ไม่ทราบว่าเป็นเคราะห์กรรมอะไรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพราะภายในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ ปรากฏว่า ผู้บริหารตั้งแต่รัฐมนตรีว่าการ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ไปจนถึงปลัดกระทรวงพากันโดนกวาดต้อนลงจากเก้าอี้กันเรียบวุธหมดทั้ง 3 คน
โดยเฉพาะในรายของปลัดกระทรวง “ชวลิต ชูขจร” ที่ดูจะเป็นยิ่งกว่าเซอร์ไพรส์ เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยมีข่าวหลุดรอดออกมาก่อนว่าจะโดน “ฟ้าผ่า” กับเขาด้วย ผิดกับ 2 อดีตรัฐมนตรีอย่าง “ปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา” และ “อำนวย ปะติเส” ที่ข่าวจะโดนปลดจากตำแหน่งออกมาระลอกแล้วระลอกเล่ามาเป็นเดือน
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ ปลัดฯชวลิต ต้องถูกอัปเปหิออกจากเก้าอี้ แม้เจ้าตัวจะยืนยันเสียงหนักแน่นว่าไม่เกี่ยวกับ “แผลเก่า” กรณีถูกลากเข้าไปเอี่ยวกับปัญหาการทุจริตโครงการรับจำนำลำไยเมื่อปี 2547 หรือในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีรัฐมนตรีเกษตรฯชื่อ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” โดยอ้างว่าอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องในเรื่องนี้ไปแล้ว
แต่รายงานอีกกระแสกลับนั่งยันนอนยันว่า สาเหตุมาจากเรื่องนี้แน่นอน เพราะแม้อัยการสูงสุดจะมีคำสั่งไม่ฟ้องตามความเห็นที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เสนอ ไปให้ จนถึงขั้นต้องมีการตั้งคณะทำงานร่วมขึ้นมาพิจารณาสำนวนใหม่ แต่รายงานข่าวระบุว่าถึงที่สุดแล้ว ป.ป.ช. จะต้องฟ้องร้องเรื่องนี้อย่างแน่นอน ต่อให้อัยการเห็นแย้ง ก็จะฟ้องเอง
นี่จึงเป็นที่มาของการตัดไฟเสียแต่ต้นลม เพื่อพักการปฏิบัติหน้าที่ของปลัดฯชวลิตไปก่อน
ขณะเดียวกันถือเป็นโอกาส“รื้อใหญ่” โดยเปิดทางให้ “พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯคนใหม่ เข้าไปจัดองคาพยพภายในกระทรวงเกษตรฯเสียใหม่ โดยเฉพาะการจัดโผแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงเกษตรฯ ดังนั้นหลังจากนี้ไปจึงต้องจับตาการโยกย้ายภายในกระทรวงเกษตรฯกันอย่ากะพริบ
ตามข่าวระบุว่า เบื้องต้นบุคคลที่ได้รับการคาดหมายจะถูกดันให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงเกษตรฯ คนใหม่ มีแคนดิเดตอยู่ 2 ราย คือ “วิมล จันทรโรทัย” รองปลัดกระทรวงฯ อดีตอธิบดีกรมประมง และนักเรียนทุนมหิดล ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างสุดแรงจาก “สมพล เกียรติไพบูลย์” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม เส้นทางของรองปลัดฯวิมล ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนัก เพราะเป็นที่ทราบกันดีของกลุ่มข้าราชการในกระทรวงว่า ที่ผ่านมารองปลัดฯวิมลค่อนข้างมีปัญหาเรื่อง “ความกล้า” ที่จะตัดสินใจ ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติหนึ่งที่ผู้บริหารจะต้องมี โดยเฉพาะในสมัยที่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมประมงที่ค่อนข้างตัดสินใจล่าช้าและไม่ทำงานไม่ทันต่อสถานการณ์ จนทำให้ปัญหาประมงผิดกฎหมายคาราคาซังมาอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นเหตุให้ต้องย้ายออกมาตำแหน่งอธิบดีประมงในที่สุด
ส่วนแคนดิเดตอีกคน ก็ไม่ใช่ใครอื่น คือ รองปลัดฯ “สมชายชาญณรงค์กุล” ซึ่งที่ผ่านมาเคยบริหารมาแล้วหลายกระทรวง ตั้งแต่อธิบดีกรมวิชาการเกษตร อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ก่อนจะถูกเตะโด่งเข้ากรุไปนั่งตบยุงในเก้าอี้ผู้ตรวจการกระทรวงเกษตรฯ แต่ท้ายที่สุดอดีตรัฐมนตรี “ปีติพงศ์”ก็ต้องดึงกลับมาช่วยงานในเก้าอี้รองปลัดฯ เนื่องจากถือเป็นคนที่ทำงานเร็วและรู้งานเกษตรค่อนข้างดีคนหนึ่ง
แต่ที่สุดแล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับ พล.อ.ฉัตรชัย ว่าจะเอาใครมาเป็นมือไม้รื้อใหญ่รอบนี้ใครจะรุ่ง ใครจะร่วง เดี๋ยวคงได้รู้กัน
มะลิลา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี