร์เรียบร้อยก็จะได้เงินประกันคืน ซึ่งเขาก็ควรจะรับสิทธินั้นอย่างสมเหตุสมผล
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ส่งออกรายใหญ่ 2 ราย คือนครหลวง และธนสรร รวมถึงผู้ส่งออกข้าวหลายรายในจังหวัดสุรินทร์ก็ได้มาร่วมตรวจสอบด้วย และตนมองว่าหากนำข้าวไปปรับปรุงอีกหน่อย ก็จะสามารถขายให้ตลาดข้าวเก่าในทวีปแอฟริกาได้
ย้ำเมล็ดข้าวยังสวยงาม
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนไม่ได้ไปบังคับใคร ใครทานได้ก็ทาน ใครไม่อยากทานก็ไม่ต้องทาน ใครซื้อก็ซื้อ ซื้อไม่ได้ก็ไม่ต้องซื้อ ตนไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติมมากกว่าสิ่งที่ควรทำ และหากในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้หารือกันจนสิ้นสงสัยตนก็จะเร่งดำเนินการประมูลภายในเดือนพฤษภาคมนี้ หรืออย่างช้าไม่เกินเดือนมิถุนายน อยากให้มันจบจะได้ไปทำเรื่องอื่นต่อ ไม่อยากให้เกิดดราม่า เอาจินตนาการมาชี้นำความจริง
“ผมว่ามันคงยุติข้อกล่าวหาตอนแรกไปแล้ว เพราะดูแล้วเม็ดข้าวก็สวยงาม สีของข้าวมีปัญหาจริง ฝุ่นมีปัญหาจริงก็ต้องไปซาวข้าว ซึ่งเอาจริงก็ไม่เกิน 15 ครั้ง เป็นเรื่องปกติของการหุงข้าวมากิน อย่าไปทำให้มันเกิดความน่ากลัว ใครสงสัยผมก็บอกแล้วให้ไปดูด้วยกัน” นายภูมิธรรม กล่าว
นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า โครงการจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นั้นช่วยให้ชาวนาอ้าปากได
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี