นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์เปิดเผยว่า นโยบายพัฒนาความเข้มแข็งของสหกรณ์เป็นนโยบายที่รัฐบาลและผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ไว้กับกรมส่งเสริมสหกรณ์ ที่จะไปพัฒนาความเข้มแข็งกับสหกรณ์ โดยในการประชุมผู้บริหารที่ผ่านมามีความเห็นตรงกันว่า สหกรณ์แต่ละประเภททั้ง 7 ประเภท ไม่ว่าจะเป็นสหกรณ์การเกษตร สหกรณ์นิคม สหกรณ์ประมง สหกรณ์ร้านค้า สหกรณ์บริการ สหกรณ์ออมทรัพย์ สหกรณ์เครดิตยูเนียน มีวิธีดำเนินงาน มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ฉะนั้น การพิจารณาเรื่องการพัฒนาความเข้มแข็งจำเป็นต้องดูตามการบริการและธุรกิจของสหกรณ์แต่ละประเภท รวมถึงความเข้มแข็งของสหกรณ์ที่เป็นอยู่ด้วย
โดยเบื้องต้นกรมส่งเสริมสหกรณ์ร่วมกับกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จัดลำดับของสหกรณ์ในการที่จะเข้าไปพัฒนาความเข้มแข็งออกเป็น 4 ระดับ คือ 1.ระดับดีมาก ซึ่งจะดูเรื่องการมีส่วนร่วมของสมาชิกในการทำธุรกิจกับสหกรณ์มากกว่า 70% ขึ้นไป อีกทั้ง เรื่องการควบคุมภายในอยู่ในระดับดีมาก การดำเนินงานไปตามวัตถุประสงค์ 2.ระดับพอใช้คือ การเข้าไปทำธุรกิจของสมาชิกต่ำกว่า 70% แต่ไม่น้อยกว่า 60% การควบคุมภายในอยู่ในระดับพอใช้ มีข้อบกพร่องอยู่บ้าง มีการทุจริตอยู่บ้างแต่ได้รับการแก้ไขแล้ว 3.ระดับปรับปรุง สหกรณ์กลุ่มนี้จะต้องปรับปรุงแก้ไข ซึ่งมีเรื่องทุจริต มีข้อบกพร่อง เรื่องการควบคุมภายในที่ยังไม่ดีพอ และ 4.กลุ่มเลิกกิจการ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่จะดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ถ้าสหกรณ์ใดที่มีภาวะการดำเนินการที่ต้องยกเลิก ปิดตัว หรือเลิกกิจการไปก็จะจัดไว้อยู่ในกลุ่มที่ 4 เป็นสหกรณ์ที่ต้องยกเลิกและไปชำระบัญชีให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สหกรณ์เหล่านั้นยกเลิกไปได้ถูกต้องตามกฎหมาย
นายวิณะโรจน์กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้มอบให้สหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัดไปตรวจสอบสหกรณ์ในพื้นที่รับผิดชอบของตนว่าเป็นอย่างไร มีความเข้มแข็ง มีข้อบกพร่อง หรือต้องปรับปรุงเพิ่มเติมอย่างไร ซึ่งข้อมูลทั้งหมดต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ถามแล้วสามารถตอบได้ตรงประเด็น เพราะในตอนนี้นโยบายการพัฒนาสหกรณ์ถือ เป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล ซึ่งต้องเร่งรัดให้เกิดผลสำเร็จโดยเร็ว ในเบื้องต้นกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ประเมินสหกรณ์ที่อยู่ในระดับดีมากไว้ประมาณเกือบ 2,000 สหกรณ์ แต่หลังจากที่ปรับนโยบายการพัฒนาสหกรณ์ใหม่แล้ว คาดว่าตัวเลขของสหกรณ์ที่อยู่ในระดับนี้ก็น่าจะใกล้เคียงกัน แต่จะมีความชัดเจนมากขึ้นในการที่จะลงพื้นที่ไปพัฒนาสหกรณ์ เพราะแผนพัฒนาในรูปแบบเดิมจะทำเป็นวงกว้าง แต่แผนพัฒนาฯแบบใหม่จะเป็นแบบเฉพาะเจาะจงว่าสหกรณ์ใดต้องมีการพัฒนาแบบใด เพื่อที่จะได้ปรับเปลี่ยนได้อย่างตรงจุด
สำหรับการปิดตัวลงของสหกรณ์ที่มีตัวเลขรวมกว่า 1,000 แห่งนั้น เป็นยอดสะสมมาจากหลายปี ไม่ใช่เพียงปีเดียว ซึ่งการชำระบัญชีของสหกรณ์แต่ละแห่งจะต้องใช้เวลา เพื่อดำเนินการในเรื่องของหนี้สินและทรัพย์สินของสหกรณ์ รวมทั้งสหกรณ์บางแห่งมีคดีฟ้องร้อง จึงต้องใช้เวลารดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งนี้ หากการดำเนินโครงการพัฒนาสหกรณ์แล้วเสร็จคาดว่าไม่เกิน 3 ปี ทุกสหกรณ์ทั่วประเทศจะต้องเป็นสหกรณ์ระดับดีมาก หรือสหกรณ์ชั้นดี เพื่อจะให้สมาชิกมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ในส่วนสหกรณ์ใดที่ต้องเลิกกิจการนั้น ก็จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี