‘มงคลกิตติ์’ โผล่ที่ประชุมใหญ่วิสามัญ ปชป. ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ยินดี ‘อภิสิทธิ์’ กลับมานั่งหัวหน้าพรรคฯ เผยสัปดาห์หน้า เตรียมหารือ ‘เฉลิมชัย’ ว่าจะเอายังไงในเส้นทางการเมืองของตัวเอง ปูดมีหลายปัจจัยที่อาจจะมีการขยับให้การเลือกตั้งร่นมาเร็วขึ้นหรือมีการขยายออกไป ไม่เป็นตามกำหนดวันที่ 29 มีนาคม 2569
ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีตที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน) พร้อมตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ ประจำจังหวัดพิษณุโลก นำโดย นายยุทธนา แพรนคร และ คณะที่เป็นโหวตเตอร์ อีก 4 ราย เข้าร่วมการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีระเบียบวาระการประชุมที่สำคัญคือ การเลือกหัวหน้าพรรค และ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดใหม่
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า วันนี้ตนมาในฐานะ ผู้ร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตนได้หารือกับ ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ ประจำจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งทั้ง 5 คน ที่เป็นโหวตเตอร์นั้น เป็นอดีตสมาชิกพรรคไทยศรีวิไลย์เดิมของตน ซึ่งได้หารือกันแล้วว่า จะสนับสนุน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์เดินหน้าต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ถือเป็นหน้าที่ของนายอภิสิทธิ์ และคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดใหม่ ว่า จะเข้ามาขับเคลื่อนงานทางการเมืองอย่างไร ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่สลับซับซ้อน ในขณะนี้
นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า ในแวดวงการเมืองนั้น บุคคลที่มีอิทธิพลและมีพระคุณกับตน ก็คือ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยในช่วงสัปดาห์หน้า จะมีการนัดทานข้าวหารือกับ ดร.เฉลิมชัย ในฐานะผู้ให้กำเนิดทางการเมืองอีกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะไปทิศทางไหนในอนาคตทางการเมือง ทั้งนี้ ตนตระหนักดีว่า สถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ อยู่ในช่วงที่คาดเดาอะไรไม่ได้ เพราะถึงแม้ว่า จะมีการยืนยันในสาธารณะว่า จะมีการเลือกตั้ง สส.ในวันที่ 29 มีนาคม 2569 แต่ตนก็รับรู้ว่า มีหลายปัจจัยที่อาจจะมีการขยับให้การเลือกตั้งร่นมาเร็วขึ้นหรือมีการขยายออกไป เช่น กรณีที่องค์กรอิสระต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง กำลังตรวจสอบกรณีต่างๆ เช่น การแปรญัตตินำงบปี 2568 ไปใช้ในโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเลตโดยมิชอบ ถือเป็นฝ่าฝืนบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะทำให้ สส. และ สว.จำนวนมาก หลุดจากตำแหน่ง กรณีการฮั้ว สว. ซึ่งกำลังไต่สวนอย่างเข้มข้น กรณี 44 สส. ที่ลงชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นต้น เกมส์ทางการเมืองที่จะต้องเกิดขึ้นภายหลังเปิดสมัยประชุมสภาฯ ครั้งต่อไป ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2568 นี้ โดยเฉพาะการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งถ้ายื่นเมื่อไหร่ ก็จะหมดสิทธิ์ยุบสภาจนกว่าจะมีการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมทั้ง อย่าลืมว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องรอทางสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2568 ที่จะรายงานว่า ประชากรของไทยมีจำนวนเท่าไหร่ แล้วจะต้องมาหาร 400 เพื่อเป็นการกำหนดว่า แต่ละจังหวัดจะมี สส. เท่าไหร่ ซึ่งหากจังหวัดใดถูกลดจำนวน สส. ก็จะมีความวุ่นวายโดยเฉพาะพรรคการเมืองที่มีความเคลื่อนไหวอย่างหนักเพื่อกวาดต้อนนักการเมืองเข้าพรรคในขณะนี้
“ถึงแม้ผมจะตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้ว แต่บรรยากาศการประชุมใหญ่วิสามัญในครั้งนี้ ถือเป็นบรรยากาศทางการเมืองที่ผมจะนำไปปฏิบัติตาม หากผมจะตัดสินใจเดินหน้าทางการเมืองต่อไป อย่างไรก็ตาม ในการตัดสินใจทางการเมืองต่อไปนับจากนี้ ผมต้องการคำปรึกษาจากบุคคลที่ผมเคารพนับถือ ว่าจะแนะนำอย่างไร เพราะถึงแม้ว่า มีหลายๆคนที่ให้กำลังใจและบอกให้ตนทำงานการเมืองต่อ แต่ตนก็ต้องขอตั้งหลักก่อนว่า จะเอาอย่างไร เพราะตนก็อยากทำหน้าที่เป็นพ่อที่ดีของลูก พร้อมกับเป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ โดยที่ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งยืนยันว่า ทางเลือกที่ผมจะตัดสินใจนับต่อจากนี้ จะมีผู้มีพระคุณทางการเมืองของผม แนะนำให้ผมไปในทิศทางใด เพื่อให้ตัวผมและประชาชนที่ยังมีปัญหาได้รับประโยชน์จากการตัดสินใจของผมมากที่สุด” นายมงคลกิตติ์กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี